WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

6ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้น รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่งหนุนกลุ่มพลังงาน, หวังเลื่อนใช้ IFRS9 ส่งผลบวกต่อกลุ่มแบงก์
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นทะลุ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ซึ่งจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ อาจจะมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์ เนื่องจากมีข่าวออกมาว่าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอให้เลื่อนใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 ไปอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ซึ่งหากมีการเลื่อนใช้ออกไปจริงก็จะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มแบงก์ อย่างไรก็ดีให้ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ทรงตัว พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มพลังงานที่จะออกมาหลายบริษัทในช่วงนี้ โดยให้แนวรับ 1,776-1,770 จุด ส่วนแนวต้าน 1,790-1,795 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,357.32 จุด เพิ่มขึ้น 94.81 จุด (+0.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,672.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด (+0.35%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,265.21 จุด เพิ่มขึ้น 55.60 จุด (+0.77%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 129.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 8.25 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ค.61) 1,779.80 จุด ลดลง 0.07 จุด (-0.00%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,335.61 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 พ.ค.61) ปิดที่ระดับ 70.73 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2557
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ค.61) ที่ 5.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.85/87 แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 31.80-31.90 ตลาดรอปัจจัยใหม่
- ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เลื่อนใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ หรือมาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นปี 2565 ขณะที่มองเศรษฐกิจไทยยังโต รับอานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยว ชี้ไตรมาส 1/61 ขยายตัว 4.0% คงคาดการณ์ปีนี้โต 4.0-4.5% ส่งออก 5.0-8.0%
- เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ราชกิจจานุเบกษาลงเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1740-1785/1835-1880 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) กสทช. จะนำคลื่นออกประมูลในวันที่ 4 ส.ค. 2561 จำนวน 3 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 15 MHz ราคาเริ่มต้น 37,457 ล้านบาท/15 MHz
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับผลขาดทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่แชร์กันตามโซเชียลมีเดีย อาจสร้างความตกใจให้กับประชาชน เพราะมีข้อเท็จจริงและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หลายประการ ธปท.ชี้แจงว่า ธปท.ไม่ได้ เก็งกำไรค่าเงิน
- ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ หอการค้าไทยจะหารือกับประธานหอการค้าต่างประเทศเกี่ยวกับทิศทางการเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี และในโครงการต่างๆ ในไทย หลังจากสมาชิกหอการค้าแต่ละประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอย่างมาก เบื้องต้นหอการค้าไทยต้องการทราบว่านักลงทุนต่างประเทศมีความกังวลเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะขั้นตอน, ระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจน เพื่อนำเสนอข้อมูลให้รัฐบาลได้พิจารณาต่อไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- SNC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 22 บาท กำไรสุทธิ Q1/61 ออกมาตามคาด แนวโน้ม Q2/61 ยังเพิ่มขึ้น yoy จากผลบวกของการปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีกำไรจะยังขยายตัวได้ตามคาดที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%yoy ขณะเดียวกัน SNC มีกระแสเงินสดในมือสูงจึงเป็นไปได้ที่บริษัทจะประกาศแผนธุรกิจใหม่หรือจ่ายปันผลพิเศษออกมาในช่วงปีหน้า
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 78 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 จะเติบโตดี 12% Y-Y จาก SSSG ที่จะพลิกฟื้นเป็นบวกราว 2.5% Y-Y ถือเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในต่างจังหวัด แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องใน Q2/61 และจะทำจุดสูงสุดของปีใน Q4/61 โดยมีแผนเปิด 2 สาขาใหม่ในช่วง H2/61 พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโตราว 13.5% Y-Y และถือเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard กว่ากลุ่ม และราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE เพียง 23 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 28-30 เท่า
- KBANK (ยูโอบี เคย์เฮียน) ราคาหุ้นปรับลดลง 17% YTD ซึ่งน่าจะตอบรับความเสี่ยงจากการปรับลดค่าธรรมเนียมมากเกินไป ขณะที่ผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียมอยู่ที่ราว 5-7% ของกำไร จึงมองหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันพุ่งทะลุ $70
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,440.65 จุด ลดลง 26.51 จุด, -0.12% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,135.30 จุด ลดลง 1.34 จุด, -0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,123.77 จุด เพิ่มขึ้น 129.51 จุด, +0.43% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,610.44 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด, +0.05% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,468.45 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, +0.29% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,536.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.99 จุด, +0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,819.95 จุด ลดลง 8.25 จุด, -0.45%
ทั้งนี้ แม้ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค. ว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่ แต่ทรัมป์ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า เขาจะประกาศการตัดสินใจดังกล่าวในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยหากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อไปอีก
สำหรับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนั้น เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่านและกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
แต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยระบุว่าอิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว และมีการละเมิดหลายครั้ง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการสดใส,หุ้นเนสท์เล่พุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเนสท์เล่ หลังจากบริษัทประกาศทำข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกับสตาร์บัคส์
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 389.50 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,948.14 จุด เพิ่มขึ้น 128.54 จุด หรือ +1.00% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,531.42 จุด เพิ่มขึ้น 15.37 จุด หรือ +0.28% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 7 พ.ค. เนื่องในวัน Early May Bank Holiday
หุ้นเนสท์เล่ พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากเนสท์เล่ ประกาศข้อตกลงในการวางจำหน่ายสินค้าของสตาร์บัคส์ทั่วโลก โดยเนสท์เล่จะได้รับสิทธิ์ในการวางจำหน่ายสินค้านอกร้านของสตาร์บัคส์
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า เนสท์เล่จะจ่ายเงินล่วงหน้าจำนวน 7.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับสตาร์บัคส์ โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมงานกันในการวางกลยุทธ์จำหน่ายสินค้าเหล่านี้ ขณะที่นายมาร์ค ชไนเดอร์ ซีอีโอของเนสท์เล่ เปิดเผยว่า ข้อตกลงนี้เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับธุรกิจกาแฟของเนสท์เล่ และเนสท์เล่หวังว่าการขายสินค้าของสตาร์บัคส์จะทำให้เนสท์เล่เติบโตและมีรายได้เพิ่มขึ้น
หุ้นแอมบู ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การดูแลสุขภาพของเดนมาร์ก ทะยานขึ้น 18% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ดิ่งลง 9.8% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่นายฌอง-มาร์ค จาไนลาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่สหภาพปฏิเสธข้อเสนอขึ้นเงินเดือนจากฝ่ายบริหาร
ทั้งนี้ สหภาพต้องการให้มีการปรับขึ้นเงินเดือน 5.1% ในปีนี้ ในขณะที่ฝ่ายบริหารเสนอขึ้นเงินเดือน 2% ในปีนี้ และอีก 5% ในช่วงปี 2562-2564

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 94.81 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงานดีดตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,357.32 จุด เพิ่มขึ้น 94.81 จุด หรือ +0.39% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,265.21 จุด เพิ่มขึ้น 55.60 จุด หรือ +0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,672.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด หรือ +0.35%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ทั้งนี้ แม้ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ แต่ทรัมป์ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า เขาจะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยหากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อไปอีก
ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3% ส่วนหุ้นเชฟรอนปิดตลาดขยับลง 0.5% หลังจากที่พุ่งขึ้น 2.3% ในระหว่างวัน
หุ้นซิสโก คอร์ป พุ่งขึ้น 1.9% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัท
หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ปรับตัวขึ้น 0.4% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้และยอดขายในไตรมาส 1 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ผลการสำรวจของสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (แฟนนี เม) ระบุว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. แม้ว่าเผชิญกับสต็อกบ้านในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ, ราคาบ้านที่พุ่งสูง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อบ้าน (Home Purchase Sentiment Index) หรือ HPSI ของแฟนนี เม ดีดตัวขึ้น 3.4 จุด สู่ระดับ 91.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวขึ้น 5.0 จุด เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO8462

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!