WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up หลังตลาดสหรัฐฯ-ราคาน้ำมันดีดขึ้น, ต่างชาติ-สถาบันซื้อสุทธิ
นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up โดยดัชนีฯมีโอกาสรีบาวด์ต่อหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงไปมาก และเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันก็ดีดกลับขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวิดิจิทัลหรือไม่ ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์น่าจะมีแรงซื้อกลับบ้างหลังจากราคาปรับตัวลงลึกสะท้อนข่าวลบไปพอควรแล้ว นอกจากนี้ วานนี้นักลงทุนต่างชาติและสถาบันเข้ามาซื้อสุทธิพร้อมกันหลังดัชนีฯลงต่ำมามาก เชื่อจะช่วยหนุนดัชนีฯวันนี้ให้ขึ้นต่อไปได้ แต่คงไปได้ไม่ไกล เพราะใกล้จะถึงวันหยุดระยะยาวในช่วงสงกรานต์แล้ว และวอลุ่มเทรดก็คงจะบางลงด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยยังติดตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเช้านี้นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) ต้องจับตาว่าจะมีการตอบโต้สหรัฐฯหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,744 จุด ส่วนแนวต้าน 1,765 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,979.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด (+0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,613.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด (+0.33%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,950.34 จุด เพิ่มขึ้น 35.23 จุด (+0.51%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 78.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 24.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.89 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.18 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 เม.ย.61) 1,751.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.35 จุด(+0.65%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,479.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 63.42
ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 เม.ย.61) ที่ 7.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.24 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์อ่อน นักลงทุนกังวลปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
- อุ้มยักษ์มือถือยืดจ่ายไลเซ่นส์คลื่น 900 MHz ป่วน "ฐากร"ออกโรง ไม่ได้ชงเรื่อง ด้าน"ทรู-เอไอเอส"แทคทีมแจงวันเดียวกัน "ทรู" ระบุหากไม่ยืดจ่าย คงร่วมประมูลรอบใหม่ยาก เช่นเดียวกับ"เอไอเอส" ชี้หากยืดชำระจะมีเงินไปประมูลคลื่น ขยายโครงข่ายฯ ด้าน"ดีแทค"ขอรัฐทบทวนเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz ขณะ"ประวิตร"เมินอุ้มมือถือช่วยทีวีก่อน
- "เวิลด์แบงก์"ปรับคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้แตะ 4.1% สูงสุดรอบ 6 ปี มองปัจจัยเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ขณะปีหน้าส่อโตเหลือ 3.8% เหตุวัฎจักรเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอ แนะรัฐเร่งปฏิรูปส่งเสริมนวัตกรรม ห่วงพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ฉุดลงทุนรัฐ ด้าน"แบงก์ชาติ" เกาะติด 3 ปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิด
- "สมคิด" เรียกประชุมคีย์แมนด้านเศรษฐกิจถกรับมือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับไทย "สนธิรัตน์" ยันมีมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ส่งปลัดพาณิชย์บินถกสหรัฐฯ ขอเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมกับไทย พร้อมให้ศึกษาชิงส่วนแบ่งตลาดมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่สหรัฐฯ และจีนตั้งกำแพงภาษีใส่กัน คาดหลายสินค้ามีโอกาสสูง ส่วนสินค้าที่เป็นวัตถุดิบให้จีน เล็งดันส่งออกไปสหรัฐฯ แทน
- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย นักลงทุนรายบุคคล นักลงทุนสถาบันในประเทศ กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์ และ นักลงทุนต่างชาติ ประจำเดือน เม.ย. 2561 ต่อการลงทุนในตลาดทุนไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลง 16.02% มาอยู่ที่ระดับ 120.17 จากเดือนก่อนอยู่ที่ 143.09 เป็นการลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่สหรัฐระบุว่าจะประกาศบัญชีเฝ้าระวังประเทศที่แทรกแซงค่าเงินเพื่ออุดหนุนการส่งออกในช่วงกลางเดือน เม.ย.นี้ ว่า ธปท.จะติดตามรายงานของสหรัฐว่าเป็นอย่างไร แต่ที่ผ่านมาไทยได้หารือกับกระทรวงการคลังของสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง และชี้แจงมาตลอดว่าไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือเพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการค้า แต่การแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อดูแลเสถียรภาพของค่าเงิน หลังจากมีเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศในปริมาณค่อนข้างมาก จึงไม่ต้องการให้กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเชื่อว่าสหรัฐจะเข้าใจ เนื่องจากไทยเป็นประเทศพันธมิตรที่มีการค้ากันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 93 บาท ราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวเชิงบวกในช่วงหลังสงกรานต์ โดยย้อนหลังไป 5 ปี ราคาหุ้นขึ้น 2% และ 3% ในช่วง 5 และ 10 วันทำการหลังสงกรานต์ ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มักเลือกห้างสรรพสินค้าเป็นที่แรกในการพบปะสังสรรค์ช่วงหยุดยาว พร้อมคาดกำไร Q1/61 +15% Q-Q, +2% Y-Y เป็น 2.8 พันล้านบาท เพราะเป็นฤดูใช้จ่ายและมีการรับรู้รายได้จาก 2 ห้างใหม่ รวมถึง การเริ่มโอนคอนโดฯแห่งแรก ส่วนกำไรทั้งปีคาด +22% Y-Y อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากการเปิดห้างใหม่และการโอนคอนโดฯอย่างละ 2 แห่ง
- CENTEL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 54 บาท กำไรสุทธิ Q1/61 มีโอกาสทำ New high รับอานิสงส์จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ธุรกิจอาหารซึ่งคิดเป็น 50% ของรายได้รวมรับผลบวกต้นทุนวัตถุดิบลดลงโดยเฉพาะ KFC ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาไก่ตกต่ำ(รายได้จาก KFC คิดเป็นสัดส่วน 55% ของรายได้จากธุรกิจอาหาร)
- SEAFCO (เออีซี) "ซื้อ" ช่วง Q1/61 คาดกำไรโต QoQ หลังเริ่มรับรู้งานรถไฟฟ้าสายสีส้มและงานก่อสร้างตึกสูงหนุนทั้งปี 61 กำไรปกติโต 59.3%YoY จาก Backlog ที่คาดราว 3.7 พันล้านบาท ซึ่งคาด Secured Revenue ปีนี้ 95% นอกจากนี้ยังมี Upside 13.6% และมีเงินปันผลจ่ายหุ้นละ 0.10 บาท (XD 9 พ.ค.)
- BTS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เป้า 10.50 บาท/หุ้น มองเชิงบวกต่อการ Conf call เมื่อวานที่ผ่านมา โดยผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจรถไฟฟ้าจากทั้งการปรับขึ้นค่าโดยสารประมาณ 1-2% และ การเปิดส่วนต่อขยายเขียวใต้ คาดรายได้ O&M เพิ่ม 30% จากระยะทางให้บริการที่เพิ่มขึ้น 12 กม.เป็น 48 กม. ในขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณา( VGI, MACO) และอสังหา (U-city) มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยวางแผนเพิ่ม U-rate จาก 65-70% เป็น 70-75% สอดคล้องสื่อ Out of home media และธุรกิจอสังหาคาดบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 1,800 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ วิตกข่าว FBI บุกสำนักงานทนายความ ทรัมป์
         ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,599.67 จุด ลดลง 78.59 จุด, -0.36% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,144.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, +0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,205.09 จุด ลดลง 24.49 จุด, -0.08% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,885.64 จุด ลดลง 7.89 จุด, -0.07% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,439.94 จุด ลดลง 4.14 จุด, -0.17% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,438.75 จุด ลดลง 11.21 จุด, -0.32% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,847.53 จุด ลดลง 2.18 จุด, -0.12%
สำนักข่าววอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ FBI ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของปธน.ทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนสูงถึง 130,000 ดอลลาร์ ที่นายโคเฮนจ่ายให้กับนางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด นางเอกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์ในปี 2549 นอกจากนี้ FBI ยังได้ยึดเอกสารด้านภาษี ข้อมูลทางธุรกิจ และบันทึกการสนทนาระหว่างนายโคเฮนและปธน.ทรัมป์
ขณะเดียวกัน ตลาดการเงินกำลังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) ซึ่งจัดขึ้นที่มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีน ในวันนี้
ทั้งนี้ สื่อต่างจับตาว่านายสีจะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับนโยบายการค้าหรือไม่ หลังจากข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้กลายมาเป็นประเด็นที่ตลาดการเงินให้ความสนใจ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 11.11 จุด รับราคาบ้านอังกฤษพุ่ง,ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าข้อพิพาทระหว่างสองประเทศจะได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาบ้านในอังกฤษที่พุ่งขึ้นเกินคาดในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,194.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ คาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และสหรัฐไม่มีเป้าหมายที่จะทำสงครามการค้า
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐ โดยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงในด้านภาษีที่จะเป็นไปในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากฮาลิแฟกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้น 2.7% ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนมี.ค. ราคาบ้านดีดตัวขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากโรลส์-รอยซ์ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขายกิจการ L'Orange ซึ่งเป็นธุรกิจจัดหาระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงในเยอรมนี ให้กับบริษัทวู้ดวาร์ด อิงค์ คิดเป็นมูลค่าราว 700 ล้านยูโร (859.5 ล้านดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม หุ้น Evraz ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่และเหล็กที่ดำเนินงานในรัสเซีย และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ร่วงลง 14% และหุ้น United Company Rusal ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอลูมิเนียมของรัสเซีย ทรุดฮวบลง 50% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐคว่ำบาตรรัสเซีย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวรัสเซียจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งหน่วยงานและภาคธุรกิจของรัสเซียจำนวน 14 แห่ง ในข้อหาดำเนินการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการยึดครองคาบสมุทรไครเมีย, สร้างความรุนแรงในยูเครน, ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัฐบาลซีเรีย และบ่อนทำลายประชาธิปไตยของชาติตะวันตก

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังสงครามการค้าส่งสัญญาณคลี่คลาย
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 375.30 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,263.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด หรือ +0.10% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,261.75 จุด เพิ่มขึ้น 20.48 จุด หรือ +0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,194.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ คาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และสหรัฐไม่มีเป้าหมายที่จะทำสงครามการค้า
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐ โดยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงในด้านภาษีที่จะเป็นไปในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
หุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากดอยซ์แบงก์ ได้ประกาศแต่งตั้งนายคริสเตียน เซวิง ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ แทนนายจอห์น ไครอัน โดยนายไครอันจะลงจากตำแหน่งซีอีโอในวันที่ 30 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ การประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ของดอยซ์แบงก์สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีแห่งนี้มีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูธุรกิจของธนาคาร หลังจากที่ดอยซ์แบงก์เผชิญกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี
หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากโรลส์-รอยซ์ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขายกิจการ L'Orange ซึ่งเป็นธุรกิจจัดหาระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงในเยอรมนี ให้กับบริษัทวู้ดวาร์ด อิงค์ คิดเป็นมูลค่าราว 700 ล้านยูโร (859.5 ล้านดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับรัสเซียต่างพากันร่วงลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐคว่ำบาตรรัสเซีย โดยหุ้น Evraz ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่และเหล็กที่ดำเนินงานในรัสเซีย และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ร่วงลง 14% หุ้น United Company Rusal ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอลูมิเนียมของรัสเซีย ทรุดฮวบลง 50% หุ้นโพลีเมทัล อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองที่ดำเนินธุรกิจในรัสเซีย ดิ่งลง 18% และธนาคารเรฟเฟเซน แบงก์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นธนาคารของออสเตรียที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในรัสเซีย ร่วงลง 12%
ทั้งนี้ บริษัท United Company Rusal ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตร ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอาจทำให้บริษัทผิดนัดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้บางราย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวรัสเซียจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งหน่วยงานและภาคธุรกิจของรัสเซียจำนวน 14 แห่ง ในข้อหาดำเนินการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการยึดครองคาบสมุทรไครเมีย, สร้างความรุนแรงในยูเครน, ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัฐบาลซีเรีย และบ่อนทำลายประชาธิปไตยของชาติตะวันตก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 46.34 จุด หลังนักลงทุนคลายกังวลสงครามการค้า
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดแรงบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากวอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้กับนักแสดงสาวคนหนึ่งที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,979.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,613.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด หรือ +0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,950.34 จุด เพิ่มขึ้น 35.23 จุด หรือ +0.51%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ คาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และสหรัฐไม่มีเป้าหมายที่จะทำสงครามการค้า
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐ โดยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงในด้านภาษีที่จะเป็นไปในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล และหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 0.6% หุ้นเฟซบุ๊ก ขยับขึ้น 0.5% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นทีเอแอล เอ็ดดูเคชัน กรุ๊ป และหุ้นนิว โอเรียลทัล เอ็ดดูเคชัน แอนด์ เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.6% และ 3.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดแรงบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากสำนักข่าววอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ FBI ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของปธน.ทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนสูงถึง 130,000 ดอลลาร์ ที่นายโคเฮนจ่ายให้กับนางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด หรือที่รู้จักในชื่อสตอร์มมี แดเนียส์ นางเอกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์ในปี 2549 นอกจากนี้ FBI ยังได้ยึดเอกสารด้านภาษี ข้อมูลทางธุรกิจ และบันทึกการสนทนาระหว่างนายโคเฮนและปธน.ทรัมป์
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้เช่นกัน โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ รวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO7312

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!