- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 29 August 2018 11:31
- Hits: 1899
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาส Sideway Down เหตุขาดปัจจัยใหม่หนุน-เผชิญแรงขายต่างชาติหลังบาทอ่อนค่าช่วงนี้
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งอย่างไร้ทิศทาง เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบปะปนกันไป ซึ่งที่จริงตลาดบ้านเราอาจจะแกว่งลงเล็กน้อยก็ได้ เนื่องจากตลาดหุ้นอินโดนีเซีย, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย ต่างก็ปรับตัวลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังเผชิญแรงขายของนักลงทุนต่างชาติด้วย จากช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจจะขายเพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน ดังนั้นทิศทางตลาดบ้านเราอาจเป็นลักษณะ Sideway Down ส่วนกองทุนก็ซื้อมาหลายวัน อาจจะมีขายทำกำไรออกมาในระยะสั้นก็ได้
พร้อมให้ติดตาม MSCI ที่จะมีผลในเรื่องการปรับน้ำหนักการลงทุนในวันศุกร์นี้ โดยให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,728 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,064.02 จุด เพิ่มขึ้น 14.38 จุด (+0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,030.04 จุด เพิ่มขึ้น 12.14 จุด (+0.15%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,897.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด (+0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 11.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 39.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.04 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,718.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด (+0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 999.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ส.ค.61) ปิดที่ 68.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ส.ค.61) ที่ 6.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.64 มองกรอบวันนี้ 32.60-32.70 จับตากระแสเงินทุนไหลเข้าไทย
- "บิ๊กตู่" สั่ง ทอท.ตรวจสอบผลตัดสินสุวรรณภูมิเฟส 2 ยันรัฐบาลไม่เอื้อประโยชน์ ประมูลร้านค้าปลอดภาษีรอบใหม่ แฉต่อ TOR เสนอด้านราคาของ ทอท. สุดพิสดาร เงื่อนไขขัดแย้งส่อเค้าผิดที่ระบุชัด ผู้เสนอแบบต้องยืนราคาที่เสนอไว้ไม่น้อยกว่า 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ยื่นข้อเสนอ ขณะที่ใบเสนอราคาของผู้เข้าร่วมประมูลออกแบบโดยวิธีประกวดในข้อที่ 3 ข้อเสนอยืนราคา 90 วัน ส่งผลให้ทุกกลุ่มที่เข้าร่วมประมูลผิดเงื่อนไขการประกวดราคา แถมขัดแย้งกันเอง "นิตินัย" เผย ทอท.สามารถปรับปรุงแบบ แก้ไขข้อด้อยต่างๆ นำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจจ้าง ตั้งข้อสังเกตแล้วจะเปิดประมูลประกวดแข่งขันออกแบบทำไม
- "บิ๊กตู่" เผยเตรียมออก ม.44 คลายล็อกพรรคการเมืองเร็วๆ นี้ หลัง พ.ร.ป.ส.ส.- ส.ว. โปรดเกล้าฯ ย้ำเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 ยันไม่มีปรับครม."มีชัย" ชี้ คสช.ใช้ ม.44 คลายล็อก 6 ข้อ ยกเว้นทำไพรมารีโหวตชั่วคราว ด้าน "อุตตม" แจงไม่มีแผนไขก๊อกเพื่อไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน ก.ค. 2561 ขยายตัว 4.64% อยู่ที่ระดับ 112.60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 107.61 ซึ่งขยายตัวเป็นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15
- เลขาธิการ ก.ล.ต.ออกโรงเตือนนักลงทุน ตั้งสติก่อนลงทุน ICO หรือ ดิจิทัลโทเคน ชี้เกิน 90% ล้มเหลว โดนหลอก มีไม่ถึง 10% ที่ประสบผลสำเร็จ เผยเตรียมประกาศใช้กฎหมายลูกในการกำกับดูแลและบทลงโทษในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีฟ้องร้องฉ้อโกงหุ้น DNA เอี่ยวนักธุรกิจฟินแลนด์ พร้อมประสานกองปราบปรามดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายกำหนด
- ครม.ไฟเขียวรีดภาษีเกี่ยวกับการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม 15% แจงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นธรรมในการลงทุน ประเมินหนุนรัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มปีละ 2.5 พันล้าน ด้านคลังถก ก.ล.ต.ตั้งกองทุนรวมเสนอขายเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTT (ไอร่า) เป้า 66 บาท อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับแผนงาน New S-Curve เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต เช่น การแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็น PTTOR เพื่อการดำเนินงานที่คล่องตัวมากขึ้น พร้อมที่จะเติบโตในธุรกิจค้าปลีก โดยการโอนสินทรัพย์ให้ PTTOR มีผลแล้วเมื่อ 1 ก.ค.61 ที่ผ่านมา คาดจะมีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวในช่วง Q3/61 และเบื้องต้นคาด PTTOR จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วง Q2/62 พร้อมคาดผลการดำเนินงานของ PTT จะยังคงแข็งแกร่งในช่วง H2/61 ทั้งจากธุรกิจท่อส่งก๊าซที่มั่นคง และโรงแยกก๊าซที่คาดผลการดำเนินงานจะยังคงโดดเด่นตามราคาน้ำมันดิบที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง พร้อมคาดกำไรปี 61 ทรงตัวจากปีก่อน, Dividend Yield = 4.0%
- DDD (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 49 บาท ปรับลดประมาณการกำไรปี 2561-2563 ลง 21.3 - 22.9% เพื่อสะท้อน ผลประกอบการในไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวลงกว่าคาด โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของ DDD ใน Q3/61 จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจาก 1) การเปลี่ยนแปลงผู้จัดจำหน่ายในประเทศ และ 2) ยอดขายส่งออกชะลอตัว อย่างไรก็ตามรายได้ของ DDD จะฟื้นตัวในไตรมาส 4/61 เนื่องจากคาดว่าการส่งออกและยอดขายทางการค้าที่ทันสมัยจะเพิ่มขึ้นพร้อมกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น ในระยะยาวคาดว่ากำไรของ DDD จะเพิ่มขึ้นที่เฉลี่ยที่ 16% ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเชื่อว่าการลดลงของราคาหุ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26 บาท แนวโน้มกำไร Q3/61 คาดทรงตัวใกล้ Q2/61 เพราะล็อคราคาขายถ่านหินไปเกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วง Q4/61 จนถึงปีหน้า จะได้ประโยชน์เต็มที่จากสัญญาซื้อขายถ่านหินฉบับใหม่ ที่อ้างอิงกับราคาถ่านหิน ณ ปัจจุบัน ล่าสุด +16% Y-Y อยู่ที่ US$112/ตัน ทั้งนี้ Downside ในเชิง Valuation ค่อนข้างจำกัด PE2561 ต่ำเพียง 10 เท่า PEG แค่ 0.3 เท่า และ PBV ใกล้เคียง 1 เท่า
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังจากที่สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,820.86 จุด เพิ่มขึ้น 7.39 จุด, +0.03% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,774.86 จุด ลดลง 3.12 จุด, -0.11% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,362.84 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด, +0.04% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,029.12 จุด เพิ่มขึ้น 39.57 จุด, +0.36% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,304.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด, +0.07% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,251.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุด, +0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,821.86 จุด ลดลง 5.04 จุด, -0.28%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กำลังเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงวอชิงตัน ขณะที่นางแมรีสก็อต กรีนวู้ด ประธานสภาธุรกิจแคนาดา-อเมริกัน ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะสามารถได้ข้อสรุปในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 39.73 จุด หลังหุ้นเหมืองพุ่งรับข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้น หลังจากสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.22 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.52%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเฟรสนิลโล ปรับตัวขึ้น 1.1% และหุ้น Evraz ทะยานขึ้น 5.4%
สำหรับปัจจัยที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่นั้น มาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA โดยปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโกจะช่วยสนับสนุนบรรดาเกษตรกรและผู้ผลิตของทั้งสองประเทศ
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (เอบีเอฟ) ร่วงลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเอบีเอฟ
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กำลังเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ทางด้านนางแมรีสก็อต กรีนวู้ด ประธานสภาธุรกิจแคนาดา-อเมริกัน ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะสามารถได้ข้อสรุปในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดขยับลง เหตุเงินยูโรแข็งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นของบริษัทข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐและเม็กซิโก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.03% ปิดที่ 385.46 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,527.42 จุด ลดลง 10.89 จุด หรือ -0.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,484.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ +0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.22 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.52%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเล็กน้อย เนื่องจากการแข็งค่าของเงินยูโรได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA โดยปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโกจะช่วยสนับสนุนบรรดาเกษตรกรและผู้ผลิตของทั้งสองประเทศ
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กำลังเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ทางด้านนางแมรีสก็อต กรีนวู้ด ประธานสภาธุรกิจแคนาดา-อเมริกัน ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะสามารถได้ข้อสรุปในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเฟรสนิลโล ปรับตัวขึ้น 1.1% และหุ้น Evraz ทะยานขึ้น 5.4%
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (เอบีเอฟ) ร่วงลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเอบีเอฟ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของเยอรมนีจากสถาบัน GfK, อัตราว่างงานเดือนส.ค.และยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของเยอรมนี ส่วนยูโรสแตทจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.และอัตราว่างงานเดือนก.ค.ของกลุ่มยูโรโซน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 14.38 จุด นักลงทุนจับตาสหรัฐ-แคนาดาเจรจาการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) ขานรับผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา ท่ามกลางความหวังที่ว่า รัฐบาลแคนาดาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ภายในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,064.02 จุด เพิ่มขึ้น 14.38 จุด หรือ +0.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,030.04 จุด เพิ่มขึ้น 12.14 จุด หรือ +0.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,897.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด หรือ +0.03%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 133.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2543 จากระดับ 127.4 ในเดือนก.ค. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นจะลดลงสู่ระดับ 126.7 นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองดีขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 24.3% จากระดับ 22.9% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กำลังเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่นางแมรีสก็อต กรีนวู้ด ประธานสภาธุรกิจแคนาดา-อเมริกัน ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะสามารถได้ข้อสรุปในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.07% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.6% ส่วนหุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ และหุ้นอินเทล ต่างก็ดีดตัวขึ้น 0.5%
หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทค้าเครื่องประดับรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 1.08 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.04 พันล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นทอมสัน รอยเตอร์ พุ่งขึ้น 3.2% หลังมีรายงานว่า บริษัทจะซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนจำนวน 30% ของปริมาณหุ้นทั้งหมดที่มีการออกในตลาด โดยคณะกรรมการบริหารของรอยเตอร์ให้การอนุมัติแผนการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ ผ่านทางวิธีการที่เรียกว่า "substantial issuer bid" หรือ SIB
ทั้งนี้ รอยเตอร์จะนำเงินทุนส่วนหนึ่งจากวงเงินราว 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้จากการขายหุ้น 55% ในธุรกิจการเงินและความเสี่ยงให้แก่บริษัทแบล็คสโตน กรุ๊ป มาสนับสนุนการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้
หุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ร่วงลง 2.3% เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อจุดยืนของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา หลังจากที่นายมัสก์ยกเลิกแผนในการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาได้สร้างความแตกตื่นให้กับนักลงทุนด้วยการทวีตข้อความว่าจะนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ก.ล.ต.สหรัฐเตรียมสอบสวนนายมัสก์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
หุ้นเบสท์ บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 แม้ว่าตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนมิ.ย. แต่ชะลอตัวลงจากระดับ 6.4% ของเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. ลดลงจากระดับ 6.5% ของเดือนพ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO13058