WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

13 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ แม้มองราคาน้ำมันขึ้นหนุนหุ้นพลังงาน-เศรษฐกิจไทยดี,จับตาเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคก็เคลื่อนไหวในกรอบที่ไม่มากนัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่านรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ว่าพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งเป็นส่งที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งมีจะผลในวันที่ 23 ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ออกมาดี ทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2/61 และตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ค.ทำให้เริ่มมีมุมมองว่าทิศทางดอกเบี้ยในประเทศน่าจะสิ้นสุดขาลงและอาจจะค่อย ๆ ขยับขึ้นได้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ก็น่าจะยังเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีด้วย
นอกจากนี้แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังมีทิศทางขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่ก็เปิดสถานะ Long ในส่วนของ Futures ซึ่งอาจจะทำให้ Downside ของตลาดหุ้นน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด และภาพรวมยังเป็นลักษณะเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy)
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,692 และ 1,687 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,706-1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,733.60 จุด ลดลง 88.69 จุด (-0.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,861.82 จุด ลดลง 1.14 จุด (-0.04%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,889.10 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด (+0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 58.12 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 77.75 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 13.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 30.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.49 จุด ,ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 17.80 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 8.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,698.30 จุด เพิ่มขึ้น 3.67 จุด (+0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 258.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ส.ค.61) ปิดที่ 67.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ส.ค.61) ที่ 6.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.78 แนวโน้มอ่อนค่า
- แบงก์ผวาปัญหาตุรกีชะลอปล่อยกู้การค้า หวังปิดความเสี่ยง"ไทยพาณิชย์-เกียรตินาคิน"ยันไม่มีทั้งพอร์ตปล่อยกู้ หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมในตุรกี เหตุพบสัญญาณความเสี่ยงเศรษฐกิจมาก่อนหน้านี้แล้ว
-  ตลาดหลักทรัพย์ออกรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวดครึ่งแรกปีนี้ กวาดกำไรสุทธิรวมกันกว่า 5.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ยอดรายดีขึ้นแตะ 5.8 ล้านล้านบาท เผยราคาน้ำมันหนุน กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ส่วนเกษตร และอาหารยังแย่ เตือนรับมือราคาน้ำมันค่าเงินผันผวน พร้อมเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันการซื้อขาย-โอนหุ้น บจ.นอกตลาดป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิชอบของผู้ไม่ประสงค์ดี ขณะที่ยังไม่พบการสร้างราคาหุ้น
- "พาณิชย์"ปลื้มส่งออกเดือน ก.ค.โต 8.27% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ส่วนยอดรวม 7 เดือน เพิ่ม 10.57% ฟุ้งตลาดส่งออกขยายตัวแทบทุกตลาด ทั้งญี่ปุ่น อินเดีย อาเซียน CLMV แต่สหรัฐลด 1.9% เหตุเจอขึ้นภาษีนำเข้า มั่นใจทั้งปีโตตามเป้า 8% ทำได้แน่ ด้านตลาดรถยนต์เดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นกว่า 25%
- รมว.อุตสาหกรรม เผยระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค.นี้ คณะรัฐบาลและนักธุรกิจจากจีนประมาณ 504 คน นำโดยนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 24 ส.ค. จะร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 6 และร่วมสัมมนาวันที่ 25 ส.ค. คณะหวัง หย่ง พร้อมด้วยนักธุรกิจจากจีนมีกำหนดลงพื้นที่อีอีซี โดยจะลงนามบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ร่วมกันทั้งรัฐและเอกชนประมาณ 17 ฉบับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SVI (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ"เป้าราคา 5.70 บาท มองค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าอีกครั้งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อแรงเก็งกำไรในหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ โดยยังเลือก SVI เป็น Top pick จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตแรงในครึ่งปีหลังและในปีหน้า
- PTTEP (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายที่ 159 บาท จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังอยู่สูง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 73-74 เหรียญ/บาร์เรลใกล้จุดสูงสุดรอบ 3 ปีครึ่งจากการลดการผลิตกลุ่มโอเปก รวมถึงการผลิตที่ลดลงจากเวเนซุเอลาและการแซงชั่นอิหร่าน ขณะที่รอยื่นประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ ซึ่งคาด PTTEP มีความได้เปรียบจากเป็นผู้ประกอบการเดิม และเงื่อนไขประมูลให้น้ำหนักความมั่นคงต่อเนื่องของการผลิตและการจ้างงานคนไทย ส่วนผลงานปี 61 คาดว่าจะยังคงโดดเด่นจากแนวโน้มราคาก๊าซและราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มขึ้น
- AOT (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเหมาะสมที่ 77 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อความชัดเจนในการประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิที่จะมีการออก TOR ภายใน ก.ย.นี้หลังล่าช้ามาโดยต่อเนื่อง ยังคาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลภายในปีนี้ได้ ด้านจำนวนผู้โดยสารที่ประเมินปีนี้จะเติบโต 8% ต่ำกว่าที่เราประเมินว่าจะเติบโต 9.5% จากผลกระทบนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว แต่มองยังเป็นปัจจัยลบเพียงระยะสั้น และยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของ AOT จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่เติบโต และ ยังมีแผนพัฒนาสนามบินเดิมและก่อสร้างสนามบินใหม่อย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้าตามคาด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่านรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาดอยู่แล้ว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,420.67 จุด เพิ่มขึ้น 58.12 จุด, +0.26% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,714.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.26 จุด, +0.01% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,005.33 จุด เพิ่มขึ้น 77.75 จุด, +0.28% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,817.33 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด, +0.12% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,282.57 จุด เพิ่มขึ้น 9.24 จุด, +0.41% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,230.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.30 จุด, +0.95% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,801.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, +0.19%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
"กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมานั้น สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน สำหรับเป้าหมายการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟดนั้น จะพิจารณาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน, ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาต่อรองกันในหลายประเด็น เนื่องจากในวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 8.54 จุด ขณะตลาดจับตารายงานประชุมเฟด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรัฐบาลอังกฤษจะเปิดรายงานที่สำคัญเกี่ยวกับการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal) ในวันนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,574.24 จุด เพิ่มขึ้น 8.54 จุด หรือ +0.11%
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ของเฟด โดยตลาดหุ้นลอนดอนได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะเผยแพร่รายงานการประชุมดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารัฐบาลอังกฤษเตรียมเปิดเผยแนวทางการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal) ในวันนี้ โดยรายการคำแนะนำดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การให้ข้อมูลแก่ประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคเอกชน
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า คำแนะนำที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ถือเป็นแนวทางที่มีความรอบคอบ เหมาะสม และจะช่วยสร้างเสถียรภาพ ไม่ว่าผลของการเจรจากับสภาพยุโรป (EU) จะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม โดยรัฐบาลต้องการสร้างหลักประกันว่า "ผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบ" หากผลการเจรจาออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
หุ้นจอห์น วู้ด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านน้ำมัน ทะยานขึ้น 6.5% หลังจากบริษัท เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุดลง ณ เดือนมิ.ย. 2561 อยู่ที่ 3.71 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 37% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งบริษัทสามารถทำกำไรได้ถึง 5.89 พันล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเฟด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าวหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการไปแล้ว
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,385.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ +0.01% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,420.61 จุด เพิ่มขึ้น 12.01 จุด หรือ +0.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,574.24 จุด เพิ่มขึ้น 8.54 จุด หรือ +0.11%
ส่วนดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลงเพียง 0.03% ปิดที่ระดับ 384.02 จุด
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ของเฟด เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. สำหรับหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
หุ้นจอห์น วู้ด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านน้ำมัน ทะยานขึ้น 6.5% หลังจากบริษัท เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุดลง ณ เดือนมิ.ย. 2561 อยู่ที่ 3.71 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 37% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งบริษัทสามารถทำกำไรได้ถึง 5.89 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นเครดิต อากริโคล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้น Unione di Banche Italiane SpA ขยับขึ้น 0.8% และหุ้น Danske Bank พุ่งขึ้น 1.9%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 88.69 จุด หลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่านรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,733.60 จุด ลดลง 88.69 จุด หรือ -0.34% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,889.10 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ +0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,861.82 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
"กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมานั้น สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน สำหรับเป้าหมายการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟดนั้น จะพิจารณาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน, ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดกับปธน.ทรัมป์ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นับตั้งแต่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ยอมสารภาพผิดในคดีอาญาทั้ง 8 คดี และนายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกในข้อหาก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 3.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเอ็กซอนโมบิล ดีดขึ้น 1.4% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 0.7%
ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นหลังจากทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่าบริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.778 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.728 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 3.2% หุ้น Lowe's ทะยานขึ้น 5.8% และหุ้นเจ.ซี. เพนนี พุ่งขึ้น 2.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.34 ล้านยูนิต โดยยอดขายลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการปรับตัวลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
ขณะเดียวกันนักลงทุนติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาต่อรองกันในหลายประเด็น เนื่องจากในวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. สำหรับหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
--อินโฟเควสท์ 
OO12814

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!