WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

16ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวขึ้น เล็งแรงหนุนตัวเลขศก.ไทยดี-เลือกตั้งชัด-บาทแข็งสุดรอบ 2 เดือน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,705 จุด หากผ่านไปได้ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้อีก โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ออกมาดี โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/61 ออกมาดีกว่าคาด และยังเรื่องของการเลือกตั้งก็ทยอยเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยกำหนดการเลือกตั้งเป็นประมาณวันที่ 24 ก.พ.62
ขณะเดียวกันเช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมามากเป็น 32.8 บาท/ดอลลาร์ฯ แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งก็น่าจะช่วยชะลอการไหลออกของ Fund Flow หรืออาจจะมี Fund Flow ไหลเข้ามาบ้างก็ได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก โดยยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แม้ว่าน้ำหนักในเรื่องการได้ข้อสรุปจะมีอยู่น้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,695 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,758.69 จุด เพิ่มขึ้น 89.37 จุด (+0.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,857.05 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด (+0.24%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,821.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด (+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น  ลดลง 88.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 72.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.67 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ส.ค.61) 1,701.42 จุด เพิ่มขึ้น 11.38 จุด (+0.67%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 429.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ส.ค.61) ปิดที่ 66.43 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ส.ค.61) ที่ 6.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33 มาที่ 32.87 แข็งค่าในรอบ 2 เดือน ตลาดรอติดตามรายงานการประชุมเฟด- ประชุม ECB
- สภาพัฒน์แถลงจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวดีเกินคาด 4.6% ส่งผลครึ่งปีโต 4.8% ชี้ปัจจัยหนุนมาครบ ความเชื่อมั่นและการบริโภคฟื้นโดยเฉพาะเอกชน ขณะที่สินค้าเกษตรราคาเพิ่มขึ้น ตัวเลข จ้างงานเริ่มขยับ ด้านเป้าหมายส่งออกมีลุ้นเกิน 10% หลังแนวโน้มคู่ค้าเศรษฐกิจขยายตัว แต่ยอมรับปัญหาน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสี่ยงต้องเฝ้าระวัง "สมคิด" มั่นใจทั้งปีเศรษฐกิจขยายตัวเกิน 4.5% สอท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ โตสุดรอบ 62 เดือน สอดรับดัชนีหอการค้าไทยเดือน ก.ค.ส่วนแบงก์ชาติได้ทีส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับประมาณการตัวเลขการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.ประจำปี 2561 โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 2 ล้านคัน เป็น 2.08 ล้านคัน มากกว่าปี 2560 ที่ผลิตได้ 1.98 ล้านคัน คิดเป็นอัตราการขยายตัว 4.58%
- ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.ค.2561 อยู่ที่ 48.6 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือน ที่ 2 ขณะที่ดัชนีอนาคตอยู่ที่ 51.3 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นกัน และยืนอยู่ในระดับเกิน 50 ต่อเนื่อง สะท้อนถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
- กสทช.ถก 3 หน่วยงานแก้ประมูลคลื่น 900 ล่ม นักวิชาการชี้เกณฑ์ไม่เอื้อขายยาก-จี้จัดสรรย่านความถี่ใหม่
- ธปท.เตือนอัตราแลกเปลี่ยนและกระแสการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มผันผวนสูงและต่อเนื่องยาว จากการนำนโยบายการเงินที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติของประเทศเศรษฐกิจหลัก บวกกับความกังวลการทำสงครามการค้า หนุนภาคธุรกิจใช้เงินสกุลท้องถิ่นป้องกันความเสี่ยง มองวิกฤติตุรกีกระทบไทยโดยตรงน้อย
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLANB (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus เฉลี่ย 7.80 บาท เชื่อว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ H2/61 เติบโตต่อเนื่อง จากรายได้ป้ายจอโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และเม็ดเงินโฆษณาที่ในส่วนของ OOH ที่ขยายตัวดีเป็นอีกปัจจัยบวกของผลประกอบการ ส่วนระยะยาวยังคงมีช่องทางการเติบโตได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการขยายจอดิจิตอล หรือการขยายสื่อในเส้นทางของรถไฟฟ้าของ BMN
ด้านราคายังไม่สูง ปัจจุบัน PLANB ซื้อขายอยู่ที่ 36xPE61 ขณะที่ธุรกิจคล้ายคลึงกันอย่าง VGI ซื้อขายอยู่ที่ 54xPE61
- CMAN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.80 บาท ยอดขายปูนไลม์ปีนี้จะดีมาก จากความต้องการของโรงงานน้ำตาลที่มีผลผลิตออกมาเยอะ และกลุ่มกระดาษที่โตตามบรรจุภัณฑ์ โดยคาดกำไรทั้งปี 204 ลบ. +86% Y-Y  ส่วนปีหน้าคาดโต +24% Y-Y อยู่ที่ 254 ลบ. เพราะมาร์จิ้นจะดีขึ้นจากการผลิตในโรงงานใหม่ และจะเปิดโรงงานในอินเดียที่บริโภคน้ำตาลมากสุดในโลก อีกทั้งดอกเบี้ยจ่ายจะหายไปครึ่งหนึ่งจากการ Refinance หนี้ ด้านราคาหุ้นตอนนี้ถูกมาก PE2018-19 แค่ 12-15 เท่า ต่ำกว่า SUTHA และกลุ่มที่ 18-20 เท่า
- PTG (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 18.1 บาท ปี 61 คาดกำไรโต 18.8%YoY จากเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปีนี้เพิ่มขึ้น 15-20%YoY ตามอุปสงค์ความต้องการเชื้อเพลิงพลังงานด้านยานยนต์เพิ่มขึ้นและปีนี้มีแผนเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊สเป็น1,900 สาขาและ Non-oil (F&B, CVS, Services) เป็น 500 สาขา และมี Upside 41.6%
 
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าทั้งแดนบวกและลบ นลท.จับตาการเจรจาจีนและสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งในแดนบวกและลบ โดยนักลงทุนต่างจับตาการเจรจาด้านการค้าระหว่างผู้แทนสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เงินหยวนจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะมีการหารือกัน  โดยก่อนหน้าที่การประชุมจะเปิดฉากนั้น  นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้วิพากษ์วิจารณ์จีนและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ว่า มีพฤติกรรมจงใจปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลด้านการแข่งขันทางการค้า
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,729.63 จุด เพิ่มขึ้น 131.61 จุด, +0.48% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,192.45 จุด ลดลง 6.55 จุด, -0.03% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,791.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.78 จุด, +0.21%
ทรัมป์ ได้วิพากษ์วิจารณ์จีนและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ว่า มีพฤติกรรมจงใจปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลด้านการแข่งขันทางการค้า
ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ได้มีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เคยกล่าวโจมตีจีนและยุโรปว่าทำการปั่นค่าเงินมาแล้ว และตำหนิว่าการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น ทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก แม้รายงานจากกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ไม่มีประเทศใดที่มีพฤติกรรมจัดอยู่ในกลุ่มที่จงใจปั่นค่าเงิน โดยจีนยังคงถูกขึ้นบัญชีในฐานะประเทศที่ "ถูกจับตามอง" พฤติกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับค่าเงิน และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กรมศุลกากรเกาหลีใต้ (KCS) เปิดเผยว่า เกาหลีใต้มียอดส่งออกทะยานขึ้น 14.9% เทียบรายปีในช่วง 20 วันแรกของเดือนส.ค. โดยได้รับอานิสงค์จากยอดส่งออกชิปและสินค้าปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง
รายงานระบุว่า มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้อยู่ที่ 2.88 หมื่นล้านดอลลาร์ในระหว่างวันที่ 1-20 สิงหาคม
ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกเฉลี่ยรายวันตามจำนวนวันทำการปรับตัวขึ้น 14.9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1.98 พันล้านดอลลาร์
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 32.67 จุด รับความหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,591.26 จุด เพิ่มขึ้น 32.67 จุด หรือ +0.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.7% และหุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 0.1%
หุ้นเซจ กรุ๊ป ร่วงลง 7% หลังจากธนาคารดอยซ์แบงก์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์
หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านร่วงลง หลังจากไรท์มูฟ เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ราคาบ้านจดทะเบียนใหม่ในอังกฤษเดือนส.ค.ปรับตัวลง 2.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน และหุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ต่างก็ปรับตัวลง 0.7%
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับมุมมองบวกเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) ขานรับมุมมองบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 383.23 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,331.30 จุด เพิ่มขึ้น 120.75 จุด หรือ +0.99% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,379.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.72 จุด หรือ +0.65% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,591.26 จุด เพิ่มขึ้น 32.67 จุด หรือ +0.43%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับรายานข่าวที่ว่า กรีซได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ครบ 3 ปีแล้วในวันนี้ โดยวงเงินที่ทาง ESM ได้จัดสรรเพื่อช่วยให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤตหนี้นั้น อยู่ที่ 6.19 หมื่นล้านยูโรในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยแลกเปลี่ยนกับการออกมาตรการรัดเข็มขัดในประเทศ
ทั้งนี้ หลังจากที่กรีซได้รับวงเงินครบแล้ว กรีซจะสามารถกลับเข้าไประดมทุนหรือกู้ยืมในตลาดการเงินได้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.7% และหุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 0.1%
หุ้นเซจ กรุ๊ป ร่วงลง 7% หลังจากธนาคารดอยซ์แบงก์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์
หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านร่วงลง หลังจากไรท์มูฟ เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ราคาบ้านจดทะเบียนใหม่ในอังกฤษเดือนส.ค.ปรับตัวลง 2.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน และหุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ต่างก็ปรับตัวลง 0.7%
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 89.37 จุด รับความหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน,ตลาดจับตาประชุมแจ็กสันโฮล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,758.69 จุด เพิ่มขึ้น 89.37 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,857.05 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,821.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการของบริษัทจดทะเบียน โดยเป๊ปซี่ โค ประกาศซื้อกิจการ โซดาสตรีม ในวงเงิน 3.2 พันล้านดอลลาร์ (2.5 พันล้านยูโร) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหุ้นโซดาสตรีม พุ่งขึ้น 9.4% แต่หุ้นเป๊ปซี่ โค ปิดตลาดปรับตัวลง 0.1%
ทางด้านบริษัทไทสัน ฟู้ด ได้ประกาศซื้อกิจการบริษัทคีย์สโตน ฟู้ด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเนื้อไก่ ในวงเงิน 2.16 พันล้านดอลลาร์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นไทสัน ฟู้ด พุ่งขึ้น 1.6%
หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ทะยานขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 อันเนื่องมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำอย่าง "Clinique" และ "La Mer"
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.27%  หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดีดตัวขึ้น 0.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความหวังการเจราการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเช่นกัน โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดีดตัวขึ้น 0.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี  ทะยานขึ้น 2.5%
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 3% หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ไปเปอร์ แจฟเฟรย์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้
หุ้นเทสลาปิดตลาดดีดตัวขึ้นราว 1% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน ท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแผนการของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ ในกรณีที่เฟดมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่านายพาวเวลจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และจะไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวดจนเกินไป
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
 
--อินโฟเควสท์ 
OO12685

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!