- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 24 August 2018 13:25
- Hits: 2330
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบหลังขาดปัจจัยใหม่หนุน, การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนยังไม่ได้ข้อสรุป
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยใหม่เข้ามา แต่ยังติดตามประเด็นสงครามการค้าอยู่ และล่าสุดความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 2 วันที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนอาจจะมีการขายเพื่อล็อคกำไรได้
นอกจากนี้ ช่วงนี้จะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมน้อยแต่ละวันเทรดต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน แสดงให้เห็นภาพการชะลอลงทุน และแม้ว่าตลาดบ้านเราจะปรับตัวลงแต่ก็เชื่อว่าจะไม่ลงแรง เพราะปัจจัยในประเทศยังดีอยู่
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ อาจจะผิดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป พร้อมให้ติดตามประเด็นการเมืองในสหรัฐฯด้วย
ทั้งนี้ให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,700-1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,656.98 จุด ลดลง 76.62 จุด (-0.30%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,878.46 จุด ลดลง 10.64 จุด (-0.13%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.98 จุด ลดลง 4.84 จุด (-0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 73.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 224.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.52 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,704.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.50 จุด (+0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ส.ค.61) ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.04%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ส.ค.61) ที่ 6.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.84 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดรอติดตามท่าทีประธานเฟดในการประชุม"แจ็กสัน โฮล"คืนนี้
- 2 บริษัทยักษ์ใหญ่สร้างรถไฟฟ้าของจีนเข้าพบ"สมคิด"แจ้งความประสงค์สนใจลงทุนไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน-EEC-ท่าเรือระนอง "สมคิด-อาคม" มั่นใจงานกระทรวงคมนาคมไม่สะดุด แม้ 2 ผู้บริหารเตรียมยื่นใบลาออก"อุตตม"เตรียมรับคณะนักธุรกิจจีน 500 รายดึงลงทุน EEC เตรียมลงนามร่วมมือ MOU 17 ฉบับ
- มาตรการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยการเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ทางการค้ารอบที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่อัตรา 25% กับสินค้านำเข้า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.24 แสนล้านบาท) หลังเก็บภาษีกับสินค้าล็อตแรก 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) ไปเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยเริ่มมีการกระจายตัวเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากการบริโภคภาคเอกชนกระจายตัว และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลงไปสู่ฐานราก นอกจากนี้ สินเชื่อเริ่มขยายตัวในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มมากขึ้น สะท้อนการกระจายตัว
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ กำลังจับตาผลกระทบจากสงครามการค้าโลกที่มีต่อผู้ส่งออกไทยอย่างใกล้ชิด โดยยอมรับว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังน่าจะชะลอตัวเหลือเติบโต 7% ต่ำกว่าครึ่งปีแรกที่โตเกิน 10% เนื่องจากครึ่งปีแรกผู้นำเข้ามีการสั่งสินค้าจากไทยเข้าไปสต๊อกล่วงหน้าจำนวนมาก โดยเฉพาะจากสหรัฐเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าที่จะมีการขึ้นภาษีมาภายหลัง
*หุ้นเด่นวันนี้
- PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท แนวโน้ม H2/61 จะโดดเด่นจาก (1) การรวมธุรกิจกับ Big Sea ทำให้กำไรสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้นจากเดิม 15% (2) ธุรกิจที่เคยถ่วงทั้ง Oversea และ FSU กลับมาทำกำไรหมดแล้ว (3) ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน และการลงทุนของกลุ่มพลังงานที่กำลังกลับมา โดยคาดกำไรทั้งปี 820 ลบ. +14% Y-Y ด้าน PE2561-62 เพียง 18-22 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 33 เท่า ทั้งที่สามารถสร้าง ROE ได้สูง 14% มากกว่าภูมิภาคที่ทำได้เพียง 7%
- BCH (ทรีนีตี้) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" เป้า 19.50 บาท หลังราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยยังชอบ BCH เนื่องจากเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้รับประโยชน์จากการปรับเพิ่มเงินค่าประกันตนโดย SSO สูงที่สุด ด้านการเติบโต CAGR ของรายได้และกำไรอยู่ที่ 7.9% และ 11.4% ตามลำดับ โดยมีโครงการยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลทุกแห่งในกลุ่ม ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการเติบโตของรายได้อย่างมีเสถียรภาพ และปี 61 จะเป็นปีแรกที่มีการรับรู้รายได้จาก SSO ในอัตราใหม่เต็มปีเป็นปีแรก ทั้งนี้ BCH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.11 บาท/หุ้น จะขึ้น XD วันนี้ (24 ส.ค. 2561)
- BA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 19 บาท ปี 61 คาดจะพลิกมีกำไรปกติ 1,226 ลบ.จากปี 60 ขาดทุนปกติ 800 ลบ. จากเทรนด์การท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงโตอย่างแข็งแรง บวกกับ กลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้นขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเส้นทางใหม่และความถี่ในเส้นทางบินเดิม อีกทั้งยังมีการเพิ่มสายการบินพันธมิตรทั้ง Code Share Agreement และ Interline Partner ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น วงเงินสูงสุด 500 ลบ.
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าทั้งแดนบวกและลบ นลท.จับตาสุนทรพจน์ปธ.เฟดที่แจ็กสัน โฮล
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งในแดนบวกและลบ ในขณะที่นักลงทุนต่างรอดูนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,599.46 จุด ลดลง 191.00 จุด, -0.69% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,488.68 จุด เพิ่มขึ้น 77.86 จุด, +0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,802.78 จุด ลดลง 8.09 จุด, -0.45%
การเจรจาระหว่างผู้แทนจากสหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่สำคัญได้ ส่งผลให้สงครามการค้าของทั้งสองประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
นางลินซีย์ วอลเทอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราได้สิ้นสุดการเจรจาระยะเวลาสองวันกับทางการจีน โดยเราได้แลกเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินการอย่างยุติธรรม มีความสมดุล และการพึ่งพาอาศัยกันในด้านเศรษฐกิจ"
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารเนื่องจากมีความผันผวนนั้น ขยายตัวขึ้น 0.8% เทียบรายปี โดยได้รับอานิสงค์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อนั้น ยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ระดับ 2%
กระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนี CPI พื้นฐานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นติดต่อกันถึง 19 เดือน
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ณ การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค. โดยขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 11.02 จุด หลังอังกฤษเผยรายงาน Brexit แบบไม่มีข้อตกลงกับ EU
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.22 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ -0.15%
รัฐบาลอังกฤษได้เปิดเผยรายงาน Brexit with no deal ชุดแรกเมื่อวานนี้ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนรับทราบเกี่ยวกับวิธีการวางแผนรับมือกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง
นายโดมินิค ร้าบ รัฐมนตรีของอังกฤษซึ่งดูแลกรณี Brexit เปิดเผยว่า รายงานฉบับนี้ได้ร่างขึ้นโดยองค์กรหลายแห่งของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อบริษัทและประชาชนชาวอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม พรรคแรงงานอังกฤษได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า Brexit with no deal ถือเป็นหายนะ และเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของรัฐบาลในการเจรจาต่อรองเพื่อประเทศ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.6% หุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 2.4%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกอังกฤษออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง, PMI ยูโรโซนชะลอตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยแนวทางการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ชะลอตัวลงในเดือนส.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 383.38 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,365.58 จุด ลดลง 20.12 จุด หรือ -0.16% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,419.33 จุด ลดลง 1.28 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.22 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ -0.15%
รัฐบาลอังกฤษได้เปิดเผยรายงาน Brexit with no deal ชุดแรกเมื่อวานนี้ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนรับทราบเกี่ยวกับวิธีการวางแผนรับมือกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง
นายโดมินิค ร้าบ รัฐมนตรีของอังกฤษซึ่งดูแลกรณี Brexit เปิดเผยว่า รายงานฉบับนี้ได้ร่างขึ้นโดยองค์กรหลายแห่งของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อบริษัทและประชาชนชาวอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม พรรคแรงงานอังกฤษได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า Brexit with no deal ถือเป็นหายนะ และเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของรัฐบาลในการเจรจาต่อรองเพื่อประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 54.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 54.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.6% หุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 2.4% หุ้นอันโตฟากัสตา ลดลง 1.4% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 0.6%
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากทางสายการบินสามารถบรรลุข้อตกลงกับ Forsa ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานในไอร์แลนด์ ในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งที่ส่งผลให้นักบินผละงานประท้วง โดยที่ผ่านมา สหภาพแรงงานมีความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารเกี่ยวกับสภาพการทำงาน, วันหยุดประจำปี และการจ่ายผลตอบแทน จนส่งผลให้นักบินพากันผละงานประท้วงเป็นเวลา 5 วันในเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์คาดหวังว่าการบรรลุข้อตกลงกับ Forsa จะช่วยให้บริษัทสามารถคลี่คลายความขัดแย้งในเยอรมนี สวีเดน เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 76.62 จุด วิตกสงครามการค้า,ตลาดจับตาประชุมแจ็กสันโฮล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,656.98 จุด ลดลง 76.62 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,878.46 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.13% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.98 จุด ลดลง 4.84 จุด, -0.17%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยเมื่อวานนี้สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม โดยล่าสุดนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวที่มีจุดยืนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ได้ประกาศกร้าวเมื่อวานนี้ว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ของปธน.ทรัมป์จะไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.7% หุ้นอีตัน คอร์ป ลดลง 0.7% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.4% และหุ้น 3M ลดลง 0.7%
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี และหุ้นมาราธอน ออยล์ ต่างก็ปรับตัวลง 0.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 1.07% หุ้นอัลฟาเบธ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.5% หุ้นอเมซอน ขยับลง 0.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.4%
หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "Victoria's Secret" ร่วงลง 11.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 1.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 627,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองของสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดของปธน.ทรัมป์ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นับตั้งแต่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ยอมสารภาพผิดในคดีอาญาทั้ง 8 คดี และนายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกในข้อหาก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. โดยจะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์
OO12871