WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด ขานรับแรงซื้อหุ้นรายตัวลงลึก-มีปันผล, จับตาภาวะสงครามการค้า
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นในกรอบแคบ ตามแรงซื้อหุ้นรายตัวที่มีเข้ามาเมื่อวานนี้ อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์, IVL ,SCC หลังหุ้นดังกล่าวปรับตัวลงมาลึกและมีการจ่ายปันผล ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นตามทืศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาดูแรงซื้อจากกองทุนในประเทศว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ หลังจากได้เข้าซื้อมาค่อนข้างมากเมื่อวานนี้ ,การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/61 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนก.ค. รวมถึงติดตามภาวะสงครามการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ ด้วย หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป
พร้อมให้แนวรับที่ระดับ 1,599 และ 1,594 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,615 และ 1,622 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,307.18 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด (+0.15%) ,ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,726.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.34 จุด (+0.31%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,567.69 จุด เพิ่มขึ้น 57.38 จุด (+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 77.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 338.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ค.61) 1,607.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.69 จุด (+0.73%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,837.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ค.61) ปิดที่ 73.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ค.61) ที่ 4.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.15 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบเคลื่อนไหว 33.15-33.30 ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
- ธปท.เผยดัชนีความเชื่อทางธุรกิจเดือนมิ.ย.และในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้น สะท้อนภาคธุรกิจมั่นใจเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่อง ยกเว้นกลุ่มธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่กังวลคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลด จากสงครามการค้า สหรัฐ-จีน ซึ่งจะเริ่มเก็บภาษีเพิ่มระหว่างกันในเดือนก.ค.นี้
- นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พ.ค.61 มีจำนวน 6,497,688.57 ล้านบาท คิดเป็น 40.78% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP)
- ธ.ก.ส.เร่งปรับหนี้เกษตรกร หลังพบยอดหนี้ 3 หมื่นล้านบาท เริ่มผิดนัดชำระ จ่อกลายเป็น "เอ็นพีแอล" ดันสัดส่วนหนี้เสียแตะ 6%  ชี้ผลจากราคาพืชผลบางชนิดตกต่ำ ส่งทีมเข้าปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย ย้ำต้องเสร็จภายในเดือนนี้หวังพยุงสัดส่วนหนี้เสียในระดับเดิม  ด้าน สศก. แจงราคาข้าวพุ่ง ขณะ "ยาง-สับปะรด" ทรุด เชื่อครึ่งปีหลังดีขึ้น
- รมว.พลังงาน คิกออฟบี 20 ใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือด่วน ราคาต่ำกว่าดีเซล บี 7 ถึงลิตรละ 3 บาท มั่นใจช่วยชะลอการปรับขึ้นค่าขนส่งและค่าโดยสาร และยังช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ 5-6 แสนตันต่อปี ทำให้ราคาผลปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้น
- พาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน มิ.ย. 2561 เท่ากับ 102.05 สูงขึ้น 1.38% เทียบกับเดือน มิ.ย. 2560 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 นับจากเดือน ก.ค. 2560 ที่เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.17% แต่ลดลง 0.09% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 2561 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรกปีนี้ สูงขึ้น 0.97% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
*หุ้นเด่นวันนี้
- PSL (ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมายที่ 18 บาท มองแนวโน้ม 2Q61 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 1Q61 ที่มีกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท จากภาคอุตสาหกรรมหนักของจีนที่กลับมาผลิตเป็นปกติ (ช่วงฤดูหนาวถูกปิดบางส่วนจากปัญหาหมอกควัน) โดยล่าสุดค่าเฉลี่ย QTD ของค่าระวางเรือ Handysize และ Supramax  ซึ่งเป็นขนาดเรือของ PSL เพิ่มขึ้น 5.3% และ 10.4% QoQ ตามลำดับ ส่วนระยะกลาง มุมมองด้าน Demand-Supply เข้าสู่สมดุลขึ้นเป็นลำดับ สอดคล้องกับการประเมินของสำนักต่างๆ ที่คาด Supply เรือเทกอง เพิ่มขึ้นเพียงราว 1-2% ในปี 61-62 ขณะที่ Demand เติบโตสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลกที่ราว 4% ขณะที่ระยะยาว ปัจจัยด้านกฏเกณฑ์ ได้แก่ ข้อตกลงการจัดการน้ำถ่วงเรือ และเกณฑ์การจำกัดค่ากำมะถันในเชื้อเพลิง ที่จะบังคับใช้ในปี 62-63 กดดันให้เรืออายุมากปลดระวางเรือเร็วขึ้น
- LPN (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายที่ 10.60 บาท การเปิดตัวโครงการบ้าน 365 พระราม 3 ซึ่งเป็นโครงการบ้านแนวราบระดับบนโครงการแรก ปัจจุบันโครงการดังกล่าวก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 25% หรือ 700 ล้านบาทแล้ว ส่งผลให้ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบันคาดว่าจะเพิ่มเป็น 8.7 พันล้านบาท โดยเห็นว่าเป็นการเปิดตัวโครงการประเภทใหม่ที่ดี และคาดว่า LPN จะมีการพัฒนาโครงการประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ดียอดขายตั้งแต่ต้นปีดังกล่าวยังไม่สูงมากหากเทียบกับเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 2 หมื่นล้านบาท จึงคาดจะเห็นโครงการใหม่ ๆ ในทำเลใหม่ ๆ และประเภทใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกในครึ่งหลังของปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ LPN กลับมามีการเติบโตที่ยั่งยืนอีกครั้ง
- BCP (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 42 บาท โดยความน่าสนใจอยู่ที่ Valuation ที่ปรับลดลง ซึ่งปัจจุบัน BCP ซื้อขายอยู่ที่ 8.7xPE61 มองว่า 2H61 จะมีปัจจัยบวกจาก (1) การคาดหมายแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว และ (2) การนำ BBGI (BCP ถือหุ้น 40%) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่มีมุมมอง Neutral เกี่ยวกับการเข้าลงทุนแหล่งปิโตรเลียมใน OKEA แม้ยังไม่ได้รวมโครงการดังกล่าวในประมาณการ โดยกระบวนการจะแล้วเสร็จภายใน พ.ย.61 ด้านกำไรสุทธิ 2Q61 คาดว่าจะลดลง QoQ จากกำลังกลั่นและค่าการตลาดที่ลดลง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
           ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) หลังจากมีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปีนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,889.06 จุด เพิ่มขึ้น 77.13 จุด, +0.35% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,617.00 จุด ลดลง 338.11 จุด, -1.17% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,802.88 จุด เพิ่มขึ้น 24.94 จุด, +0.23% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,285.88 จุด เพิ่มขึ้น 14.34 จุด, +0.63% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,245.67 จุด เพิ่มขึ้น 6.73 จุด, +0.21% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,684.73 จุด ลดลง 0.32 จุด, -0.02%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.2 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 58.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย.  และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนพ.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 89.08 จุด เหตุวิตกสงครามการค้า
         ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าซึ่งรวมถึงจีน และสภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.85 จุด ลดลง 89.08 จุด หรือ -1.17%
สหภาพยุโรป (EU) ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% ต่อรถยนต์ที่นำเข้าจาก EU เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐ
ทางด้านรัฐบาลจีนเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐล็อตแรกในวันศุกร์นี้ จากสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีทั้งหมด 659 รายการจากสหรัฐ ในอัตรา 25% มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ความวิตกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 3% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 3.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 3.1%
หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทประกาศตัดขายธุรกิจ SUSE ให้กับกลุ่มกองทุนซึ่งนำโดยบริษัท EQT ของสวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกสงครามการค้า,ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนชะลอตัว
           ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของยูโรโซนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 18 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 376.75 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,238.17 จุด ลดลง 67.83 จุด หรือ -0.55% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,276.76 จุด ลดลง 46.77 จุด หรือ -0.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.85 จุด ลดลง 89.08 จุด หรือ -1.17%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 54.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน นอกจากนี้ยังต่ำกว่าตัวเลขดัชนี PMI เบื้องต้นประจำเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 55.0 และต่ำกว่าตัวเลขดัชนี PMI ขั้นสุดท้ายประจำเดือนพ.ค.ที่ระดับ 55.5
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก EU ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป โดยสินค้าสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 19% ของสินค้าส่งออกของสหรัฐในปี 2560
ขณะที่ Axios ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร่างกฎหมายใหม่ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยไม่ต้องได้รับการยินยอมจากสภาคองเกรส
ทางด้านนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในขณะนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นจะทรุดตัวลงมากเท่าใดก็ตาม
ความวิตกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 3% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 3.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 3.1%
หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทประกาศตัดขายธุรกิจ SUSE ให้กับกลุ่มกองทุนซึ่งนำโดยบริษัท EQT ของสวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นคาร์ฟูร์ ปรับตัวลง 0.9% ขณะที่หุ้นเทสโก้ ขยับลง 0.2% หลังจากสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า บริษัทเทสโก้ และคาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและฝรั่งเศส เตรียมจับมือเป็นพันธมิตรในเชิงยุทธศาสตร์ โดยใช้อำนาจซื้อที่มีร่วมกันในการลดค่าใช้จ่าย และลดราคาสินค้าสำหรับลูกค้า ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาด
ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า เทสโก้และคาร์ฟูร์จะใช้การเป็นพันธมิตรดังกล่าวในการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ระหว่างประเทศ รวมทั้งปูทางในการจำหน่ายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัททั้งสอง
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 35.77 จุด รับหุ้นเทคโนฯพุ่ง,ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส
            ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) หลังจากมีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,307.18 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,726.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.34 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,567.69 จุด เพิ่มขึ้น 57.38 จุด หรือ +0.76%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.1% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 1.7% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 2.3% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.9%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.2 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 58.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย.  และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า โดยขณะนี้แคนาดาได้เริ่มบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นวงเงิน 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 2.94 แสนล้านดอลลาร์ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป
ด้านรัฐบาลจีนได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวน 659 รายการจากสหรัฐ ในอัตรา 25% มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 545 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนที่เหลือนั้น จะมีการประกาศหลังจากนั้น โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บสินค้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.7% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ลดลง 1.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงก็ปรับตัวลง 1%
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ร่วงลง 2.3% หลังจากบริษัทประกาศการบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 จำนวน 5,000 คันต่อสัปดาห์ แต่นักลงทุนกังวลว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการเงินของบริษัท
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 188,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ตามเวลาไทย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดุลการค้าเดือนพ.ค.
 
--อินโฟเควสท์ 
OO10692

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!