- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 20 June 2018 10:56
- Hits: 2673
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังร่วงแรง ,จับตาความคืบหน้าสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้หลังจากที่ร่วงแรงเมื่อวานนี้ ซึ่งน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เริ่มรีบาวด์เป็นส่วนใหญ่ แนวเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ขณะนี้เป็นบวกได้
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามรอดูท่าทีผู้เกี่ยวข้องในประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่วนบ้านเราก็ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และในวันที่ 22 มิ.ย.ติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด (-1.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด (-0.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด (-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 60.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 10.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 มิ.ย.61) 1,639.54 จุด ลดลง 40.14 จุด (-2.39%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,648.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 มิ.ย.61) ปิดที่ 65.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 มิ.ย.61) ที่ 4.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.73 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย ตลาดรอติดตามประชุมกนง.วันนี้ มองกรอบ 32.60-32.80
- ส.อ.ท.แนะภาครัฐจับตาสินค้าจีน-สหรัฐกระทบตลาดการค้าโลก วางแผนรับมือผลกระทบ สรท.ห่วงยืดเยื้อ 4 เดือน กระทบการส่งออกไทย ด้านกระทรวงพาณิชย์ มองต่างชี้ไทยได้ประโยชน์ 1,000 ล้านดอลลาร์ "ทรัมป์"เตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน 200,000 ล้านดอลลาร์
- กสทช.กัดฟันเดินหน้าประมูล 1800 MHz อีกรอบ ชงบอร์ดกสทช.เคาะกรอบเวลาประมูล 25 มิ.ย.นี้ ยันเกณฑ์เดิมแบ่ง 3 ไลเซ่นส์ ไม่ลดราคาขั้นต่ำ 37,457 ล้านบาท ประมูลตามเดิม 4 ส.ค.นี้ พร้อมพ่วงประมูลคลื่น 900 MHz ราคาขั้นต่ำ 37,457 ล้านบาท ชงประมูลวันที่ 10 ส.ค.นี้ ปิดทางดีแทคขอมาตรการเยียวยา เหตุ 2 ย่านอยู่ในสัมปทานดีแทค ขณะ "ทีดีอาร์ไอ" สับ กสทช. ทำประมูลล่ม ตั้งราคาประมูลสูง
- คมนาคมฟุ้ง 23 มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดใช้บัตรแมงมุม เล็งพัฒนาเป็นบัตรเครดิตใช้แทนเงินสดใบเดียวรูดปรื๊ด ด้าน รฟม.เร่งแผนเชื่อมตั๋วร่วมเรือ-ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ หวังเสร็จทุกระบบขนส่งภายในปี 2561 นี้ ด้านคมนาคมเคาะเอกชนเชื่อมด่วนศรีรัช-โทลล์เวย์ มูลค่า 6.2 พันล้านบาท เร่งเจรจาโทลล์เวย์และบีอีเอ็ม สรุปสัดส่วนลงทุน คาดสรุป ก.ย.นี้ ก่อนเริ่มสร้าง มิ.ย.62
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด (-1.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด (-0.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด (-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 60.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 10.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 มิ.ย.61) 1,639.54 จุด ลดลง 40.14 จุด (-2.39%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,648.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 มิ.ย.61) ปิดที่ 65.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 มิ.ย.61) ที่ 4.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.73 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย ตลาดรอติดตามประชุมกนง.วันนี้ มองกรอบ 32.60-32.80
- ส.อ.ท.แนะภาครัฐจับตาสินค้าจีน-สหรัฐกระทบตลาดการค้าโลก วางแผนรับมือผลกระทบ สรท.ห่วงยืดเยื้อ 4 เดือน กระทบการส่งออกไทย ด้านกระทรวงพาณิชย์ มองต่างชี้ไทยได้ประโยชน์ 1,000 ล้านดอลลาร์ "ทรัมป์"เตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน 200,000 ล้านดอลลาร์
- กสทช.กัดฟันเดินหน้าประมูล 1800 MHz อีกรอบ ชงบอร์ดกสทช.เคาะกรอบเวลาประมูล 25 มิ.ย.นี้ ยันเกณฑ์เดิมแบ่ง 3 ไลเซ่นส์ ไม่ลดราคาขั้นต่ำ 37,457 ล้านบาท ประมูลตามเดิม 4 ส.ค.นี้ พร้อมพ่วงประมูลคลื่น 900 MHz ราคาขั้นต่ำ 37,457 ล้านบาท ชงประมูลวันที่ 10 ส.ค.นี้ ปิดทางดีแทคขอมาตรการเยียวยา เหตุ 2 ย่านอยู่ในสัมปทานดีแทค ขณะ "ทีดีอาร์ไอ" สับ กสทช. ทำประมูลล่ม ตั้งราคาประมูลสูง
- คมนาคมฟุ้ง 23 มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดใช้บัตรแมงมุม เล็งพัฒนาเป็นบัตรเครดิตใช้แทนเงินสดใบเดียวรูดปรื๊ด ด้าน รฟม.เร่งแผนเชื่อมตั๋วร่วมเรือ-ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ หวังเสร็จทุกระบบขนส่งภายในปี 2561 นี้ ด้านคมนาคมเคาะเอกชนเชื่อมด่วนศรีรัช-โทลล์เวย์ มูลค่า 6.2 พันล้านบาท เร่งเจรจาโทลล์เวย์และบีอีเอ็ม สรุปสัดส่วนลงทุน คาดสรุป ก.ย.นี้ ก่อนเริ่มสร้าง มิ.ย.62
*หุ้นเด่นวันนี้
- DOD (บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเสนอขาย IPO ที่ 9.30 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 12 บาท (อิง PE 20 เท่า)คาดกำไรสุทธิปี 2561 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 246 ล้านบาท เติบโตสูง 73.2% Y-Y ส่วนปี 2562-2563 คาดโตเฉลี่ยปีละ 13% จากแผนการขยายโรงสกัดแห่งที่ 2, ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล และแผนออกสินค้าใหม่แบรนด์ตนเองอีก 2 กลุ่ม
บริษัทฯเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม รายได้ส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตของลูกค้าในประเทศ อาทิ บริษัทซื้อมาขายไป, บริษัทขายตรง และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์สินค้า เช่น ดารา นักแสดง ล่าสุดมีจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว และด้วยความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง DOD จึงถือเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จรายหนึ่ง
- NEWS-W6 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 14,570,700,020 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.016 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 6 ก.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 12 มิ.ย.64
- CGH-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (CGH)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,445,615,620 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 พ.ย.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 28 พ.ค.64
- BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 230 บาท เก็งกำไรกลุ่มธนาคาร คาดการประชุมของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ในวันนี้จะมีมติเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ออกไป เป็นบวกต่อ Sentiment กลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ โดยเลือก BBL เป็น Top Pick กลุ่มธนาคาร และ MTC เป็น Top Pick กลุ่มไฟแนนซ์
บริษัทฯเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม รายได้ส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตของลูกค้าในประเทศ อาทิ บริษัทซื้อมาขายไป, บริษัทขายตรง และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์สินค้า เช่น ดารา นักแสดง ล่าสุดมีจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว และด้วยความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง DOD จึงถือเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จรายหนึ่ง
- NEWS-W6 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 14,570,700,020 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.016 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 6 ก.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 12 มิ.ย.64
- CGH-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (CGH)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,445,615,620 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 พ.ย.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 28 พ.ค.64
- BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 230 บาท เก็งกำไรกลุ่มธนาคาร คาดการประชุมของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ในวันนี้จะมีมติเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ออกไป เป็นบวกต่อ Sentiment กลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ โดยเลือก BBL เป็น Top Pick กลุ่มธนาคาร และ MTC เป็น Top Pick กลุ่มไฟแนนซ์
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ จากแรงซื้อเก็งกำไร ขณะตลาดยังกังวลสงครามการค้า
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร แม้ว่าจะยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็ตาม
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,338.53 จุด เพิ่มขึ้น 60.05 จุด, +0.27% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,889.98 จุด ลดลง 17.84 จุด, -0.61% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,478.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด, +0.03% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,904.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, +0.01% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,350.24 จุด เพิ่มขึ้น 10.13 จุด, +0.43% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,309.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, +0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,719.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด, +0.25%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,338.53 จุด เพิ่มขึ้น 60.05 จุด, +0.27% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,889.98 จุด ลดลง 17.84 จุด, -0.61% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,478.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด, +0.03% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,904.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, +0.01% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,350.24 จุด เพิ่มขึ้น 10.13 จุด, +0.43% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,309.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, +0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,719.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด, +0.25%
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 27.48 จุด เหตุวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) โดยดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% ขณะที่จีนก็เตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.85 จุด ลดลง 27.48 จุด หรือ -0.36%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง จากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการโลหะมีค่าและโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรม เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดของโลก ทั้งนี้ หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% และหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2%
หุ้นเดเบนแฮมส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ร่วงลง 10.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดและการชะลอตัวลงของตลาดหลักๆ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะยังไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ทรงตัวที่ระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง จากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการโลหะมีค่าและโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรม เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดของโลก ทั้งนี้ หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% และหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2%
หุ้นเดเบนแฮมส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ร่วงลง 10.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดและการชะลอตัวลงของตลาดหลักๆ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะยังไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ทรงตัวที่ระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีนกระทบศก.โลก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 383.21 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,677.97 จุด ลดลง 156.14 จุด หรือ -1.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่
7,603.85 จุด ลดลง 27.48 จุด หรือ -0.36% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,390.63 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -1.10%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง จากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้อุปสงค์โลหะมีค่าและโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรมจากจีนลดน้อยลง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดของโลก ทั้งนี้ หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล ร่วงลง 3.8%
หุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 2.4% หลังจากสำนักงานอัยการประจำกรุงมิวนิคเปิดเผยว่า นายรูเพิร์ท สแตดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออดี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ต้องการเข้าให้การต่อศาล หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงค่าตรวจมลพิษไอเสียของรถยนต์ดีเซล
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 383.21 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,677.97 จุด ลดลง 156.14 จุด หรือ -1.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่
7,603.85 จุด ลดลง 27.48 จุด หรือ -0.36% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,390.63 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -1.10%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง จากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้อุปสงค์โลหะมีค่าและโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรมจากจีนลดน้อยลง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดของโลก ทั้งนี้ หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล ร่วงลง 3.8%
หุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 2.4% หลังจากสำนักงานอัยการประจำกรุงมิวนิคเปิดเผยว่า นายรูเพิร์ท สแตดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออดี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ต้องการเข้าให้การต่อศาล หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงค่าตรวจมลพิษไอเสียของรถยนต์ดีเซล
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 287.26 จุด วิตกสงครามการค้ากระทบศก.โลก
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นโบอิ้ง และแคทเธอร์พิลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด หรือ -1.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด หรือ -0.28%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากรัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนมีขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า บริษัทในภาคอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวลง 2.1% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 1.3% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ลดลง 0.2% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 1.9%
หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.0% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของเฟดเอ็กซ์ซึ่งจะมีการแถลงหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายแล้ว
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.1% แม้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันต่อนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิลว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ประกอบในประเทศจีน
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ร่วงลง 4.9% หลังจากนายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้ออกมาชี้แจงว่า พนักงานคนหนึ่งของเทสลาได้ก่อเหตุโจมตีระบบการผลิต เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับการเลื่อนขั้น นอกจากนี้ พนักงานคนดังกล่าวยังส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวให้กับบุคคลที่สามด้วย
หุ้นสแนป ร่วงลง 5.3% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันของบริษัท เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.350 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 4.6% สู่ระดับ 1.301 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต
--อินโฟเควสท์
OO10252
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด หรือ -1.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด หรือ -0.28%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากรัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนมีขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า บริษัทในภาคอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวลง 2.1% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 1.3% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ลดลง 0.2% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 1.9%
หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.0% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของเฟดเอ็กซ์ซึ่งจะมีการแถลงหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายแล้ว
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.1% แม้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันต่อนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิลว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ประกอบในประเทศจีน
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ร่วงลง 4.9% หลังจากนายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้ออกมาชี้แจงว่า พนักงานคนหนึ่งของเทสลาได้ก่อเหตุโจมตีระบบการผลิต เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับการเลื่อนขั้น นอกจากนี้ พนักงานคนดังกล่าวยังส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวให้กับบุคคลที่สามด้วย
หุ้นสแนป ร่วงลง 5.3% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันของบริษัท เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.350 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 4.6% สู่ระดับ 1.301 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต
--อินโฟเควสท์
OO10252