WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

13ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบแค
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯจะขึ้นมาระดับ 3.1% ส่งผลต่อกระแสเงินทุนไหลออก แต่ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ทะลุ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในระหว่างแล้ว ซึ่งน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานให้มาช่วยประคองดัชนีฯได้ อีกทั้งเชื่อว่าแนวรับแถว 1,745-1,750 จุด น่าจะรับได้อยู่
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบสลับกันเล็กน้อยราว 0.2-0.3% พร้อมให้ติดตามปัจจัยในสัปดาห์หน้าในเรื่องตัวเลขผลิตภีณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 1/61 และรมว.คลังสหรัฐฯจะเสนอแผนจำกัดการลงทุนของบริษัทจีนต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาระบุว่าไม่มั่นใจจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีนได้
พร้อมให้แนวรับ 1,745-1,750 จุด ส่วนแนวต้าน 1,760 ถัดไป 1,765 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,713.98 จุด ลดลง 54.95 จุด (-0.22%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,720.13 จุด ลดลง 2.33 จุด (-0.09%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,382.47 จุด ลดลง 15.82 จุด (0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 68.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 91.82 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.18 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 พ.ค.61) 1,751.20 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,233.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 พ.ค.61) ปิดทรงตัวที่ 71.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ค.61) ที่ 7.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.08 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มีลุ้นแตะ 32.22
- "สมคิด" เตรียมฟื้นกลไก ผนึกเศรษฐกิจไทย-เกาหลีใต้รอบ 2 สั่งบีโอไอ ทำนโยบายเฉพาะหนุนลงทุนไทย-อีอีซี พัฒนาเมืองใหม่โครงสร้างพื้นฐาน ด้าน "ล็อตเต้" สนลงทุนปิโตรเคมี-ดิวตี้ฟรีสนามบิน สอบถามนโยบายถือหุ้นข้างมาก ขอขยายเวลาใบอนุญาตทำงาน
- "อุตตม" เผยไทยเตรียมตั้งคณะทำงานร่วมไทย-เกาหลีใต้ยกร่างแผนความร่วมมือขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 วางกรอบพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ 1.อุตสาหกรรม เป้าหมาย 2.อีอีซี 3.การพัฒนาบุคลากรและ 4.เอสเอ็มอี คาด 2 สัปดาห์สรุปแผนระยะสั้น กลาง และยาว
- ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นเกณฑ์คุมสินทรัพย์ดิจิทัลถึง 30 พ.ค. เสนอนักลงทุนเทรดได้ครั้งละไม่เกิน 3 แสนบาท เป็นบริษัทที่ตั้งโดยกฎหมายไทยทุนจดทะเบียน ขั้นต่ำ 5 ล้านบาท
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในเดือนมีนาคม 2561 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ 108.5 สูงขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลง 4.3% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยสาขาบริการสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ การขายปลีก การเงิน การขนส่ง และที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ทั้งในไตรมาสแรกปีนี้ดัชนีภาวะ การค้าภาคบริการของไทยขยายตัว 7.8%
- คมนาคมเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟเชื่อมไทย-กัมพูชา คืบหน้ากว่า 50% พร้อมเตรียมส่งมอบรถไฟดีเซลรางเชื่อม อรัญประเทศ-ปอยเปต ก.ค.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว ขณะที่ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 108.75 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงสุดในรอบ 4 เดือน จากอุปทานตึงตัวในอินเดีย ซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาขายถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากยังมีปริมาณขายบางส่วนยังไม่ได้กำหนดราคาไว้(อิงตาม index)
- PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท แนวโน้ม Q2/61 ยังโตโดดเด่น แม้จะเป็น Low Season ของกลุ่มยานยนต์ แต่คาดยังทรงตัวได้ Q-Q และโตสูง 20% Y-Y ที่ราว 190 ล้านบาท เพราะจะได้การผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่ม Non-Auto เข้ามาชดเชย ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามามากใน 1Q61 และคาดเริ่มส่งมอบตั้งแต่ Q2/61
- VGI (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"ปรับเป้าขึ้นเป็น 10.20 บาท จากกำไรปี 2560/61 ที่ออกมาดีกว่าคาด และมีสัญญาณที่ดีใน Q4 ปี 60/61 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนกลยุทธ์ O2O เริ่มเห็นผล เช่นเดียวกับทุกหน่วยสื่อขยายตัวได้ดี 13%-80% YoY พร้อมกันนี้ VGI เริ่มกลับมาจ่ายปันผลในอัตราที่สูงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ในเบื้องต้น การจะเข้าซื้อ Kerry คาดให้ส่วนเพิ่มจากราคาเหมาะสมอีกอย่างน้อย 0.70 บาท/หุ้น

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ทำเนียบขาว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,907.20 จุด เพิ่มขึ้น 68.83 จุด, +0.30% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,151.08 จุด ลดลง 3.20 จุด, -0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,033.97 จุด เพิ่มขึ้น 91.82 จุด, +0.30% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,844.09 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, +0.09% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,459.73 จุด เพิ่มขึ้น 11.28 จุด, +0.46% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,528.41 จุด ลดลง 8.35 จุด, -0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,858.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด, +0.23%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นล่าสุดเมื่อคืนนี้ว่า เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐกับจีนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากจีนมีท่าทีปกป้องผลประโยชน์ของตนเองมากเกินไป

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 53.77 จุด รับหุ้นพลังงานดีดตัวหลังน้ำมันเบรนท์พุ่งแรง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 ในระหว่างการซื้อขายที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,787.97 จุด เพิ่มขึ้น 53.77 จุด หรือ +0.70%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นบีพี ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 ในระหว่างการซื้อขายที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน หลังจากประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ซึ่งอิหร่านได้ลงนามร่วมกับกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี เมื่อปี 2558
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากนักวิเคราะห์จากเครดิต สวิส และดอยซ์ แบงก์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเบอร์เบอร์รี่ ภายหลังจากทางบริษัทได้เปิดเผยกำไรปีงบการเงิน 2560 ที่แข็งแกร่งเกินคาด และประกาศซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนในวงเงิน 150 ล้านปอนด์ หรือ 202.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นรอยัล เมล ร่วงลง 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ลดลง 37%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลอังกฤษวางแผนที่จะยังคงสถานะของอังกฤษในสหภาพศุลกากรของสหภาพยุโรป (EU) หลังจากที่แยกตัวออกจาก EU แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาข้ามพรมแดนกับไอร์แลนด์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นพลังงานพุ่งหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 ในระหว่างการซื้อขายที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเมืองในอิตาลีอย่างใกล้ชิด โดยพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ของอิตาลีเตรียมยื่นแผนการต่างๆของรัฐบาลผสม ต่อประธานาธิบดีอิตาลีในวันนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 395.79 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,114.61 จุด เพิ่มขึ้น 118.28 จุด หรือ +0.91% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,621.92 จุด เพิ่มขึ้น 54.38 จุด หรือ +0.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,787.97 จุด เพิ่มขึ้น 53.77 จุด หรือ +0.70%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นบีพี ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 ในระหว่างการซื้อขายที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน หลังจากประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ซึ่งอิหร่านได้ลงนามร่วมกับกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี เมื่อปี 2558
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากนักวิเคราะห์จากเครดิต สวิส และดอยซ์ แบงก์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเบอร์เบอร์รี่ ภายหลังจากทางบริษัทได้เปิดเผยกำไรปีงบการเงิน 2560 ที่แข็งแกร่งเกินคาด และประกาศซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนในวงเงิน 150 ล้านปอนด์ หรือ 202.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟท์แวร์ด้านการจัดส่งสินค้าออนไลน์ ทะยานขึ้น 44% หลังจากบริษัทลงนามในข้อตกลงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทโครเกอร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของสหรัฐ
หุ้นรอยัล เมล ร่วงลง 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ลดลง 37%
นักลงทุนยังคงจับตาการเมืองในอิตาลีอย่างใกล้ชิด โดยพรรค 5-Star Movement และพรรค League ซึ่งเป็นพรรคการเมือง 2 พรรคที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เตรียมร่างแผนการต่างๆของรัฐบาลผสม และคาดว่าจะยื่นแผนดังกล่าวต่อประธานาธิบดีเซอจิโอ แมตตาเรลลาในวันนี้ โดยแผนฉบับนี้จะไม่ครอบคลุมถึงประเด็นที่ทั้งสองพรรคต้องการให้อิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) แต่จะระบุถึงความจำเป็นในการทบทวนสนธิสัญญาต่างๆของ EU

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 54.95 จุด วิตกบอนด์ยีลด์พุ่ง,ข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.10% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนยังไม่มีการส่งสัญญาณในด้านบวกจนถึงขณะนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,713.98 จุด ลดลง 54.95 จุด หรือ -0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,720.13 จุด ลดลง 2.33 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,382.47 จุด ลดลง 15.82 จุด หรือ -0.21%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 3.106% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2554 เมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.230%
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินดีดตัวขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนองของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ รวมทั้งเครื่องมือทางการเงินในระบบ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 0.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.3% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.6%
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ ดิ่งลง 12.4% หลังจากบริษัทยอดขายเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้ รายได้ลดลงสู่ระดับ 2.58 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.61 พันล้านดอลลาร์ ส่วนตัวเลขขาดทุนสุทธิลดลงสู่ระดับ 22 เซนต์/หุ้น ต่ำว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 23 เซนต์/หุ้น
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 1.9% แม้บริษัทเปิดเผยทั้งรายได้และกำไรที่สูงกว่าคาดการณ์ โดยวอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีรายได้ 1.2269 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.2051 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.14 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น และยอดขายเพิ่มขึ้น 2.1% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 2.2%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นล่าสุดเมื่อคืนนี้ว่า เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนซึ่งกำลังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากจีนมีท่าทีปกป้องผลประโยชน์ของตนเองมากเกินไป
นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันนี้ที่ทำเนียบขาว ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะมีความคืบหน้าหรือไม่
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับ 109.4 ในเดือนเม.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
--อินโฟเควสท์
OO8924

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!