- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 27 August 2018 12:29
- Hits: 3972
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกับภูมิภาคหลังปธ.เฟดมองศก.แกร่ง-ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ ภายหลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวในที่ประชุมประจำปีของเฟดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งและจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ให้ปรับตัวลง ซึ่งเป็นผลดีต่อ TIP Market
อนึ่ง นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวแข็งแกร่งและเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้า
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบก็ได้ปรับตัวขึ้นด้วยน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมปลดล็อคให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งจะหารือในวันอังคารนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,695-1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710 ถัดไป 1,720-1,725 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,790.35 จุด เพิ่มขึ้น 133.37 จุด (+0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,874.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด (+0.62%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,945.98 จุด เพิ่มขึ้น 67.52 จุด (+0.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 91.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 344.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.99 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวีรชนแห่งชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,703.82 จุด ลดลง 0.98 จุด (-0.06%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,451.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ส.ค.61) ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ส.ค.61) ที่ 6.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.63 แนวโน้มเข็งค่าตามภูมิภาคจากแรงขายดอลล์หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป
- ทอท.มั่นใจเอกชนชิงเค้กดิวตี้ฟรีคึกคัก เตรียมเสนอคณะกรรมการ ทอท.เคาะเริ่มขั้นตอนเปิดประมูล ก.ย.นี้ ประเมินพื้นที่เชิงพาณิชย์กว่า 5.2 หมื่นตารางเมตร ระบุทีโออาร์คุมเข้มสเปคด้านประสบการณ์-การเงิน หวังกรองบิ๊กเอกชนมีคุณภาพ คาดเอกชนเสนอผลตอบแทนรัฐเกิน 15% สูงกว่าคิง เพาเวอร์จ่ายในปัจจุบัน เล็งเข็นประมูลบริหารพิคอัพเคาน์เตอร์ต่อเนื่อง
- บอร์ดธอส.เคาะวงเงิน 60,000 ล้านบาท จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ดึงเอกชนร่วมสร้าง ปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อย ให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท FIX ดอกเบี้ย 3% ต่อปียาว 5 ปี
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการส่งผ่านนโยบายการเงินจาก ธปท.ไปสู่ธนาคารพาณิชย์ หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ไม่จำเป็นที่ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นตามในทันที เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่มาก
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงานไทยแลนด์โฟกัสระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค. 2561 มีสถาบันทั้งในและต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงาน เช่น กองทุน Ostrum Asset Management Asia Limited, Pedder Street Invest Management, Eastspring Investments (Singapore) เป็นต้น
- 'พาณิชย์' แจงผลประชุมเจซี ไทย-จีน ตั้งเป้าเพิ่มการค้าสองประเทศ 1.4 แสนล้านดอลลาร์ปี 2564 ได้ข้อสรุป 8 เรื่อง ขยายการค้า-ลดอุปสรรค
- การบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศปีนี้เริ่มชะลอตัวลงหลังโรงงานผลิตเครื่องดื่มพาเหรดกันปรับสูตรการผลิตที่ลดการใช้น้ำตาลเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีน้ำหวานเพิ่มขึ้น ประกอบกับเทรนด์รักสุขภาพมาแรง ขณะที่ราคาน้ำตาลโลกยังต่ำหนักโรงงานจี้รัฐแก้ปัญหา ยั่งยืนเร่งดันอ้อยไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มมูลค่า
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 25 บาท ได้ผลบวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจน และเก็งกำไรกระแสข่าวภาครัฐเปิดประมูลงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดย STEC เป็นเต็ง 1 ที่มีโอกาสชนะการประมูล
- BJC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 71 บาท SSSG เดือน ก.ค.ของ BIGC ฟื้นตัวดี +3.7% Y-Y จากที่ -0.5% Y-Y ใน Q2/61 เตรียมเปิดสาขารูปแบบใหม่ BigC Food Place สาขาแรก ต.ค.นี้ แนวโน้มกำไร Q3/61 น่าจะทรงถึงปรับขึ้น Q-Q แม้เป็น Low season แต่ปกติ BIGC มักทำการนับสต็อกและทำให้มาร์จิ้นสูงขึ้นใน Q3/61 และคาดกำไรจะทำจุดสูงสุดของปีใน Q4/61 จาก High Season, เริ่มรับรู้โรงแก้วแห่งใหม่และคาดว่าปรับโครงสร้างภาษีแล้วเสร็จใน Q4/61 โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ +26% Y-Y เป็น 6,567 ลบ. และ +21% Y-Y เป็น 7,953 ลบ. ในปีหน้า
- CK (ไอร่า) เป้า 32.50 บาท เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บริษัทร่วมทุน แม้ได้รับผลกระทบจากงานประมูลที่ล่าช้าและทำให้รายได้งานก่อสร้างชะลอตัว เนื่องจากรับรู้ Backlog เดิมที่บางโครงการอยู่ในช่วงเริ่มต้นงานก่อสร้างทำให้สัดส่วนรับรู้รายได้ยังไม่มาก แต่ได้รับประโยชน์จากบริษัทที่ร่วมทุนส่งผลให้กำไรสุทธิยังอยู่ในระดับที่ดี คาดกำไรสุทธิปี 61 ที่ 1,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 60 และคาดเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 62 ไปที่ 2,031 ล้านบาท พร้อมคาด Backlog สิ้นปีนี้ 47,400 ล้านบาทเพียงพอรองรับรายได้งานก่อสร้างปี 62 ประมาณ 31,448 ล้านบาท +5% จากประมาณการปี 61 และมีโอกาสได้รับงานใหม่ที่ทยอยเปิดประมูลนับจากปลาย Q3/61 เป็นต้นไป
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขานรับปธ.เฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนัลงทุนขานรับการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการที่ธนาคารกลางจีนได้ออกมาประกาศใช้มาตรการเพื่อสนับสนุนค่าเงินหยวน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,243.09 จุด เพิ่มขึ้น 571.22 จุด, +2.06% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,759.53 จุด เพิ่มขึ้น 157.76 จุด, +0.70% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,811.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด, +0.16%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม" นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้
ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางกำลังใช้มาตรการเพื่อสนับสนุนสกุลเงินหยวน ขณะที่ข้อพิพาททางการค้าะหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลงในเร็วๆนี้
ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ หรือปรับ "ปัจจัยที่ตรงข้ามกับวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนพุ่งขึ้น 17.1% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.ซึ่งมีการขยายตัว 17.2%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า สำหรับในเดือนก.ค.เพียงเดือนเดียว กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมของจีนที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (หรือประมาณ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นั้น เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 5.15 แสนล้านหยวน ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดดีดขึ้น 14.27 จุด ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการสามวันช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องในวันหยุดธนาคาร
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,577.49 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด หรือ +0.19% และขยับขึ้น 0.3% ในรอบสัปดาห์
ดัชนีหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นทั่วยุโรป และตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ขณะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว
นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง วานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม"
นายพาวเวลยังกล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การสร้างงานในระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป
อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันก่อน เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
ทั้งนี้ หุ้นเหมืองปรับตัวขึ้นนำตลาด นำโดยหุ้นอันโตฟากัสตา บริษัทเหมืองแร่ทองแดง พุ่ง 3.55% เป็นแกนนำหุ้นบวก หุ้นเกลนคอร์พุ่ง 3.3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 2.54%
ส่วนหุ้นลบนำโดย อเมริกัน โทแบคโค บริษัทยาสูบข้ามชาติ ร่วง 3.42% หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ร้านขายของชำออนไลน์ ร่วง 3.14% และเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิงส์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1.76%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย ขานรับปธ.เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดบ.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว โดยที่เงินเฟ้อไม่ปรับตัวขึ้นสูงเกินเป้าหมาย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.18 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 383.56 จุด และปรับตัวขึ้น 0.7% ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,432.50 เพิ่มขึ้น 13.17 จุด หรือ +0.24% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,394.52 จุด บวก 28.94 จุด หรือ +0.23% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,577.49 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด หรือ +0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง วานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม" นายพาวเวลกล่าว
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การสร้างงานในระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป
อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันก่อน เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ สำนักงานสถิติเยอรมนีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในไตรมาสสองของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว GDP เยอรมนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% ในไตรมาสแรก
รายงานระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการนำเข้าที่ขยายตัว 1.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าการส่งออกที่ขยายตัวเพียง 0.7% นอกจากนี้ การบริโภคภาคครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่การบริโภคภาครัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าในตลาดโลกประกอบกับปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง อาจทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีอ่อนแรงลงในภายหลัง
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นอิตาลีปรับตัวขึ้น หลังมีรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอที่จะช่วยซื้อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีบางส่วนในระหว่างที่ประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี เมื่อสามสัปดาห์ก่อน
ข่าวดังกล่าวหนุนให้หุ้นแบงก์อิตาลีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นยูนิเครดิต บวก 1.1% หุ้นอูนิโอเน ดิ บังเค อิตาเลียเน บวก 1% และส่งให้ดัชนี FTSE MIB ปิดปรับตัวขึ้น 133.45 จุด หรือ +0.65% แตะที่ 20,741.96 จุด
ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 1.11%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นอันโตฟากัสตา บริษัทเหมืองแร่ทองแดง พุ่ง 3.55% หุ้นเกลนคอร์พุ่ง 3.3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 2.54%
หุ้นไชร์ บริษัทเภสัชภัณฑ์ บวก 2% หลังจากที่องค์การอาหารและยาอนุมัติยารักษาโรคหายากตัวหนึ่งของบริษัท
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ธนาคารของเยอรมนี บวก 1.30% เป็นแกนนำหุ้นบวกในตลาดหุ้นเยอรมนี ตามด้วยหุ้นโคเวสโตร ผู้ผลิตวัสดุ บวก 1.3% และหุ้นลุฟท์ฮันซา บวก 0.99% ขณะที่หุ้นลินเด้ บริษัทเคมีข้ามชาติ ลดลง 0.84% และหุ้นเฮงเค็ล บริษัทเคมีและสินค้าโภคภัณฑ์ ลดลง 0.76%
หุ้นเปอโยต์ลบ 0.47% ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส ขณะที่หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมทีฟ บวก 3.2% ในตลาดหุ้นอิตาลี
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 133.37 จุด ขานรับปธ.เฟดเชื่อมั่นศก.สหรัฐ-ย้ำขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่รีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,790.35 จุด เพิ่มขึ้น 133.37 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,874.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,945.98 จุด เพิ่มขึ้น 67.52 จุด หรือ +0.86%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.5% ดัชนี S&P เพิ่มขึ้น 0.9% และ Nasdaq พุ่ง 1.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนหลังจากที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้า
นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม" ประธานเฟดกล่าว
นายพาวเวลยังได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การสร้างงานในระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป
เนื้อหาในสุนทรพจน์ของนายพาวเวลส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงการดำเนินการของเฟดในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในทศวรรษ 1970 ซึ่งเฟดได้เรียนรู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อและอัตราว่างงานจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
นอกจากนี้ เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ รวมทั้งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.ทรัมป์ให้ความสนใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดฉากทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้าในระยะนี้
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้
"ดิฉันได้ปรับตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวเป็น 2.75-3% สำหรับปีนี้ ดิฉันคิดว่านโยบายการคลังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในแง่ของการเพิ่มอุปสงค์" นางเมสเตอร์กล่าว
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังระบุว่า แผนการของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นสิ่งที่มีความเหมาะสม
ส่วนนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
"ถ้าเป็นผม ผมจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย และจะปรับนโยบายตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ โดยผมยังไม่เห็นแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ผมจึงไม่คิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เราต้องดำเนินการล่วงหน้า" นายบูลลาร์ดกล่าว
ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ตลอดจนการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันก่อน เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเป็นเวลา 2 วันได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญใดๆ
"เราได้เสร็จสิ้นการหารือ 2 วันกับเจ้าหน้าที่จีน โดยมีการแลกเปลี่ยนมุมมองในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีความเป็นธรรม, สมดุล และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน" นางลินเซย์ วอลเตอร์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
นางวอลเตอร์สกล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือกันเกี่ยวกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และนโยบายถ่ายโอนเทคโนโลยี
บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์มองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวล รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหนุนตลาด
โดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ใจความสำคัญที่ได้จากถ้อยแถลงของนายพาวเวลคือ ประเด็นที่ว่าเฟดจะยังคงท่าทีระมัดระวังในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะยังคงให้ความสำคัญกับการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยวานนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.7% ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 7.2% ในเดือนก.ค.
หุ้นออโต้เดสก์ ทะยานกว่า 15% หลังบริษัทรายงานผลกำไรและรายได้ดีเกินคาด
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่ง 5.8% หลังโบรกปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จาก "ถือ"
หุ้นแก๊ป ร่วง 8.6% โดยถึงแม้บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าเผยกำไรและยอดขายดีเกินคาด แต่ยอดขายสาขาเดิมยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นเอชพี ลดลง 2% หลังบริษัทรายงายรายได้ที่สร้างความผิดหวังให้กับตลาด แม้ผลกำไรจะออกมาสูงกว่าคาดการณ์ก็ตาม
--อินโฟเควสท์
OO12935