WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

9 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวแดนบวกหลังต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ-ทำ Long ตลาด TFEX ,งบฯแบงก์ออกมาดี
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในแดนบวกได้ เนื่องจากผลประกอบการงวดไตรมาส 2/61 ของกลุ่มแบงก์ก็ออกมาดี และ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติก็พลิกมาเป็นซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกันราว 2,600 ล้านบาท รวมถึงมีการทำ Long ในตลาด TFEX อีก 41,000 ล้านบาท ทำให้ภาพตลาดฯดูดีขึ้น
อย่างไรก็ดี การดีดตัวขึ้นของดัชนีฯคงจะจำกัด เนื่องจากยังมีประเด็นสงครามการค้ากดดันอยู่ และยังต้องติดตามความคืบหน้าอยู่เรื่อย ๆ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะบวกเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสนี้ (26 ก.ค.) และติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/61 ของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (27 ก.ค.)
พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,044.29 จุด ลดลง 13.83 จุด (-0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,841.87 จุด เพิ่มขึ้น 21.67 จุด (+0.28%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,806.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด (+0.18%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 158.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 26.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 13.82 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.ค.61) 1,675.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด (+0.28%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,589.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ก.ค.61) ปิดที่ 67.89 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ก.ค.61) ที่ 6.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.43 ทรงตัวจากวานนี้ แต่แนวโน้มอ่อนค่าตามหยวน นลท.ยังจับตาประเด็นสงครามการค้า
- รฟท.ชี้แจงประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ก่อนพาลงพื้นที่ ก่อสร้าง ยืนยันยื่นประมูล 12 พ.ย.นี้ ด้านนักลงทุนลั่นมีความพร้อม หวั่นส่งมอบที่ดินล่าช้ากระทบก่อสร้างโครงการ ขณะที่ "ประชัย" ดันทีพีไอ โพลีน ลงแข่งเป็นลีดเดอร์ "อิตาเลียนไทย" หวังงานก่อสร้าง "ซีพี" ยืนยันไม่มีปัญหางบลงทุน
- ททท.สะท้อนทั่วโลกกังวลไทยไร้แผนดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เตรียมชง ท.ท.ช.ประชุมต้นเดือนส.ค. ตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวระดับชาติ กู้คืนขีดความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ยังตกต่ำ มอบสำนักงานต่างประเทศเฟ้นหาโมเดลต้นแบบ นำมาปรับใช้กับไทย ขณะคู่แข่งต่างชาติรุกชิงตลาดจีน
- "ศิริ" สั่งทำหนังสือตอบมหาดไทย ไม่เพิ่มโควตาไฟฟ้าจากขยะอีก 400 เมกะวัตต์ ยกเหตุผลปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศมีเพียงพอ และการเพิ่มสัดส่วนจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงเกินไปและกระทบกับประชาชน แถมไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอื่นยังถูกกว่า จับตาประชุม กบง. 25 ก.ค. ถกแผนไฟฟ้าฉบับใหม่ จะใช้เชื้อเพลิงประเภทใดบ้าง พร้อมทบทวน กฟผ. นำเข้าแอลเอ็นจี ไฟเขียว ปตท. นำเข้าจากโมซัมบิก จับตา "วิไลพร-ดวงมณี" ออกกรรมการ กกพ. เหตุอายุใกล้ 70 ปี แต่วงในเผยเป้าหมายอยู่ที่ "วีระพล-วัชระ"
- "บัณฑิต นิจถาวร" กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ประธานสมาคมตราสารหนี้ และอดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ควรประเมินการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ หลังจากที่ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวได้สูงถึง 4.8% ซึ่งทำให้หลายหน่วยงานได้ปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
- บลูมเบิร์ก รายงานว่า ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ประกาศอัดฉีดเงินกู้ ระยะกลาง 1 ปี เพิ่มสภาพคล่องให้สถาบันการเงินในประเทศ 5.02 แสนล้านหยวน (ราว 2.47 ล้านล้านบาท) หรือสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้กลไกเงินกู้ยืมระยะกลาง (เอ็มแอลเอฟ) เมื่อปี 2014 ซึ่งนับเป็นการเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องท่ามกลางภาวะสงครามการค้า และค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- NVD-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน276,119,950 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิหุ้นละ 8 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 พ.ค.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 15 ก.ค.64
- SPALI (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ช่วง Q2/61 คาดกำไรโต 33.8%QoQ จากรายได้ขายและบริการที่ 6.2 พัน ลบ. และ SG&A/Sales คาดลดลงด้วยผลประหยัดต่อขนาดส่วนปี 61 คงคาดกำไรโต 10.6%YoY โดยครึ่งปีหลังมีแผนเปิด 24 โครงการใหม่มูลค่ารวม 3.2 หมื่น ลบ.จากเป้าทั้งปีที่ 4 หมื่น ลบ. และมี Upside 18.6% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 4.3%
- SC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.80 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ที่ 440 ลบ. +70% Q-Q, +66% Y-Y จากการเน้นโอนแนวราบที่ตัวเองถนัด และมีโอนคอนโดใหญ่อย่าง Saladeaeng One มูลค่า 4.7 พันลบ. แนวโน้มกำไร 2H61 ยังดีต่อเนื่อง จากการโอนคอนโด Luxury 1 แห่ง และเปิดตัวแนวราบมากถึง 15 แห่ง รวมถึงคอนโดอีก 1 แห่ง มูลค่ารวม 1.6 หมื่นลบ. ด้าน PE2561-2562 ต่ำเพียง 7-8 เท่า และปันผลสูง 5-6% ต่อปี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขณะนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยการนำของดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวที่เปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลงติดต่อกันในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,555.05 จุด เพิ่มขึ้น 158.06 จุด, +0.71% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,862.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด, +0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,282.30 จุด เพิ่มขึ้น 26.18 จุด, +0.09% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,937.77 จุด ลดลง 9.12 จุด, -0.08% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,273.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด, +0.17% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,295.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, +0.05% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,757.54 จุด ลดลง 0.42 จุด, -0.02% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,362.98 จุด ลดลง 13.82 จุด, -0.19%
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกผลกระทบสงครามการค้า ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 23 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถลงการณ์จากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ที่เตือนเกี่ยวกับผลกระทบรุนแรงที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,655.79 จุด ลดลง 23.00 จุด หรือ -0.30%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า สงครามการค้าและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุม G20 ครั้งล่าสุดซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินานั้น มีขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองประเทศต่างก็บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน ในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น
หุ้นอีซี่เจ็ท ปรับตัวลง 1.7% หลังจากสายการบินคู่แข่งอย่างไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ได้เปิดเผยกำไรร่วงลงอย่างหนักถึง 20% ในไตรมาสแรกของปีงบการเงินบริษัท อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และผลกระทบจากการผละงานประท้วงของกลุ่มนักบิน
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับลง 0.5% หุ้นบาร์เคลย์ส ลดลง 0.1% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 0.4% ส่วนหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ขยับขึ้น 0.1%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วง,วิตกสงครามการค้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ และเฟอร์รารี หลังจากผู้บริหารของบริษัทประกาศลาออก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 384.88 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,378.25 จุด ลดลง 20.07 จุด หรือ -0.37%  ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,548.57 จุด ลดลง 12.85 จุด หรือ -0.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,655.79 จุด ลดลง 23.00 จุด หรือ -0.30%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง โดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ร่วงลง 1.5% หุ้นเฟอร์รารี ดิ่งลง 4.9% หลังจากนายเซอร์จิโอ มาร์ชิออนเน่ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นผู้บริหารของเฟอร์รารี และเฟียต ไคร์สเลอร์ ขณะที่หุ้นซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล ร่วงลง 1.3% เนื่องจากข่าวการลาออกของนายมาร์ชิออนเน่ เช่นกัน
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรร่วง 20% ในไตรมาสแรกของปีงบการเงินบริษัท อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และผลกระทบจากการผละงานประท้วงของกลุ่มนักบิน ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ท ปรับตัวลง 1.7%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับลง 0.5% หุ้นบาร์เคลย์ส ลดลง 0.1% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 0.4% ส่วนหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ขยับขึ้น 0.1%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า สงครามการค้าและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุม G20 ครั้งล่าสุดซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินานั้น มีขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองประเทศต่างก็บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน ในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 13.83 จุด เหตุวิตกสงครามการค้า ขณะหุ้นแบงก์พุ่งหนุน S&P500 ปิดบวก
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,044.29 จุด ลดลง 13.83 จุด หรือ -0.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,841.87 จุด เพิ่มขึ้น 21.67 จุด หรือ +0.28% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,806.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด หรือ +0.18%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเกี่ยวกับสงครามการค้ายังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า สงครามการค้าและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุม G20 ครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองประเทศต่างก็บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน ในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น
หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.1% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดในการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งในแหล่งเพอร์เมียน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐเท็กซัสและทางตะวันออกเฉียงใต้ของนิวเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม ฮัลลิเบอร์ตันเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นแตะระดับ 6.15 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.11 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.3% หลังจากมีรายงานว่า เทสลาได้เรียกร้องให้ซัพพลายเออร์คืนเงินบางส่วน โดยคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท แต่โฆษกของเทสลาได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.96% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพี มอร์แกน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นโกลดแมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดีดขึ้น 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 2.8% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.9%
ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.6%
หุ้นแฮสโบร ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นเด็ก พุ่งขึ้นเกือบ 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 48 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 29 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 904.5 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 833.1 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.38 ล้านยูนิต โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO11633

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!