WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวจากภาวะขายมากเกินไป เล็งกลุ่มพลังงานหนุนตลาดหลังราคาน้ำมันดีดขึ้น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้จากภาวะขายมากเกินไป โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และซาอุดิอาระเบียจะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานวันนี้น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นหุ้น PTT ส่วนหุ้น PTTEP ราคาได้ขึ้นมาตอบรับราคาน้ำมันไปพอควรแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.5-0.9% พร้อมให้ติดตามการปรับน้ำหนักของ MSCI ที่จะมีผลในวันนี้ หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่เดือนมิ.ย.แล้วน่าจะได้เห็นทิศทางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอลง และในช่วงกลางเดือนก็คงจะมีการประกาศหุ้นที่จะเข้าใน SET50 และ SET100 ตามมา
อย่างไรก็ดี มองว่าดัชนีหุ้นไทยคงจะยังเคลื่อนไหวในกรอบขาลง หากยังไม่ผ่านแนว 1,755 จุด พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,711-1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,667.78 จุด พุ่งขึ้น 306.33 จุด (+1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.01 จุด เพิ่มขึ้น 34.15 จุด (+1.27%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,462.45 จุด เพิ่มขึ้น 65.86 จุด (+0.89%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 144.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 20.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 217.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 19.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 32.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 12.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 พ.ค.61) 1,725.14 จุด ลดลง 9.40 จุด (-0.54%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,383.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 พ.ค.61) ปิดที่ 68.21 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 พ.ค.61) ที่ 6.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.03 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังยูโรฟื้นจากคลายกังวลการเมืองอิตาลี
- รฟท.ติดเครื่องไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน 12 พ.ย.นี้ เปิดยื่นซองชิงเค้ก ลั่นผู้ชนะ ต้องควัก 4.2 หมื่นล้านบาท พัฒนาพื้นที่มักกะสัน 150 ไร่ ชี้กลุ่มอสังหา-ซีพี-เซ็นทรัล- ปตท.จ่อลงสนาม
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด โดย กนง.ได้ประเมินว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะขยายตัวดี แต่ผลยังกระจุกตัวในตลาดแรงงานและการบริโภคภาคเอกชนที่เกี่ยวกับการส่งออกเท่านั้น รายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นแต่ในกลุ่ม รายได้ปานกลางถึงสูง ซึ่งช่วยสนับสนุนให้การบริโภคกลุ่มสินค้าคงทนขยายตัวได้ ขณะที่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยยังมีรายได้ทรงตัวและมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งการบริโภค
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน เม.ย. 2561 อยู่ที่ 103.28 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.99% และเป็นค่าดัชนีที่ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ส่งผลให้เอ็มพีไอ 4 เดือนแรกขยายตัว 4.1%
- ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ฉลุย ศาลรธน.วินิจฉัยช่วยคนพิการลงคะแนน-ตัดสิทธิ ข้าราชการการเมือง ไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ขัดรัฐธรรมนูญ นัดลงมติ คำสั่งหัวหน้า คสช. 53/2560 ขัด รธน.หรือไม่ 5 มิ.ย.นี้ "วิษณุ" รับลูกนายกฯ คุยพรรคการเมือง หลังกฎหมายลูกประกาศใช้ครบ
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ได้รายงานความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือ ทีทีเอฟ ต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวานนี้ ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีการตรวจสอบร่างสัญญาการออกกองทุนซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หลังจากที่เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2561 ขยายตัวได้ 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี แต่เศรษฐกิจไตรมาส 2 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% เนื่องจากฐานเศรษฐกิจของไตรมาส 2 ของปี 2560 เริ่มขยายตัวสูงขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMART-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 335,429,635 หน่วย อายุ 3 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้น ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 15 บาท โดยกำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 16 พ.ย.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 17 พ.ค.64
- BANPU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ราคาถ่านหินยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีปัจจัยลบจากการควบคุมของภาครัฐ ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกมี PE Ratio ต่ำเพียง 8 เท่า
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 78 บาท แม้ SSSG เม.ย.61 ยังแผ่ว แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน มิ.ย.61 ที่มีการจัดงาน greatest grand sale (ร่วมกับ central) พร้อมตั้งเป้ารุกหนักในการเพิ่มสัดส่วน private brand เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น และขยายธุรกิจ online โดยเน้น omni channel ส่วนสาขาจะเปิดใหม่ 2 แห่งใน H2/61 คาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ +13.5% Y-Y เป็น 3.1 พันล้านบาท ด้านราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard กว่ากลุ่ม และ Forward PE ยังต่ำเพียง 23 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 28-30 เท่า
- KTB (ไอร่า) เป้า 21.90 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเป็นโอกาสเข้าซื้อ คาดในระยะสั้นมีประเด็นน่าสนใจจากการประมูลที่ดินของ AQ นัดแรก ในวันที่ 6 มิ.ย.61 หากประมูลสำเร็จ คาดมีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท (EPS ประมาณ 0.60 บาท) คาดเพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท และยังได้รับคัดเลือกคำนวนในดัชนี MSCI Minimum Volatility ซึ่งมีผลเมื่อ 31 พ.ค.61 ด้านสำรองหนี้ลดลงจากปี 60 แม้คาดสินเชื่อจะเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่ภายใต้นโยบายของ KTB ที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นจากสำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาท เมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าหมายสำรองหนี้ในปี’61 ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนคลายวิตกการเมืองอิตาลี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,163.40 จุด เพิ่มขึ้น 144.88 จุด, +0.66% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,061.83 จุด เพิ่มขึ้น 20.39 จุด, +0.67% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,274.18 จุด เพิ่มขึ้น 217.39 จุด, +0.72% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,856.03 จุด เพิ่มขึ้น 34.86 จุด, +0.32% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,428.83 จุด เพิ่มขึ้น 19.80 จุด, +0.82% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,476.46 จุด เพิ่มขึ้น 32.51 จุด, +0.94% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,731.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.37 จุด, +0.72%
สถานการณ์การเมืองในอิตาลีเริ่มสัญญาณในด้านบวก หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปลดนายเปาโล ซาโวนา ออกจากรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากนายซาโวนามีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 56.93 จุด รับหุ้นพลังงานพุ่งหลังราคาน้ำมันดีดแรง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,689.57 จุด เพิ่มขึ้น 56.93 จุด หรือ +0.75%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 2.6% ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบีย, กลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ และมีแนวโน้มว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจจะขยายเวลาของข้อตกลงดังกล่าวออกไปอีก เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำให้ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะสมดุล
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 1.4% หลังจาก RBS ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า นายอีเว็น สตีเวนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ RBS ได้ลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นเจ เซนส์บิวรี และหุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจาก Kantar เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ยอดขายของร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งในอังกฤษปรับตัวเพิ่ขึ้นในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ค. โดยได้ปัจจัยหนุนจากพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี และน.ส.เมแกน มาร์เคิล ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ รวมทั้งสภาพอากาศที่สดใสในช่วงวันหยุดธนาคารของอังกฤษ
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ขยับขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายการผลิตในปี 2561

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังนักลงทุนคลายกังวลการเมืองอิตาลี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังจับมือกับพรรคพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ ความสำเร็จในการออกพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอิตาลี ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาลอิตาลีเช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 385.49 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,783.76 จุด เพิ่มขึ้น 117.25 จุด หรือ +0.93% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,689.57 จุด เพิ่มขึ้น 56.93 จุด หรือ +0.75% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,427.35 จุด ลดลง 10.71 จุด หรือ -0.20%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การเมืองในอิตาลีที่เริ่มสัญญาณในด้านบวก หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปลดนายเปาโล ซาโวนา ออกจากรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากนายซาโวนามีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความสำเร็จในการออกพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอิตาลี โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลอิตาลีสามารถจำหน่ายพันธบัตรประเภทอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในวงเงินรวม 5.57 พันล้านยูโร หรือประมาณ 6.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาล
หุ้นธนาคารของอิตาลีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ทะยานขึ้น 3%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 2.6% ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบีย, กลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้
หุ้นเจ เซนส์บิวรี และหุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจาก Kantar เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ยอดขายของร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งในอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ค. โดยได้ปัจจัยหนุนจากพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี และน.ส.เมแกน มาร์เคิล ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ รวมทั้งสภาพอากาศที่สดใสในช่วงวันหยุดธนาคารของอังกฤษ
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ขยับขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายการผลิตในปี 2561
หุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาและเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้อนุมัติให้เบเยอร์เข้าซื้อกิจการบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของเยอรมนี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.7%
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของเยอรมนีลดลง 11,000 รายในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเยอรมนียังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 306.33 จุด รับหุ้นพลังงานฟื้น,ตลาดคลายกังวลการเมืองอิตาลี
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,667.78 จุด พุ่งขึ้น 306.33 จุด หรือ +1.26% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.01 จุด เพิ่มขึ้น 34.15 จุด หรือ +1.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,462.45 จุด เพิ่มขึ้น 65.86 จุด หรือ +0.89%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในอิตาลีเริ่มสัญญาณในด้านบวก หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปลดนายเปาโล ซาโวนา ออกจากรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากนายซาโวนามีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
นอกจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว นักลงทุนยังขานรับความสำเร็จในการออกพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอิตาลี โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลอิตาลีสามารถจำหน่ายพันธบัตรประเภทอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในวงเงินรวม 5.57 พันล้านยูโร หรือประมาณ 6.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาล
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 3.1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 5.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้น Salesforce.com ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์การบริหารจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1 และยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1
ส่วนหุ้นไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 11% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขายของบริษัท หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3%
ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 163,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 204,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.
--อินโฟเควสท์
OO9414

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!