- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 01 August 2018 11:24
- Hits: 3410
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซิกแซกขึ้นตามตลาดตปท. รับ Sentiment บวกจากสหรัฐฯ-จีนจะเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกขึ้นทดสอบระดับ 1,710 จุด รับ Sentiment บวกจากหุ้นต่างประเทศที่ขึ้นขานรับเรื่องที่สหรัฐฯ และจีนจะเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่
ส่วนบ้านเรายังได้แรงหนุนจากที่เริ่มเห็นสัญญาณซื้อคืนจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ซื้อสุทธิ 1.8 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี ตลาดฯอาจได้รับแรงถ่วงจากราคาน้ำมันดิบที่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปรับตัวลง ซึ่งอาจไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี อีกทั้ง Upside ตลาดฯอาจจำกัดหลังจากเดือนที่แล้วได้ปรับตัวขึ้นไป 6.6% ซึ่งอาจทำให้ตลาดฯมีการพักฐานในระยะสั้นได้
พร้อมให้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ และติดตามตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของภาคเอกชนของจีนในวันนี้ รวมถึงติดตามดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ในคืนนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,690-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710-1,715 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,415.19 จุด พุ่งขึ้น 108.36 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,816.29 จุด เพิ่มขึ้น 13.69 จุด (+0.49%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,671.79 จุด เพิ่มขึ้น 41.78 จุด (+0.55%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 88.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 173.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.85 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.40 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.01 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ก.ค.61) 1,701.79 จุด ลดลง 0.08 จุด (-0.00%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,826.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ก.ค.61) ปิดที่ 68.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ก.ค.61) ที่ 6.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.22 แข็งค่าจากวานนี้ รับเม็ดเงินไหลเข้า-ดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 33.15-33.30
- ครม.อนุมัติงบ 8.5 หมื่นล้านบาท พัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่ "เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ" หลังรอมา 58 ปี มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจภาคเหนือ ดันการค้าชายแดนเพิ่ม 30-40% ด้าน รฟท.รับลูกดันโปรเจค เริ่มขั้นตอนเวนคืนที่ดินภายในปีนี้ หวังเปิดบริการทันปี 2565
- ก.ล.ต. เปิดสถิติตลาดทุน ช่วงครึ่งปีแรก พบยอดระดมทุนหุ้นไอพีโอ ลดลงกว่า 91% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือแค่ 2.48 พันล้านบาท จากจำนวน 7 บริษัท สวนทางยอดออกหุ้นกู้
- ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 2 ปี 61 โตดีกว่าไตรมาสแรกที่โต 4.8% จากการส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน พร้อมเผยตัวเลขเดือน มิ.ย. ส่งออกโต 10% นำเข้า โต 12.9% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.38% พร้อมจับตาผลกระทบเรือล่ม ก่อนรายงานให้ กนง.ทราบ 8 ส.ค.นี้
- รายงานข่าวจากสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า วันที่ 31 ก.ค. ราคาทองคำในประเทศปรับลง 50 บาท โดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 19,200 บาท ขายออกบาทละ 19,300 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,859.04 บาท และขายออกบาทละ 19,800 บาท ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,221 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.35 บาท/ดอลลาร์
- ดัชนีเอ็มพีไอ มิ.ย.บวกต่อเป็นเดือนที่ 14 สศอ.ยังไม่วางใจ ชี้ 3 ปัจจัยกดดันครึ่งปีหลัง จึงคงประมาณการโตไม่เกิน 3% จีดีพีอุตฯบวก 2-3% จับตารัฐออกแพคเกจภาษี ส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งท้ายปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- DELTA (ฟินันเซีย ไซรัส) Delta Electronics International Singapore (บริษัทย่อยของ Delta Taiwan) ประกาศขอซื้อหุ้นทั้งหมด (Tender Offer) ของ Delta Thailand อีก 79.07% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 20.93% ในราคาหุ้นละ 71 บาท คาดว่ากลุ่มเจ้าของเดิมที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Delta Thailand ต้องการ Exit ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่หุ้น DELTA จะถูก Delist หลังทำ Tender แล้วเสร็จ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือน
- KKP (กรุงศรี) "ทยอยซื้อเก็งกำไร"เป้า 85 บาท ก่อนประกาศจ่ายปันผลครึ่งปี เบื้องต้นคาดว่า KKP จะจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 2 บาท ให้ Dividend yield ประมาณ 2.7% คาดประกาศจ่ายปันผลในช่วงปลายเดือนนี้
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 220 บาท จะประกาศงบวันที่ 2 ส.ค. นี้ คาดกำไรปกติ Q2/61 ยังโตดี +2% Q-Q, +15.5% Y-Y เป็น 8,319 ล้านบาท โดยคาดการแข่งขันชะลอความรุนแรง ทำให้ ARPU เริ่มขยับขึ้น และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและค่าการตลาดได้ดี รวมถึงแนะนำ"ซื้อ" INTUCH ราคาเป้าหมาย 67.5 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ รับข่าวสหรัฐ-จีนเปิดฉากเจรจายุติสงครามการค้า
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,642.18 จุด เพิ่มขึ้น 88.46 จุด, +0.39% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,882.51 จุด เพิ่มขึ้น 6.11 จุด, +0.21% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,756.72 จุด เพิ่มขึ้น 173.71 จุด, +0.61% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,062.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด, +0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,301.17 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด, +0.26% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,331.05 จุด เพิ่มขึ้น 11.20 จุด, +0.34% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,777.85 จุด ลดลง 6.40 จุด, -0.36% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,664.99 จุด ลดลง 7.01 จุด, -0.09%
สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงบลูมเบิร์กรายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กำลังเจรจากันอย่างลับๆเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดที่จะมีการเผยแพร่หลังการประชุมครั้งนี้เช่นกัน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 47.91 จุด รับผลประกอบการสดใส,ข่าวจีน-สหรัฐเจรจายุติสงครามการค้า
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบีพี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,748.76 จุด เพิ่มขึ้น 47.91 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กำลังเจรจากันอย่างลับๆ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นอันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 1.9% และหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 2.9%
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งนั้น ทะยานขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 12% สู่ระดับ 1.12 พันล้านดอลลาร์
หุ้นบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.7 พันล้านดอลลาร์ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 10.25 เซนต์/หุ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 1.3% แม้ทางธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 30% ก็ตาม
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับข่าวจีน-สหรัฐเปิดฉากเจรจายุติสงครามการค้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้า นอกจากนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.2% แตะที่ระดับ 391.61 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,805.50 จุด เพิ่มขึ้น 7.30 จุด หรือ +0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,511.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.08 จุด หรือ +0.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,748.76 จุด เพิ่มขึ้น 47.91 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับรายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งระบุว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กำลังเจรจากันอย่างลับๆ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นอันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 1.9% และหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 2.9%
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งนั้น ทะยานขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 12% สู่ระดับ 1.12 พันล้านดอลลาร์
หุ้นบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.7 พันล้านดอลลาร์ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 10.25 เซนต์/หุ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 4 ปี
หุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา ทะยานขึ้น 8.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นเครดิต สวิส ดีดตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นสองเท่าสู่ระดับ 647 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 596 ล้านฟรังก์สวิส
หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 1.3% แม้ทางธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 30% ก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 8.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 108.36 จุด รับข่าวสหรัฐ-จีนเปิดฉากเจรจาปลดชนวนสงครามการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดที่จะมีการเผยแพร่หลังการประชุมครั้งนี้เช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,415.19 จุด พุ่งขึ้น 108.36 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,816.29 จุด เพิ่มขึ้น 13.69 จุด หรือ +0.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,671.79 จุด เพิ่มขึ้น 41.78 จุด หรือ +0.55%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติสงครามการค้า โดยรายงานระบุเพิ่มเติมว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กำลังเจรจากันอย่างลับๆเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
รายงานข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.5% หุ้น 3M ทะยานขึ้น 3.5 % หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดีดตัวขึ้น 2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 2.5% และหุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 4.1%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทรายใหญ่ โดยหุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 81 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 75 เซนต์/หุ้น ขณะที่หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 0.94 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.09 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นซีบีเอส คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากนายเลส มูนเวส ซีอีโอของบริษัท รอดพ้นจากการถูกสอบสวนในข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ โดยราคาหุ้นซีบีเอสดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 5% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จากข่าวที่ว่าซีบีเอสได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนนายมูนเวสในข้อหาดังกล่าว
หุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) แบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง ร่วงลง 6.8% หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับการล้มป่วยของลูกค้า จนเป็นเหตุให้ชิโปเล่ตัดสินใจปิดสาขาแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐซึ่งสำรวจโดยConference Board ดีดตัวขึ้น สู่ระดับ 127.4 ในเดือนก.ค. จากระดับ 127.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 126.5
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนก.ย.และธ.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
--อินโฟเควสท์
OO11912