WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีฯแกว่งไซด์เวย์ถึงปรับขึ้นรับแรงหนุนน้ำมันทรงตัวสูง,เกาะติด บจ.ทยอยประกาศงบฯ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันยังมีโอกาสที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯมีท่าทีที่จะคว่ำบาตรอิหร่าน และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯก็ลดลงมากกว่าคาด ทำให้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเห็นได้จากราคาพลังงานค่อนข้างดีเมื่อคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ มีหลายบริษัทขนาดใหญ่ที่จะประกาศออกมา ไม่ว่าจะเป็น IVL, PTT รวมถึงหุ้นในกลุ่มค้าปลีกตัวใหญ่
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเฉลี่ยราว 0.3% ซึ่งได้อานิสงส์จากดาวโจนส์ที่อยู่ในแดนบวก และราคาน้ำมันยังทรงตัวสูง
พร้อมแนะให้หาจังหวะซื้อเมื่อราคาหุ้นย่อตัวลง และให้เล่น Gap สั้น ๆ ไม่ควรไล่ซื้อ โดยให้แนวรับ 1,750 จุด ส่วนแนวต้าน 1,770 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,542.54 จุด พุ่งขึ้น 182.33 จุด (+0.75%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,697.79 จุด เพิ่มขึ้น 25.87 จุด (+0.97%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,339.91 จุด เพิ่มขึ้น 73.00 จุด (+1.00%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 73.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 180.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.23 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดพิเศษตามประกาศของรัฐบาลมาเลเซีย
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.61) 1,756.90 จุด ลดลง 3.35 จุด (-0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,829.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ค.61) ปิดที่ระดับ 71.17 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.08 ดอลลาร์ หรือ 3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ค.61) ที่ 6.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.20 กรอบแกว่งวันนี้ 32.05-32.25 จับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ-ผลประชุม BoE
- คมนาคมเปิดแผนระบบราง Bangsue Junction ดันไทยศูนย์กลางอาเซียน เงินลงทุนรวม 4 แสนล้าน ออกทีโออาร์ภายในปีนี้ เฟสแรกนำร่องเปิดใช้ปี 63 คาดมีผู้โดยสารผ่านสถานีวันละ 1 แสนคน มีศักยภาพในการพัฒนา กิจกรรมเชิงพาณิชยกรรมโยงระบบ ขนส่งเนื้อที่ 2,325 ไร่ "อาคม"เผยเชื่อมต่อแอร์พอร์ตลิงก์-รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน-เขียว-ม่วง พร้อมให้เอกชนพัฒนาพื้นที่รอบสถานี
- ไตรมาสแรกปี 2561 เอกชนทั้งไทยและต่างชาติขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 366 โครงการ จาก 288 โครงการ ในช่วงเดียวกันของปี 2560 หรือเพิ่มขึ้น 27% มูลค่าการลงทุนรวม 205,140 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59,110 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 200% เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามายังพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ซึ่งเป็น ผู้กำหนดมาตรฐานและหลักเกณฑ์ทางบัญชี ควรพิจารณาปรับความเข้มข้นของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (IFRS9) ใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เหมือนต่างประเทศทุกข้อ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ
- "พาณิชย์" ชง กนป. 11 พ.ค.นี้ เสนอมาตรการแก้ปัญหาราคาตกต่ำ หลังน้ำมันปาล์มดิบล้นสต๊อกถึง 6 แสนตัน เตรียมสั่งโรงงานรับซื้อผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 18% ผลักดันส่งออก ดูแลการขนส่งผ่านแดน เพิ่มการผลิตบี 20 และเพิ่มมาตรการจูงใจโค่นปาล์มแก่ หวังดันราคาผลปาล์มดิบไม่ต่ำกว่ากิโลละ 3 บาท
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยการทบทวนรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกฉบับล่าสุด โดยเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของภูมิภาคทั้งในปีนี้และปีหน้าอีก 0.1% เป็น 5.6% โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยระยะสั้น เช่น นโยบายการคลังของสหรัฐ แต่ก็เตือนว่าเอเชีย-แปซิฟิกยังคงเปราะบางต่อความเสี่ยงการคุมเข้มนโยบายการเงินทั่วโลกอย่างฉับพลัน ภาวะตลาดขาลง และกระแสปกป้องการค้า
- แบงก์กรุงไทยเผยเงินบาทอ่อนค่าสุดรอบปี เหตุดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าชัดเจน เชื่อมีโอกาสร่วงต่อ ด้านสภาผู้ส่งออกลุ้นขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มองทิศทางยังอ่อนค่าลงได้อีก ขณะที่ ททท.มั่นใจส่งผลดี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- GCAP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 8 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 ที่ 12.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%yoy ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี แนวโน้มไตรมาส 2/61 โตต่อเนื่องจากการรับดอกผลในการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมาขณะที่ปีนี้คาด Gross loan จะเพิ่มขึ้นแต่ระดับ 2,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 60%yoy ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรในระยะยาว
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 ที่ 2,304 ลบ. +13% Q-Q, +17% Y-Y จากโรคระบาดที่มากขึ้นในปีนี้ทั้งไวรัสโรต้าและพิษสุนัขบ้า พร้อมคาดกำไรปกติทั้งปีที่ 9,121 ลบ. +14% Y-Y จากรายได้ที่โตทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ รวมถึงสัดส่วนรายได้กลุ่มลูกค้าประกันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการควบคุมต้นทุนได้ดีเยี่ยม ด้านราคาหุ้นไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ และฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการดีดตัวระยะสั้น
- MTC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 48 บาท บริษัทฯมั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท และยอดสินเชื่อใหม่ทุบสถิตินิวไฮต่อเนื่อง เชื่อ 3 ปีแนวโน้มธุรกิจยังเป็นขาขึ้น ส่วน พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินใหม่มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ได้จำกัดดอกเบี้ยไว้ที่ 15% แต่สนับสนุนผู้ประกอบการเดินหน้าธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดย MTC รายงานกำไรสุทธิ Q1/61 ที่ 834 ล้านบาท (+56%YoY และ +12%QoQ) ใกล้เคียงกับที่คาด จากจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,638 สาขา และสินเชื่อขยายตัวอยู่ที่ 7%YTD พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ 3.7 พันล้านบาท (+49% YoY) ตามสาขาเพิ่มเป็น 3.1 พันสาขา ซึ่งจะทำให้สินเชื่อขยายตัวสูงถึง 28%
- PTTEP (ไอร่า) เป้า 139 บาท เป็น 1 ใน 5 (PTTEP/โททาล/เชฟรอน/มิตซุย/มูบาดาลา) ประมูลสัมปทานแหล่งบงกช-เอราวัณ ประกาศ PQ วันที่ 28/5/61 ทราบผล ธ.ค.61 และลงนามสัญญา ก.พ.62 คาด PTTEP ได้เปรียบรายอื่น เพราะเป็นผู้ประกอบการเดิม เชี่ยวชาญในการผลิตอยู่แล้ว เงื่อนไขการประมูลยังให้น้ำหนักกับความมั่นคงต่อเนื่องในการผลิต ขณะที่คาดผลงานปี 61 ยังแข็งแกร่ง ปริมาณผลิตเฉลี่ย 300 kboed ใกล้เคียงปี 60 พร้อมคาดราคาก๊าซเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบ ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ 72 USD/bbl สูงสุดนับแต่ พ.ย.57 พร้อมคาดกลุ่มโอเปกยังร่วมมือลดการผลิตต่อไป

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 71 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนบวกเมื่อคืน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,482.51 จุด เพิ่มขึ้น 73.63 จุด, +0.33% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,169.05 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, +0.31% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,716.97 จุด เพิ่มขึ้น 180.83 จุด, +0.59% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,731.68 จุด เพิ่มขึ้น 28.33 จุด, +0.26% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,458.67 จุด เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, +0.60% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,547.31 จุด ลดลง 1.23 จุด, -0.03% lj;oตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดพิเศษตามประกาศของรัฐบาลมาเลเซีย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3% ปิดเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 96.77 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,662.52 จุด เพิ่มขึ้น 96.77 จุด หรือ +1.28%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายหลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว
หุ้นโวดาโฟน ดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากโวดาโฟนตกลงเข้าซื้อธุรกิจในเยอรมนีและฮังการี จากบริษัทลิเบอร์ตี้ โกลบอล วงเงิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนการตัดขายสินทรัพย์บางส่วน เพื่อระดมเงินทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หุ้นพลังงานดีดตัวหลังราคาน้ำมันพุ่งแรง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 392.43 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,534.63 จุด เพิ่มขึ้น 12.70 จุด หรือ +0.23% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,943.06 จุด เพิ่มขึ้น 30.85 จุด หรือ +0.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,662.52 จุด เพิ่มขึ้น 96.77 จุด หรือ +1.28%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 3.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว
หุ้นซีเมนส์ พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นโวดาโฟน ดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากโวดาโฟนตกลงเข้าซื้อธุรกิจในเยอรมนีและฮังการี จากบริษัทลิเบอร์ตี้ โกลบอล วงเงิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนการตัดขายสินทรัพย์บางส่วน เพื่อระดมเงินทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 1.1% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การที่ปธน.ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน อาจทำให้ผู้ผลิตเครื่องบินซึ่งรวมถึงแอร์บัสและโบอิ้ง ประสบปัญหาในการขายเครื่องบินพาณิชย์ให้กับอิหร่

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 182.33 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง หลังทรัมป์ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% อันเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,542.54 จุด พุ่งขึ้น 182.33 จุด หรือ +0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,697.79 จุด เพิ่มขึ้น 25.87 จุด หรือ +0.97% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,339.91 จุด เพิ่มขึ้น 73.00 จุด หรือ +1.00%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นราว 3% หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.7% หุ้นมาราธอน ออยล์ ทะยานขึ้น 4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3%
หุ้นเซียร์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นกว่า 16% หลังจากเซียร์สประกาศจับมือกับอเมซอน เพื่อให้บริการติดตั้งยางรถยนต์ให้กับลูกค้า โดยเซียร์สระบุว่า ทางบริษัทจะให้บริการติดตั้งยางรถยนต์อย่างครบวงจรสำหรับยางทุกแบรนด์ที่มีขายบนอเมซอน ซึ่งรวมถึงแบรนด์ดายฮาร์ดของเซียร์ส
หุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 1.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดตัวขึ้นกว่า 1%
ส่วนหุ้นในกลุ่มการเงินนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 2.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 2.6%
หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 3.1% หลังจากมีรายงานว่า วอลมาร์ทจะทุ่มเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 77% ในบริษัทฟลิบคาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซของอินเดีย โดยหวังว่าจะทำให้วอลมาร์ทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่างอเมซอน อิงค์ อย่างไรก็ตาม วอลมาร์ทแถลงว่า ข้อตกลงดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2562 ลดลง 25-30 เซนต์/หุ้น หากมีการปิดข้อตกลงดังกล่าวก่อนสิ้นสุดไตรมาส 2
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. โดยการชะลอตัวของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาอาหาร
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO8587

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!