WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกับภูมิภาค คลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนหลังสองฝ่ายพร้อมเจรจากัน
        นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน ภายหลังจากที่มีท่าทีจะเจรจากัน ทำให้บรรยากาศต่างประเทศเป็นบวก
ส่วนบ้านเราก็ยังได้แรงหนุนจาการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 1/61 ด้วย อย่างไรก็ดีวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมีการพิจารณาเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อม 3 สนามบิน คือ สนามบินสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา-ดอนเมือง และในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะต้องติดตาม
ด้านต่างประเทศวันนี้ให้ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯที่จะออกมา และในวันพรุ่งนี้ก็ให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,790-1,795 จุด ส่วนแนวต้าน 1,810 ถัดไป 1,815-1,820 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,202.60 จุด พุ่งขึ้น 669.40 จุด
(+2.84%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,658.55 จุด เพิ่มขึ้น 70.29 จุด (+2.72%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,220.54 จุด เพิ่มขึ้น
227.87 จุด (+3.26%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 192.80 จุด, ดัชนี SSE Composite
ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 31.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 436.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 61.64
จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 26.08 จุด, ดัชนี
FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.24 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 มี.ค.61) 1,801.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.89 จุด (+0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,198.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.55
ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 มี.ค.61) ที่ 7.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.13 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาคจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 31.10-31.20
- "สมคิด" มอบนโยบายกระทรวงวิทย์ฯ ขับเคลื่อนนวัตกรรมดันเศรษฐกิจไทยโตยกกำลัง 2 ลั่นรัฐบาลให้ความสำคัญกับ
การลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) หลังผ่านมา 10 ปี มีงบแค่ 0.2% ของจีดีพี เล็งดันเพิ่มเป็น 1% ของจีดีพี หรือ 1.6 แสนล้านบาท
พร้อมสั่งสร้างแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับคนไทยและธุรกิจไทย ด้าน "สุวิทย์" รับลูกเปิดตัว 3 แพลตฟอร์มหลัก หวังให้เกิดเทคโนโลยี
เป็นของตนเอง
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้
ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องต่อศาลแพ่งต่อผู้กระทำความผิด จำนวน 25 ราย ฐานร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์หรือปั่น
หุ้น 6 หลักทรัพย์
- ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ สรท.จะเชิญผู้ส่งออกในกลุ่มต่างๆ หารือแนวทางรับมือกับสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เริ่ม
รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีสหรัฐจะประกาศขึ้นภาษี นำเข้าจากจีนและจีนเตรียมตอบโต้กลับ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 1/2561 คาดว่าจะกลับฟื้นตัวเป็นบวกได้ จากแรงหนุนของความ
ต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ ขณะที่สินเชื่อรายย่อย
น่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวดีขึ้น หลังผลการชำระคืนหนี้บัตรเครดิตทยอยลดลง รวมถึงมีผลบวกจากการขยายตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของ
สินเชื่อเช่าซื้อ ขณะเดียวกันการแข่งขันนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารต่างๆ จะทยอยเพิ่ม
การรับรู้ของลูกค้า และคาดว่าจะนำไปสู่การเลือกใช้บริการเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
- การประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีวาระที่น่าสนใจคือ จะมีการเสนอมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ให้ที่ประชุมรับทราบ เพื่อพิจารณาออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม 2561 ประกอบด้วย มาตรการให้พักชำระหนี้ทีวีดิจิทัล ภายในระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้วันนี้ครม.ยังจะพิจารณาลงมติ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หนังสือจากคสช.เรื่องการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ หลังจากที่ผู้ชนะการประมูล ทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) ได้ขอให้พิจารณาขยายระยะเวลา การจ่ายออกไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 15 บาท คาดกำไร Q1/61 กลับมาโต Q-Q, Y-Y จากรายได้ต่อตู้ต่อเดือนที่ดีขึ้น ค่าเสื่อมราคาเร่งตัวลดลง และไม่มีค่าใช้จ่าย SG&A พิเศษ ส่วนกำไรทั้งปีคาด +18% Y-Y อยู่ที่ 640 ล้านบาท โดยแนวโน้มรายได้บริการโอนเงิน (สัดส่วน 6-7% ของรายได้รวม) ที่กังวลว่าจะถูกกระทบจาก Banking Agent ยังเพิ่มต่อเนือง
- PSL (ไอร่า) เป้า 18 บาท คาด Q1/61 เป็นช่วง Low Season ที่ปกติเรือใหม่มักเข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วง ม.ค. รวมถึงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหนักของจีนเพื่อควบคุมมลพิษที่จะจบมาตรการลงใน มี.ค. ทำให้คาดผลประกอบการของ PSL จะเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้งใน Q2/61 นอกจากนี้ คาดปี 61 ภาวะอุปสงค์- อุปทาน เข้าสู่สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะ Orderbook เรือ Handysize และ Supramax ซึ่งเป็นเรือหลักของ PSL อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และ 13 ปี ที่ 7.8% และ 1.7% ตามลำดับ สอดคล้องกับที่ประเมินว่า Supply ของเรือเทกองในปี 61 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ขณะที่ Demand เติบโตในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ประมาณ 3% พร้อมประเด็นด้านกฏเกณฑ์ คาดเป็นปัจจัยเร่งให้ Supply ส่วนเกินออกจากอุตสาหกรรมใน 2-3 ปีข้างหน้า คาดปี 61 พลิกมีกำไรปกติราว 291 ล้านบาท และคาดโดดเด่นในปี 62
- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.10 บาท มีมุมมองบวกกับผลประกอบการที่โตสดใสจากการรับรู้ Backlog ณ สิ้นปีก่อนที่ 2.55 พันล้านบาท (ยังไม่รวมโครงการ One Bangkok ที่พึ่งประมูลได้ล่าสุดราว 1.2 พันล้านบาท) โดยเป็นสัดส่วนของงานที่รับเฉพาะค่าจ้างซึ่งมาร์จิ้นราว 87% ของรายได้รวม แม้แนวโน้มกำไร Q1/61 จะยังไม่โดดเด่นจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าของรถไฟฟ้าสีส้ม แต่ทิศทางของรายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ Q2/61 เป็นต้นไป จากการเริ่มงานก่อสร้างหลายโครงการใหญ่พร้อมกัน ทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok โดยยังคงคาดกำไรปกติปีนี้ +88% Y-Y เป็น 291 ลบ.

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด
       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืน หลังจากมีรายงานว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,958.90 จุด เพิ่มขึ้น 192.80 จุด, +0.93% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,164.80 จุด เพิ่มขึ้น 31.08 จุด, +0.99% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,985.75 จุด เพิ่มขึ้น 436.98 จุด, +1.43% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,901.69 จุด เพิ่มขึ้น 61.64 จุด, +0.57% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,455.00 จุด เพิ่มขึ้น 17.92 จุด, +0.74% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,438.54 จุด เพิ่มขึ้น 26.08 จุด, +0.76% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,862.15 จุด เพิ่มขึ้น 2.24 จุด, +0.12%
นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์
ทางด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐควรจัดการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้า พร้อมกับย้ำว่า จีนพร้อมที่จะเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐ โดยจีนจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ และจีนจะไม่บังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่บริษัทท้องถิ่น รวมทั้งจีนจะคุมเข้มการปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 33.25 จุด วิตกข่าวสหรัฐ, EU ขับทูตรัสเซีย
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังจากสหรัฐ และ 14 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ประกาศขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศ โดยระบุว่ารัฐบาลรัสเซียอยู่เบื้องหลังการใช้สารพิษลอบสังหารอดีตสายลับของรัสเซีย นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,888.69 จุด ลดลง 33.25 จุด หรือ -0.48%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศขับนักการทูตรัสเซียจำนวน 60 คนออกจากสหรัฐ พร้อมประกาศปิดสถานกงสุลรัสเซียในนครซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ขณะที่สมาชิก EU รวม 14 ประเทศมีมติขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศเช่นกัน
การใช้มาตรการดังกล่าวของสหรัฐ และ EU เป็นการตอบโต้การที่รัสเซียอยู่เบื้องหลังการใช้สารพิษลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาวของเขาที่ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ โดยเมื่อคืนนี้ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.4234 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4133 ดอลลาร์
หุ้นสเมอร์ฟิท คัปปา บริษัทบรรจุภัณฑ์และผลิตกระดาษของไอร์แลนด์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากอินเตอร์เนชันแนล เปเปอร์ ในวงเงิน 37.54 ยูโรต่อหุ้น
หุ้นเจดี สปอร์ตส์ แฟชั่น ร่วงลง 4.7% หลังจากมีรายงานว่า เจดี สปอร์ต แฟชั่น วางแผนเข้าซื้อกิจการบริษัทฟินิช ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในสหรัฐ ในวงเงิน 558 ล้านดอลลาร์
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมือนรายใหญ่ ดีดตัว 4.6% ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงของหุ้นดังกล่าว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกเงินยูโรแข็งฉุดผลประกอบการบริษัทข้ามชาติ
      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ และได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 363.19 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2560
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,787.26 จุด ลดลง 99.05 จุด หรือ -0.83% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,888.69 จุด ลดลง 33.25 จุด หรือ -0.48% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,066.28 จุด ลดลง 28.94 จุด หรือ -0.57%
การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2446 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2356 ดอลลาร์ หลังจากนายเจนส์ เวดมานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนี และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า ECB ควรยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยความเคลื่อนไหวของนายเวดมานน์ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2562
ทั้งนี้ การแข็งค่าของยูโรได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า รัฐบาลจีนพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐควรจัดการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้า พร้อมกับย้ำว่า จีนพร้อมที่จะเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐ โดยจีนจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ และจีนจะไม่บังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่บริษัทท้องถิ่น รวมทั้งจีนจะคุมเข้มการปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
หุ้นโรช โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ปิดตลาดปรับตัวลง 0.7% หลังจากที่ราคาหุ้นได้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากความสำเร็จในการทดสอบยารักษาโรคมะเร็งปอด
หุ้นสเมอร์ฟิท คัปปา บริษัทบรรจุภัณฑ์และผลิตกระดาษของไอร์แลนด์ ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากอินเตอร์เนชันแนล เปเปอร์ ในวงเงิน 37.54 ยูโรต่อหุ้น
หุ้นเจดี สปอร์ตส์ แฟชั่น ร่วงลง 4.7% หลังจากมีรายงานว่า เจดี สปอร์ต แฟชั่น วางแผนเข้าซื้อกิจการบริษัทฟินิช ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในสหรัฐ ในวงเงิน 558 ล้านดอลลาร์
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ดีดตัว 4.6% ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงของหุ้นทั้งสองบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 669.40 จุด รับข่าวจีนพร้อมเจรจาสหรัฐเพื่อยุติสงครามการค้า
      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,202.60 จุด พุ่งขึ้น 669.40 จุด หรือ +2.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,658.55 จุด เพิ่มขึ้น 70.29 จุด หรือ +2.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,220.54 จุด เพิ่มขึ้น 227.87 จุด หรือ +3.26%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์
ทางด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐควรจัดการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้า พร้อมกับย้ำว่า จีนพร้อมที่จะเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐ โดยจีนจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ และจีนจะไม่บังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่บริษัทท้องถิ่น รวมทั้งจีนจะคุมเข้มการปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
ความเคลื่อนไหวในด้านบวกเหล่านี้ช่วยหนุนดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558 หลังจากที่ตลาดดิ่งลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 7.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวขึ้น 6.5% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 4% และหุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 0.4%
หุ้นฟินิช ไลน์ ทะยานขึ้น 31% หลังจากเจดี สปอร์ตส์ แฟชั่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเข้าซื้อธุรกิจของฟินิช ไลน์ ในวงเงิน 558 ล้านดอลลาร์
หุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินเทล เนื่องจากอุปสงค์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.4% ปิดที่ระดับ 12.89 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2552 ที่ราคาหุ้นจีอีปิดที่ระดับต่ำกว่า 3 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค. โดยเฟดสาขาริชมอนด์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO7042

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!