- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 08 September 2014 10:56
- Hits: 2501
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าดีดรับเงินไหลเข้าหลังคาดเฟดตรึงดอกเบี้ย-จับตาครม.ใหม่
นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แนวโน้มของดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ หลังจากเมื่อวันศุกร์ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาแย่ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย นอกจากนั้นการที่ธนาคารกลางยุโรป(ECB)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนหนึ่งช่วยกระตุ้นกระแสเงินไหลเข้ามาขึ้นด้วย โดยเห็นได้จากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติยังมีการซื้อต่อเนื่อง
สำหรับ ปัจจัยในประเทศที่ยังต้องติดตามเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นัดแรกในวันพรุ่งนี้และความคาดหวังการประกาศยกเลิกกฏอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียช่วงเปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ดัชนีเป็นบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ปิดทำการ เนื่องจากวันหยุดวันไหว้พระจันทร์ ซึ่งทำให้วันนี้มูลค่าซื้อขายจะค่อนข้างเบาบาง
พร้อมให้แนวต้าน 1,590 จุด แนวรับ 1,578-1,579 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(5 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,137.36 จุด เพิ่มขึ้น 67.78 จุด (+0.40%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,582.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.61 จุด (+0.45%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,007.71 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด (+0.50%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 49.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 52.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.55 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.20 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(5 ก.ย.)1,584.32 จุด เพิ่มขึ้น 4.59 จุด(+0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,468.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(5 ก.ย.)ที่ 93.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(5 ก.ย.)ที่ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.00/02 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์อ่อนค่า
- "ณรงค์ชัย เตรียมเข้ากระทรวงพลังงาน 9 ก.ย. ก่อนแถลงนโยบาย 12 ก.ย. ลั่นพร้อมสานต่อนโยบาย คสช.เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ขณะที่แท็กซี่ร่อนหนังสือจี้ขอความชัดเจนขึ้นแอลพีจีขนส่งให้เท่าครัวเรือน ลั่นต้องมีมาตรการดูแล หากไม่มีขอขึ้นค่ามิเตอร์
- นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการประชุมนัดแรกของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 9 ก.ย. นี้ จะเป็นการรับฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งนโยบายแต่ละกระทรวงส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ คสช.ยังไม่ได้มอบหมายงานมายังกระทรวง ซึ่งการประชุม ครม.นัดแรกนี้อาจมีการมอบงานกลับไปให้แต่ละกระทรวงดำเนินการเลย
- อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เผยยอดการตั้งโรงงานใหม่ในเดือน ส.ค. 2557 อยู่ที่328 โรงงาน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 23% ขณะที่การลงทุนมีมูลค่า 2.03 หมื่นล้านบาท ลดลง 38% เมื่อเทียบกับปีก่อน เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.พบว่ายอดตั้งโรงงานลดลง 17.17% เงินลงทุนลดลง 53.40% ทำให้ยอดการตั้งโรงงานใหม่ 8 เดือน(ม.ค.-ส.ค. 2557)อยู่ที่ 2,770 โรงงาน ลดลง 8.76% เมื่อเทียบกับปีก่อนในขณะที่ยอดเงินลงทุนรวม 2.31 แสนล้านบาท ลดลง 1.66%
- "แบงก์ชาติ" มั่นใจระบบการเงินไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เหตุ ธปท. ยังทำหน้าที่ ดูดซับส่วนเกินอยู่ เชื่อธนาคารพาณิชย์มีระบบจัดการที่ดี ขณะที่ สินเชื่อต่อเงินฝากล่าสุดเริ่มอ่อนตัวมาอยู่ที่ 97% ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังสูง
- รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงโครงการการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก.ว่า ส.อ.ท.ได้ส่งหนังสือตอบกลับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยไม่เห็นด้วยกับการนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจากต่างประเทศ เนื่องจากผู้ผลิตในไทยทุกค่ายมีความสามารถในการผลิตปีละ 600 คัน และสามารถปรับสายการผลิตจากรถบรรทุกมาทดแทนได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ของในประเทศเป็นหลัก
*หุ้นเด่นวันนี้
- THCOM(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 5015 ที่ 50 บาท ยิงดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลา 01.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น ที่สหรัฐ)แล้ว หลังเลื่อนจากกำหนดเดิม 27 ส.ค.ไทยคม 7 มียอดจองแล้วประมาณ 50% คาดเริ่มรับรู้รายได้กลาง 4Q14 เชื่อว่าข่าวนี้จะ ช่วยปลดล็อกราคาหุ้นได้
- BBL(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 255 บาท คาดการเติบโตใน 2H57 จะดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้น และแม้ว่ากำไรสุทธิ 1H57 จะคิดเป็น 45% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 57 แต่เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้หลังสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้คาด EPS Growth ปี 57 ไว้ที่ 11% และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเป็น 15% ในปี 58 ปัจจัยหนุนหลักคือ ความต้องการใช้สินเชื่อและบริการการเงินที่เพิ่มขึ้นหลังการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐฟื้นตัว ทั้งนี้ธนาคารมีจุดแข็งที่ฐานลูกค้า Corporate ที่แข็งแกร่งมาก ด้าน Valuation ก็จูงใจ ทั้งนี้ราคาหุ้น BBL ถือว่ายัง Laggard จากราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่
- ITD, AOT(เคทีบี)เป็นตัวแทนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่แนะ"เก็งกำไร"ระยะสั้น รับข่าวการแถลงนโยบายของรัฐบาลปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะกล่าวถึงนโยบายการลงทุนโครงสร้างคมนาคมของประเทศตามมา ส่วน AOT ยังคงน่าสนใจในประเด็นการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับแรก ๆ โดยให้ราคาเป้าหมาย 5.95, 276 บาท ตามลำดับ
- AH(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 17 บาท คาดว่าผลประกอบการกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์จะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q-3Q57 และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป จากยอดผลิตรถยนต์ฟื้นตัวจาก 2.2 ล้านคันในปี 57 เป็น 2.4-2.5 ล้านคันในปี 58 และเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคันในปี 60 พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 58 กลับมาโตสูง +22.5% yoy เป็น 548 ล้านบาท และราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างถูก
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นหลายประเทศปิดทำการ ส่วนนักลงทุนกำลังจับตาดูจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. ในวันนี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ขยับลง 0.1% สู่ระดับ 148.36 จุด เมื่อเวลา 9.35 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,718.13 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,293.09 จุด เพิ่มขึ้น 52.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,341.18 จุด ลดลง 0.55 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,866.26 จุด ลดลง 2.20 จุด
ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
หุ้นราคูเท็น อิงค์ ร่วงลง 3.6% หุ้นแอตลาส ไอรอน ลดลง 1.3% และหุ้นซอฟต์แบงก์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 2.1%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายทำกำไร ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 22.87 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,855.10 จุด ลดลง 22.87 จุด หรือ -0.33%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 60.5 ในเดือนส.ค. จาก 59.1 ในเดือนก.ค. ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 58.5
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง
หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ (LSE) ร่วงลง 2.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท Borse Dubai ได้ขายหุ้น 3.1% ที่ถืออยู่ใน LSE ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นลอดอน
ส่วนหุ้น Foxtons Group ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ ร่วงลง 4.4%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หวั่นมาตรการอีซีบีไม่แกร่งพอกระตุ้นศก.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าแผนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) นั้น อาจยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนไม่มีการขยายตัวในไตรมาส 2
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 347.57 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,486.49 จุด ลดลง 8.45 จุด หรือ-0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,855.10 จุด ลดลง 22.87 จุด หรือ -0.33% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,747.02 จุด เพิ่มขึ้น 22.76 จุด หรือ +0.23%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับฐานลง หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการที่อีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยทุกประเภท และยังได้วางแผนที่จะซื้อสินทรัพย์ของภาคเอกชนในเดือนหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากรายงานล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 ปี 2557 ทรงตัวจากไตรมาส 1 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนไม่มีการขยายตัวในช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 0.2% เนื่องจากการลงทุนปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2555
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานลงสู่ระดับ 0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้แก่ธนาคารที่นำเงินมาฝากกับอีซีบี (Deposit facility) ลงสู่ระดับ -0.2% พร้อมกับประกาศว่าจะเริ่มซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (asset-backed securities) และตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพ (covered bonds) จากภาคเอกชนในเดือนต.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 142,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง
หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี ร่วงลง 3.6% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ เพิ่มขึ้น 9.2% ในเดือนส.ค.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 67.78 จุด จากคาดการณ์เฟดยังไม่ขึ้นดบ.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,137.36 จุด เพิ่มขึ้น 67.78 จุด หรือ +0.40% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,582.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.61 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,007.71 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ +0.50%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.1% จาก 6.2% ในเดือนก.ค.
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐ นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ รวมถึงรายงานของ ADP ที่ระบุว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 302,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา จนกระทั่งปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ข้อมูลด้านแรงงานที่ซบเซานั้นอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป หลังจากนายอิริค โรเซนเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตันได้แสดงความเห็นว่า เฟดยังไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่ยังคงซบเซาอยู่มาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานว่า ผู้นำรัฐบาลยูเครนและผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งฝักใฝ่รัสเซียได้ลงนามในสัญญาหยุดยิงที่เมืองมินสค์ในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
หุ้นวอลกรีน ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่สูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่หุ้น PVH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Calvin Klein ทะยานขึ้น 9.7%
ส่วนหุ้นแอปเปิลร่วงลง 3.4% เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของแอปเปิล ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวในด้านลบเกี่ยวกับภาพหลุดของบรรดาคนดัง ขณะที่หุ้นโฮมดีโปท์ ดิ่งลง 2%
อินโฟเควสท์