- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 22 August 2018 11:30
- Hits: 1912
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันขึ้น-ลุ้นตัวเลขส่งออกไทย ,รอดูเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดฯมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้บ้างแต่ไปได้ไม่ไกล เนื่องจากยังต้องรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากผลการเจรจาการค้า
อย่างไรก็ดี คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานเข้ามาบ้างหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้น พร้อมให้ติดตามตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค.ของไทยในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% หากออกมาดีก็จะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มธนาคาร และหนุนตลาดฯได้
ทั้งนี้ ตลาดโดยรวมคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,690-1,700 จุด แต่หากพ้นแนว 1,700 จุด ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,720 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,822.29 จุด เพิ่มขึ้น 63.60 จุด (+0.25%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,862.96 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.21%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,859.17 จุด เพิ่มขึ้น 38.17 จุด (+0.49%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 50.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.62 จุด
ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ส.ค.61) 1,694.63 จุด ลดลง 6.79 จุด (-0.40%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,614.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ส.ค.61) ปิดที่ 67.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ส.ค.61) ที่ 6.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.64 แข็งค่าจากเย็นวานนี้ จับตาตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทย มองกรอบ 32.60-32.80
- เงินบาทพลิกแข็งค่าเร็ว 2 วัน พุ่ง 1.6% แตะระดับ 32.70 ต่อดอลลาร์ ชี้ผลจากเศรษฐกิจไทยโตเกินคาด-ดอลลาร์อ่อน ขณะ ธปท. ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย นักวิเคราะห์ฟันธงระยะสั้นยังแข็งต่อเนื่อง ด้าน "สมคิด" ลั่นเศรษฐกิจไทยพ้นภาวะถดถอยโดยสมบูรณ์ มั่นใจทั้งปีโตเกิน 4.5% ขณะ "ผู้ส่งออก" เชื่อบาทแข็งยังไม่กระทบส่งออก แต่จับตาการเคลื่อนไหวใกล้ชิด
- พาณิชย์เผยการค้าไทยสองฝ่าย 17 ประเทศคู่เอฟทีเอ ครึ่งปีแรกเติบโต 14.24% อาเซียนนำโด่ง ตามด้วยจีนและญี่ปุ่น สวนกระแสค้าโลกเจอพิษสงครามการค้า โดยส่งออกจากไทยโต 13.29% แต่ไทยนำเข้าโต 15.20%
- ครึ่งปีแรก 2561 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯมีทิศทางการขยายตัวที่ดี โดยอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม ยังมีความต้องการสูง ทำให้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมปริมาณขยายตัวเร็วกว่าความต้องการ ราคาจึงคงที่และไม่มีแนวโน้มลดลง โดยคาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯครึ่งปีหลังยังขยายตัว ตามคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4.2%-4.8% จากครึ่งปีแรกขยายตัว 4.8% จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน เพิ่มความต้องการอสังหาริมทรัพย์
- กองทุนอ้อยและน้ำตาลเตรียมจ่ายเงินคืนโรงงานน้ำตาล 22,000 ล้านบาทหลังผลประเมินราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 60/61 เหลือเพียง 772 บาทต่อตันอ้อย ขณะที่ราคาอ้อยขั้นต้นจ่ายไปถึง 880 บาทต่อตันอ้อย
*หุ้นเด่นวันนี้
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท เก็งกำไรราคาขายไก่ในประเทศฟื้นตัวล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 39 บาท/กก. เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับราคาขายเฉลี่ยในช่วงต้นปีที่ 32 บาท/กก. คาดหนุนกำไร Q3/61 โตต่อเนื่อง
- CK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 34 บาท งานภาครัฐฯมีโอกาสเร่งอนุมัติมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จาก H1/61 ที่ล่าช้าไปมาก เช่น ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, รถไฟฟ้าสีม่วงใต้, มอเตอร์เวย์ 2 เส้น และรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง โดยคาดว่า CK จะได้รับงานเข้ามาเติมอย่างน้อย 3 หมื่นล้านบาท ด้านราคาหุ้นยัง Discount NAV ของบริษัทลูก (BEM, CKP, TTW) มากถึง 30%
- PTTEP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 159 บาท ได้รับผลบวกโดยตรง จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 71-72 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง จากการลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปก รวมถึงการผลิตที่ลดลงจากเวเนซุเอลาและการแซงชั่นอิหร่าน พร้อมอยู่ระหว่างรอยื่นประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ โดยคาด PTTEP มีความได้เปรียบในการประมูลเนื่องจากเป็นผู้ประกอบการเดิม และเงื่อนไขการประมูลให้น้ำหนักกับความมั่นคงต่อเนื่องของการผลิตและการจ้างงานคนไทยด้วย และคาดผลการดำเนินงานปี 2561 จะยังคงโดดเด่น จากแนวโน้มราคาก๊าซและราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนจับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน,การประชุม แจ็กสันโฮล
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ โดยนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนส.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,270.04 จุด เพิ่มขึ้น 50.31 จุด, +0.23% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,731.96 จุด ลดลง 1.87 จุด, -0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,836.68 จุด เพิ่มขึ้น 83.89 จุด, +0.30% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,790.24 จุด ลดลง 1.96 จุด, -0.02% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,273.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.62 จุด, +0.16% ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐในวันที่ 22-23 ส.ค. ซึ่งในวันที่ 23 ส.ค.นั้น จะเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นเหมืองร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 25.56 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,565.70 จุด ลดลง 25.56 จุด หรือ -0.34%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากบีเอชพี บิลลิตัน เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุดลง ณ เดือนมิ.ย. 2561 อยู่ที่ 3.71 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 37% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งบริษัทสามารถทำกำไรได้ถึง 5.89 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.1% และได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย
หุ้นเพอร์ซิมมอน ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ ปิดขยับลง 0.2% หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นในระหว่างวัน ขานรับรายงานที่ว่าทางบริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้พุ่งขึ้น 13%
นักลงทุนจับตารัฐบาลอังกฤษเตรียมเปิดเผยแนวทางการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal) ในวันพรุ่งนี้ โดยรายการคำแนะนำดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การให้ข้อมูลแก่ประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคเอกชน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังหุ้นแบงก์พุ่งแรง ตลาดจับตาการประชุมแจ็กสันโฮล
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนส.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 384.15 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,408.60 จุด เพิ่มขึ้น 28.95 จุด หรือ +0.54% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,384.49 จุด เพิ่มขึ้น 53.19 จุด หรือ +0.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,565.70 จุด ลดลง 25.56 จุด หรือ -0.34%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดีดตัวขึ้น 1.2% เช่นกัน ส่วนหุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นไบเออร์ ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ จากการที่คณะลูกขุนในรัฐแคลิฟอร์เนียมีคำสั่งให้บริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไบเออร์ จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่งจำนวน 289 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9,600 ล้านบาทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 63.60 จุด นักลงทุนจับตาจีน-สหรัฐเจรจาการค้า,การประชุมแจ็กสันโฮล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองในด้านบวกเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนส.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,822.29 จุด เพิ่มขึ้น 63.60 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,862.96 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,859.17 จุด เพิ่มขึ้น 38.17 จุด หรือ +0.49%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดหวังว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศได้ โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐในวันที่ 22-23 ส.ค. ซึ่งในวันที่ 23 ส.ค.นั้น จะเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ มุมมองในด้านบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.02% หุ้นโบอิ้ง ปรับขึ้น 0.9% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 0.6% และหุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันโลกจะประสบภาวะตึงตัวหลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1.3% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ขยับขึ้น 0.3% และหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 0.2%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทโทลล์ บราเธอร์ส เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 โดยหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ทะยานขึ้น 13.8% หุ้นพัลท์กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 3.8% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ดีดตัวขึ้น 4% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ร่วงลง หลังจากมีรายงานข่าวว่า เจพีมอร์แกนจะเปิดตัวบริการใหม่ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถซื้อขายหุ้นออนไลน์ได้ฟรี โดยหุ้น Charles Schwab ร่วงลง 2.4% หุ้น TD Ameritrade ดิ่งลง 7.1% หุ้น E-Trade ร่วงลง 4.3% และหุ้น Interactive Brokers ร่วงลง 2.5%
ส่วนหุ้นโคตี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 7.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่หัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
--อินโฟเควสท์
OO12752