WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

14ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด รับ Sentiment บวกจากมาตรการของจีน
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นแต่กรอบไม่กว้างมาก เนื่องจากคาดว่าจะได้รับ Sentiment ที่ดีขึ้นจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะบวกกันราว 0.5% ภายหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มเงินสำรองที่ทำรายการเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เพื่อมาสกัดเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าเร็ว ส่งผลให้เงินหยวนกลับมาแข็งค่าขึ้น และทำให้ค่าเงินในเอเชียมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow น่าจะไหลกลับเข้ามาในเอเชียบ้าง
อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้จะต้องจับตาดูการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก และรอดูพัฒนาสงครามการค้าต่อไปด้วย ภายหลังจากที่จีนได้มีการตอบโต้ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ นอกจากนี้วันพุธนี้ก็ให้รอดูว่าใครจะเข้าประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz บ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,722 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,462.58 จุด เพิ่มขึ้น 136.42 จุด (+0.54%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,840.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด (+0.46%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,812.01 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด (+0.12%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนาม เพิ่มขึ้น 0.52 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 18.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.91 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 209.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.83 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 10.87 จุด, ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดไม่เปลี่ยนแปลง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ส.ค.61) 1,712.09 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด (+0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 567.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ส.ค.61) ปิดที่ 68.49 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ส.ค.61) 6.30 ที่ ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.25 แนวโน้มแข็งค่าตามค่าเงินหยวน-เม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง-ตัวเลขจ้างงานฯสหรัฐน้อยกว่าคาด
- "คมนาคม"เร่งดัน 6 โครงการขนส่งมวลชนเมืองในภูมิภาค หวังกระตุ้นเม็ดเงินพัฒนา 2.17 แสนล้าน เชียงใหม่ใช้งบลงทุนมากสุด 9 หมื่นล้าน ด้าน รฟม.เตรียมเสนอ ครม.เคาะรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ตปลายปีนี้ หวังเปิดประมูล เอกชนร่วมลงทุนต้นปีหน้า
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายนักท่องเที่ยว ลงสู่เมืองรอง 55 จังหวัด สำหรับปีงบประมาณ 2562 ให้เกิดความพร้อมเพื่อให้รายได้จากการท่องเที่ยวกระจายลงสู่เมืองต่างๆ ได้อย่างจริงจัง โดยจะต้องไม่เกิดปัญหามีเงินพร้อมแต่ไม่มีโครงการ
- กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเผยทิศทางการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศลดลงในปี 2565-66 เตรียมพร้อมรับมือเร่งบริหารจัดการการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ทดแทนให้เพียงพอ ลุ้น กฟผ.นำเข้า 1.5 ล้านตันเสริมในปี 2562
- "บีโอไอ" เผยเอกชนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างชาติแหล่งทุนอีอีซี หวังรับอานิสงส์รถไฟเร็วสูง-สนามบิน อู่ตะเภา ดึงดูดนักท่องเที่ยวกระหึ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 34 บาท เก็งกำไรกระแสข่าวลดการตั้งสำรองหนี้ NPL หลังจากที่ KTC ตั้งสำรองเผื่อไว้สูงถึง 6 เท่ามากสุดของอุตสาหกรรมซึ่งผลจากการทยอยลดการตั้งสำรองดังกล่าวจะทำให้ KTC มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
- IT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.90 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ที่ 24 ล้านบาท +30% Q-Q, +18% Y-Y ส่วนทั้งปีนี้คาด +33% Y-Y อยู่ที่ 84 ล้านบาท ซึ่ง Upside ต่อประมาณการของเราเปิดกว้างมากเพราะคิดบนฐาน 110 สาขาเดิม แต่ปีนี้ IT จะเร่งเปิดให้ถึง 150 สาขา ซึ่ง ณ วันนี้เปิดไปแล้ว 125 สาขา ส่วนกำไรช่วงที่เหลือของปีนี้จะโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ทั้งจากการขยายสาขาและกระแสเกมมิ่งที่จะยิ่งเพิ่มความแรง หลังทีม IT. City Bacon คว้ารองแชมป์โลก ROV ด้าน PE2561 แค่ 16 เท่า ไม่มีหนี้และมีเงินสดในมือ 1.1 บาท/หุ้น คาดได้เห็นการเพิ่ม ROE ด้วยการ M&A ในอนาคตอันใกล้นี้
- IVL (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 71.47 บาท ช่วง Q2/61 คาดกำไรโตก้าวกระโดด YoY จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการในตลาดที่ยังแข็งแกร่ง บวกกับมี Spread ที่แข็งแกร่ง และคาดเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ รับรู้กำไรจากสต็อกน้ำมันดิบ รวมถึงมีกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อสินทรัพย์โรงงาน PET ที่อียิปต์ และบราซิล จึงคาดหนุนทั้งปี 61 กำไรโต 44.9%YoY+ Upside 18.1%
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น นลท.ซึมซับจีนเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่า จีนจะออกมาประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนได้ซึมซับข่าวความเคลื่อนไหวของทางการจีน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศจัดเก็บเงินกันสำรอง 20% กับสถาบันการเงิน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,870.07 จุด เพิ่มขึ้น 193.75 จุด, +0.70% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,626.56 จุด เพิ่มขึ้น 101.38 จุด, +0.45% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,778.54 จุด ลดลง 1.55 จุด, -0.09%
กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ โดยจีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า การที่จีนเตรียมเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ถือเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล และมีการยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่มีการพิจารณาอย่างระมัดระวัง
โฆษกกระทรวงกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้ผ่านการประเมินปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึง ความเป็นอยู่ของประชาชน ความสามารถในการรับผลกระทบของภาคเอกชน และการรักษาไว้ซึ่งห่วงโซ่อุตสาหกรรมในระดับโลก
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้จัดเก็บเงินกันสำรองในสัดส่วน 20% กับสถาบันการเงินที่ทำการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ได้มีการยกเลิกการจัดเก็บสัดส่วนการกันสำรองทางการเงินไปเมื่อเดือนก.ย. 2560
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อินโดนีเซียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และเยอรมนีจะเปิดเผย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมิ.ย. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ค. ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนมิ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 83.17 จุด ตามทิศทางภูมิภาค
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดตลาดในแดนบวกเช่นกัน นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,659.10 จุด เพิ่มขึ้น 83.17 จุด หรือ 1.10%
หุ้นมอนดี ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์และกระดาษ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.92% หลังบริษัททำกำไรได้มากขึ้นพร้อมปรับเพิ่มเงินปันผล
หุ้นอาร์บีเอส หรือรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ สถาบันการเงินชื่อดัง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.07% หลังประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 389.16 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,615.76 จุด เพิ่มขึ้น 69.43 จุด หรือ 0.55% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.98 จุด เพิ่มขึ้น 18.00 จุด หรือ 0.33% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,659.10 จุด เพิ่มขึ้น 83.17 จุด หรือ 1.10%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.56% หุ้นเอเอ็มเอส ผู้ผลิตเซนเซอร์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.94% ส่วนหุ้นซิลทรอนิก ผู้ผลิตซิลิคอนเวเฟอร์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.18%
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 136.42 จุด รับผลประกอบการแข็งแกร่งแม้ผิดหวังตัวเลขจ้างงาน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (3 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆที่มีการรายงานตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยจำกัดช่วงบวกในตลาด อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,462.58 จุด เพิ่มขึ้น 136.42 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,840.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,812.01 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.12%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.55% หลังรายงานผลประกอบการดีกว่าการคาดการณ์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไอบีเอ็มปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.29% ขณะที่หุ้นแอปเปิลขยับขึ้น 0.29% ซึ่งยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
 
--อินโฟเควสท์ 
OO12092

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!