WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2 1ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งกรอบแคบ แม้ราคาน้ำมันร่วงกดดันตลาด แต่แรงขายตปท.ชะลอ-หวังแรงซื้อหุ้นแบงก์ช่วยประคอง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังราคาน้ำมันดิบปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้ยังเป็นปัจจัยกดดันที่ตลาด
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยหนุนจากทิศทางของต่างชาติที่เริ่มเห็นแรงขายเบาบางลง หลังส่วนต่างผลตอบแทน Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯกับไทยแคบลง ขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติในปัจจุบันมีเพียง 23.2% ประกอบกับการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาจนทำให้มี P/E ลดลงมาอยู่ที่ 15.6 เท่าทำให้ตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงยังคาดหวังแรงซื้อจะกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มแบงก์ จากแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น
ขณะที่นักลงทุนยังรอติดตามปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า รวมถึงนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,710 จุด และแนวต้านที่ 1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,813.69 จุด เพิ่มขึ้น 178.48 จุด (+0.72%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,746.87 จุด เพิ่มขึ้น 12.25 จุด (+0.45%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,606.46 จุด เพิ่มขึ้น 52.13 จุด (+0.69%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 76.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.18 จุด , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 11.49 จุด , ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 20.53 จุด , ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.98 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 14.94 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 มิ.ย.61) 1,721.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด (+0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 109.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 มิ.ย.61) ปิดที่ 64.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 มิ.ย.61) ที่ 5.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.99 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อย ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง มองกรอบวันนี้ 31.95-32.05
- "ภากร" กรรมการและผู้จัดการตลท. มองแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ขายออกมาอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากมีนักลงทุน ทั้งสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนทั่วไป กระจายการลงทุนไม่ได้พึ่งพาเงินลงทุนต่างชาติกลุ่มเดียว อีกทั้งมั่นใจปัจจัยภายในเข้มแข็ง เศรษฐกิจแกร่ง หนุน บริษัทจดทะเบียนกำไรโต แม้สหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยกดดันก็ตาม
- ไทย-ญี่ปุ่น-เมียนมา เตรียมขับเคลื่อนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายรอบใหม่หลัง ไจก้าปรับแผนแม่บท ถอนอุตสาหกรรมหนัก "เหล็ก ปิโตรเคมี" มุ่งอุตสาหกรรมเบา ที่ส่งเสริมใช้แรงงาน เช่น ผลิตชิ้นส่วน พร้อมเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก่อน ปลายมิ.ย.ถกร่วม 3 ฝ่าย รับทราบแผน
- ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจในการจัดทำแผนวิสาหกิจ 56 แห่ง ระยะเวลา 5 ปี ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ 20 ปี ทั้ง 11 ด้านของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ยังต้องให้เป็นไปทิศทางเดียวกันกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ของสภาพัฒน์ ขณะที่ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจตั้งแต่เดือน ต.ค.2560-เม.ย. 2561 มี 1.25 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 121% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม โดยรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีงบประมาณเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมจำนวน 5.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 95% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม
- ผู้อำนวยการสศค. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2561 ยังสดใสจากปัจจัยที่เป็นบวกทั้งการเร่งทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาก
- รัฐบาลเคาะรูปแบบลงทุนเมกะโปรเจกต์ "อีอีซี" เปิดกว้างต่างชาติถือหุ้น 75% พร้อมขีดเส้นประมูลแล้วเสร็จ 8 โครงการ ก่อนเลือกตั้งต้นปีหน้า ส่วนประมูล "ท่าเรือแหลมฉบัง" เฟส 3 เอกชนไทย-เทศรุมจีบ ด้านกพอ.รับทราบความคืบหน้าโครงการเมืองการบินภาคตะวันออกมูลค่า 2 แสนล้านบาท ไปสู่การเป็น "มหานครการบินภาคตะวันออก" ภายใน 10 ปี โดยจะออกเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) เดือน ต.ค.61 หลังจากที่ประกาศเชิญชวนการร่วมทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ต้งเป้าทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง และสนามบินเสร็จพร้อมกันปี 66
- คปภ. เห็นชอบให้มีการปรับปรุงร่างประกาศ คปภ.กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยฯ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการกำกับพฤติกรรมทางตลาด ของทั้งบริษัทประกันภัย และคนกลางประกันภัย อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถขายประกันภัย ผ่านทางไปรษณีย์ และทางโทรศัพท์ได้ด้วย ซึ่งเพิ่มเติมจากเดิมที่ธนาคารสามารถขายผ่านสาขาธนาคาร และช่องทางออนไลน์ได้เท่านั้น
- รายงานข่าวจากธปท. เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเห็นนักธุรกิจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะปรับลดลงตามแนวโน้มราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่การส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวไปยังผู้บริโภคน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังกังวลว่ากำลังซื้อในประเทศยังขยายตัวไม่เข้มแข็ง
- วันนี้ (5 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดคำวินิจฉัย คำสั่ง คสช.53/2560 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับสุดท้าย
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 12 บาท หลังมองทุกธุรกิจผ่าน Bottom และกำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะ EPP ที่ดูชะลอมากสุดในปีก่อนจะดีขึ้นตามการบริโภคในประเทศ ขณะที่ Aeroflex (ฉนวนยาง) จะได้แรงหนุนจากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน และ Aeroklas (ชิ้นส่วนรถยนต์) จะมีการออกสินค้าใหม่เพิ่มเติม พร้อมคาดกำไรปี 61/62 (เม.ย. 61-มี.ค.62) ที่ 1,251 ล้านบาท +26% Y-Y และคาด +17% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 62/63 ที่ 1,460 ล้านบาท ขณะที่ยอด Short sales กลับเข้าสู่ระดับปกติ และ NVDR เร่งซื้อมากขึ้น ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก
- RS (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 35 บาท หลังมองแผนครึ่งหลังของปีนี้ที่ RS จะเน้นโมเดลธุรกิจ MPC เปิดตัว LINE@ COOL Anything "เปลี่ยนผู้ฟังเป็นผู้ซื้อ" ทำให้มีมุมมองเชิงบวก โดยเชื่อว่าการขยาย platform จะส่งผลให้ RS สามารถเพิ่มยอดขาย Multi-Platform Commerce ได้มากขึ้น อีกทั้ง RS ยังมีแผนทำ Private brand ซึ่งมี Gross profit margin มากกว่าสินค้าของ partner คาดว่าจะช่วยให้ Gross profit margin ของ RS ขยายตัว ทำให้เชื่อมั่นว่า RS จะสามารถ Deliver earnings growth ได้ตามเป้าที่คาด โดยคาดว่ารายได้จาก MPC ปีนี้จะอยู่ที่ 3,263 ล้านบาท เพิ่ม 135%YoY และกำไรสุทธิอยู่ที่ 827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148% YoY มองว่าราคาที่ปรับตัวลงมาอยู่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายกรณี Worst case แล้ว ส่งผลให้ Downside มีจำกัด
- MBK (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 27 บาท โดยการเข้าซื้อหุ้นบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เพิ่มจาก ณ 31 มี.ค.61 ที่ 31% เป็น 47.46% ทำให้การรับรู้กำไรจากบริษัทนี้ เพิ่มจาก 10% เป็น 18% ของกำไร MBK ขณะที่ธุรกิจ Core Business ของ MBK มีลักษณะเป็น Recurring Income โดยธุรกิจศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด ประมาณ 42% ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอ ส่วนปลายปีนี้ โครงการใหญ่ที่ MBK ถือหุ้นอยู่ 15% (ณ 31 มี.ค.) คือ Icon Siam มีแผนจะเริ่มเปิดดำเนินการ

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดในแดนบวก 2 วันติดต่อกัน
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืน โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนพ.ค.
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,552.17 จุด เพิ่มขึ้น 76.23 จุด, +0.34% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,088.01 จุด ลดลง 3.18 จุด, -0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,009.47 จุด เพิ่มขึ้น 11.49 จุด, +0.04% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,130.03 จุด เพิ่มขึ้น 20.53 จุด, +0.18% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,450.39 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด, +0.11% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,479.78 จุด เพิ่มขึ้น 12.30 จุด, +0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,754.19 จุด ลดลง 0.98 จุด, -0.06% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,594.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.94 จุด, +0.20%
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงเกาะติดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อดูว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้หรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 39.52 จุด หลังตลาดคลายกังวลการเมืองยุโรป
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การเมืองในยุโรปที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งข่าวการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงรายงานข่าวที่ว่า ยูนิเครดิต กำลังพิจารณาควบรวมกิจการกับธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,741.29 จุด เพิ่มขึ้น 39.52 จุด หรือ +0.51%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรป หลังจากนายจูเซปเป คอนเต ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของอิตาลี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นผู้นำรัฐบาลผสม ภายหลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะช่วยให้อิตาลีสามารถปลดล็อกทางการเมืองที่ดำเนินมานาน 3 เดือน หลังการเลือกตั้งในวันที่ 4 มี.ค. ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในรัฐสภา
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในสเปนนั้น นายเปโดร ซานเชส ผู้นำพรรคสังคมนิยม ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน หลังจากนายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรี ได้พ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี กำลังพิจารณาควบรวมกิจการกับธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศส
หุ้นบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.6% ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดตัวขึ้น 0.6%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวควบรวมกิจการ,การเมืองยุโรปส่งสัญญาณบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) ขานรับข่าวควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงรายงานข่าวที่ว่า ยูนิเครดิต กำลังพิจารณาควบรวมกิจการกับธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 388.11 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,770.75 จุด เพิ่มขึ้น 46.48 จุด หรือ +0.37% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,741.29 จุด เพิ่มขึ้น 39.52 จุด หรือ +0.51% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,472.91 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด หรือ +0.14%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองในอิตาลี หลังจากนายจูเซปเป คอนเต ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของอิตาลี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นผู้นำรัฐบาลผสม ภายหลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะช่วยให้อิตาลีสามารถปลดล็อกทางการเมืองที่ดำเนินมานาน 3 เดือน หลังการเลือกตั้งในวันที่ 4 มี.ค. ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในรัฐสภา
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในสเปนนั้น นายเปโดร ซานเชส ผู้นำพรรคสังคมนิยม ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน หลังจากนายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรี ได้พ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี กำลังพิจารณาควบรวมกิจการกับธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นซอคเจน ดีดตัวขึ้น 0.7% ขณะที่หุ้นยูนิเครดิต ปิดตลาดขยับลง 0.8% หลังจากที่พุ่งขึ้นขานรับข่าวดังกล่าวในระหว่างวัน
หุ้นบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.6% ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดตัวขึ้น 0.6%
หุ้นแอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากมีรายงานว่า แอคคอร์โฮเทลส์ กำลังพิจารณาเข้าซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งในแอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม อย่างไรก็ตาม หุ้นแอคคอร์โฮเทล ดิ่งลง 7%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 178.48 จุด รับหุ้นเทคโนฯพุ่ง,ตัวเลขจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิลที่ได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 12 ในงานประชุมผู้พัฒนาทั่วโลก (WWDC) ซึ่งแอปเปิลได้จัดขึ้นเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนพ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,813.69 จุด เพิ่มขึ้น 178.48 จุด หรือ +0.72% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,746.87 จุด เพิ่มขึ้น 12.25 จุด หรือ +0.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,606.46 จุด เพิ่มขึ้น 52.13 จุด หรือ +0.69%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นแอปเปิลปิดบวก 0.8% หลังจากทะยานขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 12 ซึ่งมีลูกเล่นในการแก้ปัญหาเสพติดมือถือของผู้ใช้ iPhone โดยแอปเปิลได้ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการดังกล่าวในงาน WWDC ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซานดิเอโกของสหรัฐเมื่อวานนี้ ท่ามกลางผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จำนวนหลายหมื่นที่คนเข้าร่วมงานในครั้งนี้
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 3.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทประกาศเข้าซื้อกิจการ GitHub ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์
หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เอเวอร์คอร์ ไอเอสไอ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นโคห์ล คอร์ป พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นเมซี อิงค์ ทะยานขึ้น 4.3% และหุ้นนอร์ดสตรอม ดีดขึ้น 2.7%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.05% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.6% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 3.1% และหุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 2.04%
นักลงทุนจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรป (EU), แคนาดา และเม็กซิโก หลังจากที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน ส่วนการเจรจาการค้ารอบที่ 3 ระหว่างสหรัฐและจีนที่จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทั้งสองฝ่ายยังคงไม่ได้ข้อยุติแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงเกาะติดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อดูว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้หรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.8% ในเดือนเม.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.5% โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.
--อินโฟเควสท์
OO9612

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!