WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์ตามภูมิภาค ยังรอดูผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

                นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้มีการปรับตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงไปมาก

                แต่โดยรวมของตลาดหุ้นไทยน่าจะยังแกว่งในกรอบแคบอยู่ เนื่องจากเวลานี้ต่างรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยว่าจะออกมาในทิศทางไหน

                สำหรับบ้านเราที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันศุกร์นี้ มองว่าตลาดฯได้รับรู้ไปมากแล้ว คงจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ตอนนี้ยังดีที่ตลาดบ้านเราไม่ได้มีปัจจัยลบอะไร

พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,590 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(10 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.71 จุด เพิ่มขึ้น 54.84 จุด(+0.32%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,586.52 จุด เพิ่มขึ้น 34.23 จุด (+0.75%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,995.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด(+0.36%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 92.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 3.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.98 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.65 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.81 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(10 ก.ย.)1,582.13 จุด ลดลง 1.05 จุด(-0.07%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 237.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ย.57

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(10 ก.ย.)ที่ 91.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.08 ดอลลาร์หรือ 1.2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(10 ก.ย.)ที่ 6.89 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.16/18 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน-รอผลเฟด

                - "รองอธิบดีดีเอสไอ" ชำแหละปัญหาคดี "ปั่นหุ้น" ยอมรับรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างยาก เพราะเหตุเกิดขึ้นเร็ว พยานปากสำคัญล้วนเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด หนำซ้ำผลประโยชน์กับความผิดที่อาจได้รับก็ต่างกันลิบ ทำให้ไม่มีใครเกรงกลัว แถมนักปั่นล้วนคนมีความรู้ แนะ ก.ล.ต. กรมสอบสวนคดีพิเศษจับมือเกาะติด ข้อมูลเรียลไทม์ เน้นปรามดีกว่าไล่ตามจับทีหลัง

                - นโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ มีทั้งหมด 11 ด้านนโยบายหลักที่กระทบกับประชาชนคือ การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุน และให้มีภาษีที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันต่างชนิด

                - "แบงก์ชาติ" ชี้เงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค จากปัจจัยภายนอก หลังเศรษฐกิจสหรัฐ ดีขึ้นชัดเจน ขณะที่ตลาดเงินเริ่มคาดเฟดอาจ ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมินไว้ แนะจับตาสัญญาณการประชุมสัปดาห์หน้า รวมทั้งท่าทีที่มีต่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำคาด ยืนยันเสถียรภาพเงินบาทยังดี ค่าความผันผวนต่ำกว่าช่วง 2 ปีก่อนหน้า ส่วนแผนขึ้น "เอ็นจีวี-แอลพีจี" ภาคขนส่งกระทบเงินเฟ้อแค่ 0.01%

                - "บีโอไอ" เผยสถิติยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 8 เดือนของปี 2557 พบว่ามีมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 416,500 ล้านบาท จำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะสิงหาคมมีมูลค่า 45,900 ล้านบาท บ่งชี้สัญญาณฟื้นตัว

                - นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยจากการปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิระยะยาวที่นับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 ของสถาบันการเงินได้ตามเกณฑ์การกำกับสถาบันการเงินตามมาตรฐานสากล ฉบับที่ 3 (บาเซิล 3) ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ ซึ่งเกณฑ์ใหม่ที่ปรับปรุงช่วยให้ตราสารหนี้ฯ ตามเกณฑ์ใหม่สามารถรองรับความเสียหายของสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ในกรณีที่มีปัญหาความไม่เพียงพอของกองทุนได้จริง ซึ่งตราสารหนี้ตัวใหม่นี้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไปและเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.6-0.7% แต่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ฉะนั้นสถาบันการเงินที่จะออกขายควรชี้แจงให้นักลงทุนเข้าใจ

    - "ประสงค์ พูนธเนศ"อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การเก็บภาษีในภาพรวมทั้งปี 2557 จะต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต่ำกว่าเป้า

*หุ้นเด่นวันนี้

    - CCN บมจ. ซีซีเอ็น-เทค เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวนหุ้นจดทะเบียน 230 ล้านหุ้น ราคา Par 0.50 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้น IPO 60 ล้านหุ้น ราคา IPO 1.25 บาท/หุ้น โดย CCN เป็นผู้จำหน่าย วางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้เช่าเครื่องพิมพ์และคอมพิวเตอร์

    ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/57 ของ CCN มีกำไรสุทธิ 8.64 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.05 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.02 บาท

     - LPN(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 22 บาท เป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะกลับมาขยายตัวโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2558 จะเติบโต +9.2% จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy และมี Valuation ที่ยังถูก

    - BECL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 47 บาท ปริมาณการใช้ทางด่วนเฉลี่ยต่อวันในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 1,123,067 คัน ลดลงเล็กน้อย 0.2% Y-Y จากการเลื่อนเปิดภาคเรียนระดับอุดมศึกษาจากต้น มิ.ย. เป็นกลาง ส.ค. และมีวันหยุดยาวช่วงวันแม่ แต่เพิ่ม 2.1% M-M เพราะเริ่มเปิดภาคเรียน ส่วนรายได้ค่าทางด่วนเดือน ส.ค. เพิ่ม 7.6% Y-Y และ 2.5% M-M จากการขึ้นค่าทางด่วนตั้งแต่ 1 ก.ย. 2013 เรายังคาดกำไรปกติปีนี้โต 52% จากผลของการขึ้นค่าทางด่วนและส่วนแบ่งกำไรของ TTW และ CKP ที่เพิ่มขึ้น

    - DEMCO(เคทีบี)"ซื้อช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว"เป็นหุ้นเด่นตัวหนึ่งในกลุ่ม"ขยะทองคำ"ไปแล้ว ล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ระยะสั้น ซึ่งใกล้จุดสูงสุดประวัติการณ์ที่ระดับ 18.48 บาท ทั้งนี้ เห็นว่า ราคาหุ้น DEMCO กำลังตอบสนองทางบวกต่อทิศทางผลประกอบการในระยะกลาง-ยาวที่ดี อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะเติบโตจากงานวิศวกรรมโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน (ได้แก่ พม่าและลาว) รวมถึงโรงไฟฟ้าจากขยะ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการในระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 18.48 บาท

     - PCSGH(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้าใหม่ 11.3 บาท ปัจจัยหนุน คือยอดขายที่ฟื้นตัวเร็ว โดยคาดจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป โดยผู้บริหารเชื่อว่ายอดขายจะไม่ติดลบ 5-10% อย่างที่เคยประเมิน และปีหน้าคาดมีคำสั่งซื้อเพิ่มหนุนให้ยอดขายเติบโต 15% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2014-15 คาด 21.5% และ 28% โดยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 23%

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 146.90 จุด เมื่อเวลา 9.22 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,880.91 จุด เพิ่มขึ้น 92.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,315.73 จุด ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,701.73 จุด ลดลง 3.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,376.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,046.97 จุด ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,343.61 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,218.43 จุด เพิ่มขึ้น 5.65 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,873.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด

     ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลิตภัณฑ์ไอโฟนรุ่นใหม่ ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 1.11 จุด ขณะจับตาประชามติสกอตแลนด์

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังอ่อนแรงลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์

   ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 6,830.11 จุด

   การลงประชามติว่าด้วยการแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ขณะที่บรรดาผู้นำในภาคการเมืองของอังกฤษต่างพยายามอย่างมากที่จะให้สกอตแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรต่อไป

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ กำลังดำเนินความพยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อรณรงค์การโหวต “No" ในการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชของสกอตแลนด์ หลังจากโพลล์ล่าสุดจากหลายสำนักแสดงให้เห็นถึงความต้องการโหวต “Yes" และ “No" ที่คู่คี่สูสีกันอย่างมาก

     นายคาเมรอนได้เขียนบทความซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดลี่เมลเมื่อวานนี้ โดยนายกฯอังกฤษได้กล่าวเตือนว่า การประกาศอิสรภาพเป็น “การกระโจนไปสู่ความมืดมิด"

    หุ้นคิงฟิชเชอร์พุ่ง 4.3% หลังมีการแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ ส่วนหุ้นเออาร์เอ็มร่วงลง 2.4% หลังแอปเปิล อิงค์เปิดตัวสมาร์ทวอทช์และไอโฟนรุ่นใหม่

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว วิตกมาตรการอีซีบีไม่แกร่งพอกระตุ้นศก.

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าแผนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) นั้น อาจยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 344.7 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,450.79 จุด ลดลง 1.58 จุด หรือ -0.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,700.17 จุด ลดลง 10.53 จุด หรือ -0.11% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,830.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ +0.02%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา นักลงทุนกังวลว่ามาตรการผ่อนคลายการเงินครั้งล่าสุดของอีซีบีอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

    ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานลงสู่ระดับ 0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้แก่ธนาคารที่นำเงินมาฝากกับอีซีบี (Deposit facility) ลงสู่ระดับ -0.2% พร้อมกับประกาศว่าจะเริ่มซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (asset-backed securities) และตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพ (covered bonds) จากภาคเอกชนในเดือนต.ค.นี้

    หุ้นสวอช กรุ๊ป บริษัทผลิตนาฬิการายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดตัว Apple Watch ซึ่งเป็นสมาร์ทวอชรุ่นล่าสุดที่ใช้งานด้วยระบบสัมผัสและได้รับความสนใจจากประชาชนโดยทั่วไป

     หุ้นคิงฟิสเชอร์ พุ่งขึ้น 4.3% ขณะที่หุ้นบิลฟิงเกอร์ ร่วงลง 3.6%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : หุ้นเทคโนโลยีพุ่งแรง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 54.84 จุด

   ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลิตภัณฑ์ไอโฟนรุ่นใหม่ ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.71 จุด เพิ่มขึ้น 54.84 จุด หรือ +0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,586.52 จุด เพิ่มขึ้น 34.23 จุด หรือ +0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,995.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด หรือ +0.36%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

   ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 3.07% หลังจากแอปเปิล อิงค์ เปิดตัวสมาร์ทโฟนสองรุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมถึง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus พร้อมเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ และ Apple Pay เพื่อให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สามารถชำระเงินสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้จัดขึ้นที่ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะฟลินต์ ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย

   ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นทวิตเตอร์ทะยานขึ้น 4.54% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นยูบีเอสเป็น "แนะนำให้ซื้อ" เนื่องจากรายได้จากพื้นที่โฆษณาที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยูบีเอสยังได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นทวิตเตอร์เป็น 65 ดอลลาร์ จากเดิม 50 ดอลลาร์

    ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.99% และหุ้นลิงค์อิน ดีดตัวขึ้น 0.99% เช่นกัน

    หุ้นอีเบย์ร่วงลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของไปเปอร์ แจฟเฟรย์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอีเบย์ลงสู่ระดับ "neutral" จากระดับ "overweight" โดยระบุว่า Apply Pay การให้บริการชำระเงินเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ทโฟนของบริษัทแอปเปิล อิงค์นั้น อาจจะเข้ามาชิงตลาดการทำธุรกรรมจ่ายเงินผ่านมือถือ

     หุ้น Krispy Kreme Doughnuts Inc ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายขนมโดนัทรายใหญ่ระดับโลกแห่งนี้ เปิดเผยรายได้ต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 16 เซนต์

    ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2556

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 10ก.ย.2557

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,068.71 จุด                       เพิ่มขึ้น 54.84จุด     +0.32%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,586.52 จุด                   เพิ่มขึ้น 34.23จุด     +0.75%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,995.69 จุด                     เพิ่มขึ้น 7.25จุด      +0.36%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,830.11 จุด                 เพิ่มขึ้น 1.11จุด      +0.02%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,700.17 จุด                           ลดลง 10.53จุด      -0.11%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,450.79 จุด                       ลดลง 1.58จุด       -0.04%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,357.61 จุด                          ลดลง 77.16จุด      -0.82%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,788.78 จุด                   เพิ่มขึ้น 39.63จุด     +0.25%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,574.40 จุด     ลดลง 33.80จุด      -0.60%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,574.30 จุด          ลดลง 33.60จุด      -0.60%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,318.31 จุด                   ลดลง 8.22จุด       -0.35%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,212.78 จุด           ลดลง 40.89จุด      -0.56%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,705.36 จุด                             ลดลง 485.09จุด     -1.93%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,142.99 จุด    ลดลง 54.13จุด      -1.04%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,870.85 จุด                    ลดลง 3.27จุด       -0.17%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,338.63 จุด                     ลดลง 4.33จุด       -0.13%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,057.41 จุด                      ลดลง 207.91จุด     -0.76%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลิตภัณฑ์ไอโฟนรุ่นใหม่ ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.71 จุด เพิ่มขึ้น 54.84 จุด หรือ +0.32%ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,586.52 จุด เพิ่มขึ้น 34.23 จุด หรือ +0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่1,995.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด หรือ +0.36%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าแผนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) นั้น อาจยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 344.7 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,450.79 จุด ลดลง 1.58 จุด หรือ -0.04% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,700.17 จุด ลดลง 10.53 จุด หรือ -0.11% ดัชนี FTSE 100ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,830.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ +0.02%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังอ่อนแรงลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 6,830.11 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.2ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,245.3  ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6 เซนต์ ปิดที่ 18.926 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 4.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,381 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 11.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 849.05 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.)  หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากกลุ่มโอเปคได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลก

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 91.67ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.12ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 98.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) อันเนื่องมาจากการคาดการณ์อย่างต่อเนื่องว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้

          ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2905 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2920ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 106.82 เยน เทียบกับระดับ106.34 เยน

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI  ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,197.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง                อินโฟเควสท์ 

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!