- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 23 July 2018 11:18
- Hits: 1730
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค กังวลทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน ,มองเงินไหลเข้าช่วยพยุงตลาดอ่อนตัวไม่มาก
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง-อาจเผชิญแรง Take Profit บ้างหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันทั่วหน้าแต่ไม่มากนัก จากความกังวลเรื่องที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราอาจจะอ่อนตัวลงไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเช้านี้เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นด้วย น่าจะช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามา ประกอบกับราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้น ดังนั้น เช้านี้ตลาดฯยังน่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์
สัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/61 ต่อไป โดยในวันที่ 25 ก.ค.SCC จะประกาศงบฯ และในวันที่ 26 ก.ค. PTTEP จะประกาศงบฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,658 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,058.12 จุด ลดลง 6.38 จุด (-0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,820.20 จุด ลดลง 5.10 จุด (-0.07%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,801.83 จุด ลดลง 2.66 จุด (-0.09%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 217.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 74.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.53 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 11.11 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ค.61) 1,671.06 จุด เพิ่มขึ้น 24.17 จุด (+1.47%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,003.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ค.61) ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ค.61) ที่ 6.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.30/33 แนวโน้มแข็งค่าหลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 33.20-33.35
- "กกพ."เตรียมปรับบทบาทรับการปฏิรูปพลังงานและเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จ่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวบอำนาจการอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าไว้ที่สำนักงาน กกพ. เพียงแห่งเดียว โดยโละใบอนุญาตจาก 4 ใบ เหลือเพียงใบเดียว คาดเริ่มปี 63 พร้อมเดินหน้ารื้อโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ เสร็จสิ้นปีนี้ พร้อม โชว์ผลงาน 4 ปี จับตากรรมการบางส่วนอาจไขก๊อกเร็วๆ นี้ หลังรัฐกดดันหนัก
- ธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561 โดยธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, ธนชาต, ทหารไทย, ซีไอเอ็มบีไทย, ทิสโก้, เกียรตินาคิน, แอลเอชแบงก์ มีกำไรสุทธิรวม 55,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 47,358 ล้านบาท
- "คลัง" ตั้งแท่นดันเศรษฐกิจปีนี้โตแกร่ง 5% หลัง "สมคิด" ประเมินจีดีพี 4.5% ยังต่ำเกินไป ระบุรัฐบาลต้องส่งมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอีก 1.7 แสนล้านบาท ด้าน "พาณิชย์" เปิดตัวเลขนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เดือน มิ.ย. โตกระฉูด 11.9%
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (สินค้าฟุ่มเฟือย) เดือน มิ.ย. 2561 ที่มีมูลค่านำเข้า 2,249 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.9% ทำให้มูลค่าการนำเข้าใน 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12.4%
*หุ้นเด่นวันนี้
- SIMAT-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 43,689,582 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (9 ก.ค.61) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 8 ก.ค. 2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 8 ก.ค. 2564
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 235 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้น 5% เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท (+13.8% Y-Y) เพื่อสะท้อนกำไร Q2/61 ที่ดีกว่าคาดจากผลกระทบของรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนผ่านดิจิทัลที่น้อยกว่าคาด, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด และรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตดีกว่าคาดทำให้ NIM เริ่มฟื้นตัว ภายหลังปรับประมาณการ ทำให้กำไร H1/61 ที่ 2.17 หมื่นล้านบาท +13% Y-Y และคิดเป็น 55% ของประมาณการทั้งปี สะท้อนว่าแนวโน้มกำไร H2/61 น่าจะอ่อนตัวลงจากการชะลอตัวลงของรายได้ค่าธรรมเนียม, รายได้เงินลงทุนที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มตามฤดูกาล
- PTTEP (ไอร่า) เป้า 159 บาท แนวโน้มราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ PTTEP ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยหลักมาจากข้อตกลงลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกและรัสเซีย ตั้งแต่ต้นปี 60 ประกอบกับในช่วง 2Q/61 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้การประชุมของกลุ่มโอเปกล่าสุดจะมีมติเพิ่มการผลิต แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่ชัด โดยคาดว่าจะเป็นการเพิ่มเพื่อชดเชยการผลิตที่หายไปเท่านั้น และคาดกลุ่มโอเปกมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับราคาน้ำมันดิบที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาที่รับได้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ขณะที่คาดกำไรสุทธิปีนี้สูงถึง 37,000 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 80% และคาดเงินปันผลอีก ประมาณ 1.30 บาท หรือคิดเป็น Div.Yield สูงเกือบ 4.0%
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลดลงเช้านี้ หลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,480.33 จุด ลดลง 217.55 จุด, -0.96% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,815.20 จุด ลดลง 14.07 จุด, -0.50% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,298.61 จุด เพิ่มขึ้น 74.13 จุด, +0.26% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,929.46 จุด ลดลง 2.65 จุด, -0.02% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,289.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.42 จุด, +0.02% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,294.52 จุด ลดลง 3.31 จุด, -0.10% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,753.14 จุด ลดลง 1.53 จุด, -0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,388.50 จุด ลดลง 11.11 จุด, -0.15%
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ที่มีการแพร่ภาพเมื่อวันศุกร์ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์"
"ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเล่นการเมือง แต่ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศของเรา เราได้ถูกจีนเอาเปรียบมานานแล้ว" เขากล่าว
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า "ผมไม่ต้องการทำให้พวกเขากลัว และผมชอบท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจริงๆ แต่เราก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม"
ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในวงเงินเพียง 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็บภาษีสินค้าจีน 5 แสนล้านดอลล์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.)
นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น โดยจีนเป็นประเทศที่ใช้ทองแดงมากที่สุดในโลก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.79 จุด ลดลง 5.18 จุด หรือ 0.07%
การซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปและนิวยอร์ก ที่ปรับตัวลดลงหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ที่มีการแพร่ภาพเมื่อคืนนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์"
ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปทำการปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก็ได้เป็นปัจจัยฉุดตลาด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้ปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน โดยหุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลดลง 1.61% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 1.49% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวลดลง 1.37% และหุ้นอันโตฟากัสตา ขยับลง 0.085%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน 5 แสนล้านดอลล์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มยานยนต์ จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น ส่งผลให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสองประเทศนี้จะบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.56 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 385.62 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,561.42 จุด ลดลง 124.87 จุด หรือ 0.98% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,398.32 จุด ลดลง 18.75 จุด หรือ 0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.79 จุด ลดลง 5.18 จุดหรือ 0.07%
การซื้อขายได้รับปัจจัยกดดัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ที่มีการแพร่ภาพเมื่อคืนนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์"
ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปทำการปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก็ได้เป็นปัจจัยฉุดตลาด
หุ้นกลุ่มยานยนต์ได้ปรับตัวลดลง โดยหุ้นโฟล์คสวาเกนตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 2.3% หุ้นเดมเลอร์ตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 2.35% หุ้นเปอโยต์ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวลดลง 2.41% และหุ้นเฟียต ไครสเลอร์ตลาดหุ้นอิตาลี ปรับตัวลดลง 2.31%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 6.38 จุด หลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (20 ก.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงไม่มากนัก หลังผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทรายใหญ่ๆในสหรัฐนั้นออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งเข้ามาสกัดช่วงลบในการซื้อขายเมื่อคืนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,058.12 จุด ลดลง 6.38 จุด หรือ -0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,820.20 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,801.83 จุด ลดลง 2.66 จุด หรือ -0.09%
การซื้อขายได้รับปัจจัยกดดัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ที่มีการแพร่ภาพเมื่อวันศุกร์ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์"
"ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเล่นการเมือง แต่ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศของเรา เราได้ถูกจีนเอาเปรียบมานานแล้ว" เขากล่าว
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า "ผมไม่ต้องการทำให้พวกเขากลัว และผมชอบท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจริงๆ แต่เราก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม"
ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในวงเงินเพียง 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปทำการปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการที่ปธน.ทรัมป์ยังคงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้เป็นปัจจัยฉุดตลาด
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่ปรับตัวขึ้น 1.79% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีกำไร 1.13 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.08 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 3.009 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.921 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน หุ้นของฮันนีเวลล์ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีและภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.79% ขานรับผลประกอบการที่ดีกว่าคาดการณ์ พร้อมปรับขึ้นคาดการณ์ผลกำไรของปีนี้ เนื่องจากชิ้นส่วนเครื่องบินและบริการที่เกี่ยวข้องนั้นมีดีมานด์สูงขึ้น
--อินโฟเควสท์
OO11571