- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 05 September 2018 13:22
- Hits: 2479
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตลาดภูมิภาค เผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า-วิตกเงินอ่อนค่าใน Emerging Market
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวัน แต่ก็มีตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับตัวลงมาก เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ที่จะมีการเจรจากันในวันนี้ และประเด็นการค้าสหรัฐฯ กับจีน ที่ทางสหรัฐฯใกล้เวลาจะจบการทำประชาพิจารณ์แล้ว ซึ่งหลังจากจบการทำประชาพิจารณ์ทางสหรัฐฯก็พร้อมที่จะตั้งกำแพงภาษีขึ้น มองว่าถ้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% ก็คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวลงกัน แต่ถ้ายังไม่มีความชัดเจนหรือคิดภาษีน้อยกว่านี้ ก็อาจจะทำให้ตลาดฯแกว่งไซด์เวย์
นอกจากนี้ ในเรื่องของค่าเงินอ่อนค่าในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องค่าเงินของตุรกี และอาร์เจนตินา อ่อนค่ามาก แต่ตอนนี้เริ่มมีอีกหลายประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่าเช่นเดียวกัน อย่างอินโดนีเซีย ค่าเงินอ่อนค่าในรอบ 20 ปี, อินเดียค่าเงินอ่อนค่ามากสุด และอิหร่านก็ค่าเงินอ่อนค่ามากเช่นกัน ซึ่งสร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจจะมีปัญหาไปด้วย และเม็ดเงินก็จะไหลออกจาก Emerging Market ซึ่งกดดันให้เกิดแรงขาย และรวมไปถึงหุ้นไทยที่อาจได้รับผลกระทบด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,720 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ก.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,952.48 จุด ลดลง 12.34 จุด (-0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,091.25 จุด ลดลง 18.29 จุด (-0.23%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,896.72 จุด ลดลง 4.80 จุด (-0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 33.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 184.32 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.88 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 22.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ย.61) 1,714.41 จุด ลดลง 6.80 จุด (-0.40%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 169.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ก.ย.61) ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ย.61) ที่ 6.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.76 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 32.70-32.85
- ค่าเงินตลาดเกิดใหม่ ส่อผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ หลัง "ตุรกี" ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ ด้าน "อาร์เจนฯ" ออกมาตรการหวังพยุงเศรษฐกิจ ขณะค่าเงิน "อินโดฯ-อินเดีย" ทำสถิติอ่อนค่าครั้งใหม่ ต่อเนื่อง กกร. สั่งจับตาตลาดเงินใกล้ชิด หวั่นกระทบบาทผันผวน ด้านนักวิเคราะห์ฟันธงไทยไร้ผลกระทบ เหตุฐานะแกร่ง
- "ชาญศิลป์"เตรียมชงบอร์ดปตท.เคาะพันธมิตรร่วมประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2.24 แสนล้านบาท คาด"บีทีเอส"ตัวเต็งร่วมชิงดำ ด้าน"ซีพี"รุกต่อเนื่อง รุดหารือ"ซีอาร์อาร์ซี" จากจีน หลังเดินสายพบ"อิตาลี-ฝรั่งเศส" ยันยังไม่ตัดสินใจดึงใครร่วมเป็นพันธมิตร
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค.สูงสุด 64 เดือน ผลจากเศรษฐกิจ ส่งออก ท่องเที่ยว ขยายตัวดีต่อเนื่อง พร้อมกับกระแสจัดเลือกตั้งปีหน้า ช่วยดันดัชนี เชื่อมั่นทุกรายการกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และเข้าสู่ภาวะขาขึ้น ม.หอค้าฯเตรียมขยับคาดการณ์จีดีพีเกิน 4.6-5%
- การประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ (คณะอนุฯ คนร.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเห็นชอบแผนการควบรวมกิจการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 100% และประกอบธุรกิจโทรคมนาคมเหมือนกัน จึงกำหนดเป้าหมายให้ควบรวมกันให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.62 โดยดำเนินการควบรวมภายใต้ พ.ร.บ.บริษัท มหาชน พ.ศ.2535 เนื่องจากทีโอทีและแคทเป็นบริษัทมหาชนแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- TPLAS (บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเสนอขาย IPO ที่ 1.48 บาท/หุ้น โดยบริษัทฯดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท ถุงร้อน ผลิตจากพลาสติกชนิด Polypropylene (PP) ถุงขุ่น และ ถุงหูหิ้ว ผลิตจากพลาสติกชนิด High Density Polyethylene (HDPE) ภายใต้ตราสินค้า "หมากรุก" และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ผลิตจากพลาสติกชนิด Polyvinyl Chloride (PVC) ภายใต้ตราสินค้า "Vow Wrap" โดยดำเนินงานภายใต้สโลแกนคือ "มาตรฐาน ทนทาน เหนียวแน่น" บริษัทเน้นการขายในตลาดท้องถิ่น มีทีมขายที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศ
- CKP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 4.8 บาท เก็งกำไรงบ Q3/61 โตก้าวกระโดดจากโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ในลาวเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต ตามน้ำในเขื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหน้าฝน
- ASAP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.50 บาท กำไร H2/61 มีแนวโน้มสดใสกว่า H1/61 จากการเปิด ASAP Auto Park phase 1 ซึ่งจะทำให้มีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการขายรถมือสองเพิ่มขึ้น จึงคาดกำไรสุทธิปีนี้ 158 ลบ. +4.8%Y-Y ก่อนจะโตแรง +37%Y-Y เป็น 217 ล้านบาทในปีหน้า จากการรับรู้รายได้ AutoPark เต็มปี และอัตรากำไรของธุรกิจขายรถหมดอายุสัญญาที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ชอบ ASAP ในฐานะผู้นำธุรกิจ Car Sharing และคาด ROE จะพุ่งแตะ 17% ในปี 2563 จากเพียง 11% ในปัจจุบัน ขณะที่ NVDR ซื้อเพิ่มต่อเนื่อง โดยปีนี้ซื้อไปแล้ว 267 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ซื้อเพียง 110 ล้านบาท
- PTTGC (กสิกรไทย) "ซื้อ" แม้ความน่าสนใจของกลุ่มโรงกลั่นจะลดน้อยลงจากแรงกดดันของค่าการกลั่น (GRM) แต่ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมด ชอบ PTTGC มากที่สุดเนื่องจากเป็นบริษัทตัวแทนกลุ่มต้นน้ำ กอปรกับมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่น้อย และไม่มีการผลิตน้ำมันเบนซิน ขณะที่ประเด็นความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังในระบบของ GGC หายไปมูลค่ารวม 2.1 พันลบ. จะกระทบต่อ PTTGC เพียงเล็กน้อย
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าอ่อนตัวลง เหตุวิตกตลาดเกิดใหม่-ข้อพิพาทการค้าสหรัฐและคู่ค้า
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าอย่างจีนและแคนาดา รวมทั้งสกุลเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ร่วงลงจนทำให้เกิดการคาดการณ์เรื่องการขยายวงของวิกฤตที่เกิดขึ้นล่าสุด
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,512.14 จุด ลดลง 461.20 จุด, -1.65% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,631.17 จุด ลดลง 65.73 จุด, -0.29% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,807.26 จุด ลดลง 5.50 จุด, -0.30%
ตลาดการเงินทั่วโลกต่างจับตาการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐและแคนาดาในวันนี้ หลังจากที่ตัวแทนเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ส.ค. ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุไว้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น
ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดาได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดการเงิน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. ลดลงอย่างมากจากระดับ 52.8 ในเดือนก.ค. และสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนมีการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว ส่วนดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.7% และหากเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.9%
สำหรับปัจจัยที่ช่วยหนุน GDP ให้ขยายตัวรวดเร็วเกินคาดในไตรมาส 2 นั้น มาจากอัตราการออมของภาคครัวเรือนซึ่งปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1% ในไตรมาส 2 จากไตรมาสแรกที่ระดับ 1.6%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 46.74 จุด เหตุวิตกข้อพิพาทการค้า,ข้อมูลเศรษฐกิจซบเซา
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักร ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,457.86 จุด ลดลง 46.74 จุด หรือ -0.62%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ในเดือนส.ค. จากระดับ 55.8 ในเดือนก.ค.
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากการเจรจา NAFTA ฉบับใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 7.5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 รวมทั้งประกาศแต่งตั้งนายมาร์ค รี้ด เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แทนนายมาร์ติน ซอร์เรลล์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกข้อพิพาทการค้า,ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนชะลอตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยสหรัฐและแคนาดาจะเปิดฉากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากการเจรจาคว้าน้ำเหลวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.7% แตะที่ระดับ 379.83 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,457.86 จุด ลดลง 46.74 จุด หรือ -0.62% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,342.70 จุด ลดลง 71.10 จุด หรือ -1.31% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,210.21 จุด ลดลง 136.20 จุด หรือ -1.10%
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากการเจรจา NAFTA ฉบับใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่
ตลาดยังได้รับแรงกดดันเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจาก ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 54.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 และต่ำกว่าระดับ 55.1 ในเดือนก.ค.
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 7.5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 รวมทั้งประกาศแต่งตั้งนายมาร์ค รี้ด เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แทนนายมาร์ติน ซอร์เรลล์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 12.34 จุด เหตุวิตกข้อพิพาทการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยสหรัฐและแคนาดาจะเปิดฉากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากการเจรจาคว้าน้ำเหลวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,952.48 จุด ลดลง 12.34 จุด หรือ -0.05% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,091.25 จุด ลดลง 18.29 จุด หรือ -0.23% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,896.72 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.17%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากการเจรจา NAFTA ฉบับใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
หุ้นไนกี้ ร่วงลง 3.2% หลังจากไนกี้ประกาศเลือกโคลิน เคเปอร์นิค ควอเตอร์แบ็คอเมริกันฟุตบอลวัย 30 ปี ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของบริษัท โดยเคเปอร์นิคเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ออกประท้วงการเหยียดผิวในกระบวนการยุติธรรมและการกระทำรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อคนผิวสี ด้วยการคุกเข่าลงระหว่างการยืนเคารพเพลงชาติสหรัฐ
หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 2.6% หลังจากบริษัทโบรกเกอร์ มอฟเฟตต์เนธานสัน ได้ลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเฟซบุ๊ก โดยระบุถึงการเติบโตด้านรายได้ที่ถดถอยลง
หุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 6.7% หลังจากทรานส์โอเชียนตกลงเข้าซื้อกิจการโอเชียน ริก ยูดีดับเบิลยู ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาด้านการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง ด้วยเงินสดและหุ้นมูลค่ารวม 2.7 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโอเชียน ริก ยูดีดับเบิลยู ทะยานขึ้น 12%
หุ้นอเมซอน ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,050.50 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของอเมซอนทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และอเมซอนก็สามารถทำสถิติดังกล่าวได้เมื่อคืนนี้ ซึ่งห่างจากวันที่แอปเปิลทำไว้เพียง 5 สัปดาห์
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้น JD.com ดิ่งลง 5.97% หลังจากมีข่าวว่า นายหลิว เฉียงตง หรือ ริชาร์ด หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ได้ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐจับกุมตัวในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างเดินทางไปทำธุรกิจในสหรัฐ ส่วนหุ้นนิว โอเรียลทัล เอ็ดดูเคชัน แอนด์ เทคโนโลยี ร่วงลง 3.91%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 61.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547 จากระดับ 58.1 ในเดือนก.ค.
การพุ่งขึ้นของดัชนีภาคการผลิตของ ISM สวนทางข้อมูลของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 2/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์
OO13373