- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 30 August 2018 11:35
- Hits: 3246
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค รับ Sentiment บวกจากสหรัฐฯ-ลุ้นแรงตอบรับจากงานไทยแลนด์โฟกัส
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกัน รับ Sentiment บวกจากตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นได้ดี หลังจากที่ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯออกมาดีขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา
สำหรับตลาดบ้านเราน่าจะได้ตัวช่วยจากงานไทยแลนด์โฟกัส ที่น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ จากสถิติที่ผ่านมาหลังงานจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดฯ ซึ่งก็ต้องรอลุ้นจะได้รับการตอบรับมากแค่ไหน แต่ในระยะสั้นเห็นเงินไหลเข้ามาในตลาด Bond นอกจากนี้ยังได้ตัวช่วยจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในประเด็นของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
อย่างไรก็ดี Emerging Market คงจะยังมีแรงกดดันจากปัญหาของอาร์เจนติน่า และตุรกี ที่ยังไม่จบ และยังเผชิญแรงกดดันจากจีนด้วย โดยเฉพาะประเทศที่อิงกันจีนจะโดนผลกระทบมาก
พร้อมให้แนวรับ 1,714 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,124.57 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,914.04 จุด เพิ่มขึ้น 16.52 จุด (+0.57%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,109.69 จุด เพิ่มขึ้น 79.65 จุด (+0.99%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 171.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 117.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 54.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.90 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,722.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด (+0.24%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,069.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ส.ค.61) ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ส.ค.61) ที่ 6.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.68 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดรอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 32.60-32.75
- แบงก์ชาติ"ไม่สบายใจ" หลังเห็นทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าบอนด์ระยะสั้น กดดันเงินบาทแข็งค่า สั่งจับตาใกล้ชิด เผย 7 วันทำการ ต่างชาติซื้อสุทธิบอนด์ไทยกว่า 5.7 หมื่นล้าน ด้าน"บัณฑูร"ฟันธงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังคึก สัญญาณการลงทุนเริ่มมา ลั่นยังไม่มีแผนขยับดอกเบี้ย เหตุสภาพคล่องยังสูง
- ผู้บริหารเอ็กซอนโมบิลพบ"สมคิด" ย้ำแผนลงทุนใหม่ในอีอีซี ทวงถามความคืบหน้าที่ดินลงทุนโรงกลั่นทันสมัยเปลี่ยนปิโตรเคมีเป็นพลาสติก วงเงิน 2.5 แสนล้าน ยื่นข้อเสนอขอใช้พื้นที่ใกล้โรงกลั่นเดิม "สมคิด"เตรียมนำไปหารือนายกฯหาข้อสรุป ด้าน "อาคม" เผยญี่ปุ่นยืนยันจับมือจีนลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2018 ขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค.นี้ โดยมีกองทุนรวมต่างชาติเข้าร่วมงาน 161 ราย ที่มีวงเงินบริหารสินทรัพย์รวม 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 69.3 ล้านล้านบาท มีทั้งกลุ่มเก่าและกลุ่มที่ไม่เคยเข้าร่วมงานมาก่อนอย่างกองทุนจากตะวันออกกลางและอินเดีย โดยมีการนัดหมายพบระหว่างผู้บริหารกองทุนและบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 115 บริษัท รวมทั้งสิ้น 2,248 ครั้ง
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มูลค่าที่จะเสนอขาย รอบแรก 4.4 หมื่นล้านบาท
- สมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เข้าพบเลขาธิการ กสทช. ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อแก้ปัญหาทีวีดิจิทัล เน้นรื้อต้งแต่เปิดจัดสรรใหม่ ทบทวนค่ามัสต์แครี่ และทำสำรวจเรตติ้งของแต่ละเจ้าเอง อ้างที่ผ่านมาไม่เป็นธรรม กระทบต่อรายได้ค่าโฆษณา
*หุ้นเด่นวันนี้
- BM-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM)) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มีจำนวน 109,999,966 หน่วย อายุ 2 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 4 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันเดียวกัน คือวันที่ 14 ส.ค.63
- CPN (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 92 บาท เซ็นทรัลกรุ๊ป พร้อมหนุน CPN เข้าซื้อหุ้น GLAND หากช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเติบโต พร้อมมองยอดขายกลุ่มปีนี้ขยายตัวดีตามศก. ทั้งนี้ CPN ประกาศกำไรสุทธิใน Q2/61 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 4% QoQ เป็นไปตามที่คาดไว้ โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เพิ่งเปิดช่วง Q4/60 ที่นครราชสีมาและมหาชัย และมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโด Escent ที่ระยอง, เชียงใหม่และขอนแก่นได้ 1.4 ล้านบาท โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2561 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท +22% YoY โดยในช่วง H2/61 จะทยอยรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดที่ระยอง, เชียงใหม่และขอนแก่นอีกราว 1.2 พันล้านบาท และเปิดศูนย์เพิ่มอีก 2 แห่ง
- KKP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 85 บาท ทยอยซื้อรับปันผล 2 บาท ต่อหุ้น ให้ Dividend yield 2.6% ขึ้น XD 6 ก.ย. และยังได้ Sentiment บวกหลังกระทรวงการคลังยื่นไฟลิ่งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) หนุนรายได้ค่าฟรีเพิ่มขึ้นผ่านการลงทุนในภัทร
- PTTGC (กสิกรไทย) "ซื้อ" แม้ความน่าสนใจของกลุ่มโรงกลั่นจะลดน้อยลงจากแรงกดดันของค่าการกลั่น (GRM) แต่ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมด ชอบ PTTGC มากที่สุดเนื่องจากเป็นบริษัทตัวแทนกลุ่มต้นน้ำ กอปรกับมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่น้อย และไม่มีการผลิตน้ำมันเบนซิน ขณะที่ประเด็นความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังในระบบของ GGC หายไปมูลค่ารวม 2.1 พันลบ. จะกระทบต่อ PTTGC เพียงเล็กน้อย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับ GDP ไตรมาส 2 สหรัฐขยายตัวเกินคาด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนบวกเมื่อคืน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดา
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,020.18 จุด เพิ่มขึ้น 171.96 จุด, +0.75% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,769.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.04 จุด, +0.00% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,533.93 จุด เพิ่มขึ้น 117.49 จุด, +0.41% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,153.97 จุด เพิ่มขึ้น 54.40 จุด, +0.49% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,313.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด, +0.18% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,247.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, +0.10% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,821.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.90 จุด, +0.05%
นักลงทุนขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา ได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐเกี่ยวกับการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกก่อนหน้านี้
นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่แคนาดาและสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ก่อนเส้นตายวันศุกร์นี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าหากข้อตกลงดังกล่าวให้ผลประโยชน์ที่ดีต่อแคนาดา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0% โดยได้แรงหนุนจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในด้านซอฟต์แวร์
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 54.01 จุด เหตุเงินปอนด์แข็งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์เป็นปัจจัยฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาในประเด็นที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป EU (Brexit) หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU ได้เลื่อนเส้นตายการบรรลุข้อตกลง Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย.เป็นอย่างช้าที่สุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.21 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -0.71%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์แข็งค่านั้น มาจากการที่นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) กล่าวว่า ยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน
นักวิเคราะห์มองว่า คำกล่าวของนายบาร์นิเยร์เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU กรณี Brexit โดยการที่ EU ยื่นข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นการผ่อนคลายจากเงื่อนไขเดิมที่ EU ระบุว่าอังกฤษจะต้องตัดสินใจเลือกความสัมพันธ์ในอนาคตในรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ และบ่งชี้ว่า EU ได้ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อข้อเสนอจากอังกฤษเพื่อเร่งกระบวนการเจรจา ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 8 เดือนก่อนถึงวันที่อังกฤษจะถอนตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเจรจา Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา นอกจากนี้ บลูมเบิร์กยังระบุว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 18 ต.ค. หรือภายในอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการประชุมสุดยอดผู้นำ EU แต่เบื้องหลังแล้ว พวกเขายอมรับว่าสิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ ผู้นำ EU มีกำหนดหารือกรณี Brexit ในการประชุมสุดยอดที่เมืองซัลส์บูร์กในกลางเดือนก.ย. และอีกครั้งหนึ่งในเดือนต.ค.ที่กรุงบรัสเซลส์
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติ ร่วลง 2.4% ขณะที่หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (เอบีเอฟ) ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังจากที่ร่วงลงในระหว่างวัน จากการที่มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของเอบีเอฟ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวเจรจา Brexit มีความคืบหน้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหภาพยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสภาพยุโรป (Brexit) แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 386.58 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,561.68 จุด เพิ่มขึ้น 34.26 จุด หรือ +0.27% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,501.33 จุด เพิ่มขึ้น 16.34 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.21 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -0.71%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) กล่าวว่า ยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน
นักวิเคราะห์มองว่า คำกล่าวของนายบาร์นิเยร์เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU กรณี Brexit โดยการที่ EU ยื่นข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นการผ่อนคลายจากเงื่อนไขเดิมที่ EU ระบุว่าอังกฤษจะต้องตัดสินใจเลือกความสัมพันธ์ในอนาคตในรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ และบ่งชี้ว่า EU ได้ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อข้อเสนอจากอังกฤษเพื่อเร่งกระบวนการเจรจา ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 8 เดือนก่อนถึงวันที่อังกฤษจะถอนตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเจรจา Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา นอกจากนี้ บลูมเบิร์กยังระบุว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 18 ต.ค. หรือภายในอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการประชุมสุดยอดผู้นำ EU แต่เบื้องหลังแล้ว พวกเขายอมรับว่าสิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ ผู้นำ EU มีกำหนดหารือกรณี Brexit ในการประชุมสุดยอดที่เมืองซัลส์บูร์กในกลางเดือนก.ย. และอีกครั้งหนึ่งในเดือนต.ค.ที่กรุงบรัสเซลส์
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติ ร่วลง 2.4% ขณะที่หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (เอบีเอฟ) ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังจากที่ร่วงลงในระหว่างวัน จากการที่มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของเอบีเอฟ
หุ้นอินดิเท็กซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำอย่าง Zara ร่วงลง 5.7% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินดิเท็กซ์ลงสู่ระดับ underweight จากระดับ equal-weight
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 60.55 จุด รับ GDP สหรัฐโตเกินคาด,หุ้นเทคโนฯพุ่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา นอกจากนี้ การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ของสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,124.57 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,914.04 จุด เพิ่มขึ้น 16.52 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,109.69 จุด เพิ่มขึ้น 79.65 จุด หรือ +0.99%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ ขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา ได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐเกี่ยวกับการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกก่อนหน้านี้
นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่แคนาดาและสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ก่อนเส้นตายวันศุกร์นี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าหากข้อตกลงดังกล่าวให้ผลประโยชน์ที่ดีต่อแคนาดา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0% โดยได้แรงหนุนจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในด้านซอฟต์แวร์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้แรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.5% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 222.98 ดอลลาร์ หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดขึ้น 1.5% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นอเมซอนสูงกว่านักวิเคราะห์รายอื่นๆในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยระบุถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
หุ้นบริษัทบางรายในกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า โดยหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.4% และหุ้น 3M ปรับตัวขึ้น 0.5%
หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น หุ้นยัม ไชน่า และหุ้นนิว โอเรียลทัล พุ่งขึ้น 5.52% และ 4.27% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเน็ตเอส และหุ้น JD.com ปรับตัวลง 1% และ 0.65% ตามลำดับ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 2.3% ในเดือนก.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนปริมาณบ้านในตลาด, ราคาบ้านที่พุ่งสูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ดีดตัวขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO13122