- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 05 March 2018 13:35
- Hits: 2023
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์รับหุ้นหลายตัวขึ้น XD สัปดาห์นี้,จับตาสหรัฐฯเล็งเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ถึงซึมตัว เนื่องจากสัปดาห์นี้มีหุ้นหลายตัวที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD อย่างหุ้น PTTGC, ROBINS, DELTA เป็นต้น หลังจากเสร็จสิ้นประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทำให้คาดว่าตลาดจะไปไหนไม่ไกล ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหว Sideway Down โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ปรับตัวลง เนื่องจากเงินเยนแข็งค่า โดยต่างรอดูการประชุมเฟด ในช่วงกลางเดือนมี.ค.
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างรอดูตัวเลขการส่งออกของจีน และยังต้องติดตามเรื่องที่สหรัฐฯจะออกมาตรการกีดกันการค้า โดยเฉพาะในเรื่องการปรับขึ้นภาษีเหล็ก และอลูมิเนียม
พร้อมให้แนวรับ 1,800 จุด ส่วนแนวต้าน 1,825 จุด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ถึงซึมตัว เนื่องจากสัปดาห์นี้มีหุ้นหลายตัวที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD อย่างหุ้น PTTGC, ROBINS, DELTA เป็นต้น หลังจากเสร็จสิ้นประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทำให้คาดว่าตลาดจะไปไหนไม่ไกล ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหว Sideway Down โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ปรับตัวลง เนื่องจากเงินเยนแข็งค่า โดยต่างรอดูการประชุมเฟด ในช่วงกลางเดือนมี.ค.
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างรอดูตัวเลขการส่งออกของจีน และยังต้องติดตามเรื่องที่สหรัฐฯจะออกมาตรการกีดกันการค้า โดยเฉพาะในเรื่องการปรับขึ้นภาษีเหล็ก และอลูมิเนียม
พร้อมให้แนวรับ 1,800 จุด ส่วนแนวต้าน 1,825 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,538.06 จุด ลดลง 70.92 จุด (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด (+0.51%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,257.87 จุด เพิ่มขึ้น 77.31 จุด (+1.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 59.19 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 133.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 23.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 29.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.76 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 มี.ค.61) 1,811.98 จุด ลดลง 18.15 จุด (-0.99%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,532.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 61.25
ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 มี.ค.61) ที่ 8.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.40 แข็งค่าจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 31.30-31.50 ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
- ธอส.เดินหน้าปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ไม่หวั่นแบงก์พาณิชย์แข่งยาก ย้ำเป้าหมายชัดเพื่อช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย-ปานกลางมีที่อยู่อาศัย เผยกลางปีมีแผนออกโปรโมชั่นสินเชื่อต่ำอีกรอบ หวังกระตุ้นยอดปล่อยกู้ปีนี้ตามเป้าที่ 1.89 แสนล้าน ขณะหนี้เสียเพียง 4.12% ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ลดแตะ 4.05%
- นายพรชัย ปัทมินทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า แม้ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง มากกว่าที่ส่งสัญญาณเมื่อปลายปีที่ระบุ 3 ครั้ง แต่แนวโน้มบริษัทขนาดใหญ่ไม่ได้เร่งระดมทุนมากขึ้นหรือเร็วขึ้นภายในปีนี้ เนื่องจากสองปัจจัยคือดอกเบี้ยไทยคาดว่าไม่ขึ้นเร็วตามสหรัฐ และธุรกิจต่างมีเงื่อนเวลาและจังหวะในการลงทุนของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องระดมทุนมาแบกไว้มากๆ
- กนอ.เผยโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ รับเบอร์ซิตี้ (Rubber City) เพื่อเป็นนิคมฯแปรรูปยางพาราแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด บนพื้นที่ 1,218 ไร่ ภายในนิคมฯ ภาคใต้ จ.สงขลา อยู่ระหว่างการพัฒนา และคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 80% ซึ่งจะแล้วเสร็จ เม.ย.61 คาดรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ ยางพาราครบวงจร อาทิ อุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมพาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องยางพารา เป็นต้น
- พาณิชย์จับตามาตรการขึ้นภาษี"ทรัมป์"เข้าข่ายผิดกฎดับบลิวทีโอ ชี้ข้ออ้างเพื่อความมั่นคงใช้ได้เฉพาะภาวะสงคราม เล็งผนึกชาติพันธมิตรเสียหายระงับข้อพิพาทไปจนถึงฟ้องร้องดับบลิวทีโอ เอกชนเชื่อเป็นสงครามการค้า ประธานฯ อียูเผยกำลังร่างมาตรการตอบโต้สหรัฐ "ทรัมป์"ทวิตขู่จะเก็บภาษีรถยนต์ยุโรป
- วงการเงินดิจิทัลเผยบริษัทที่เตรียมทำ"ไอซีโอ"หวั่นกฎเกณฑ์ ก.ล.ต.เข้มงวด ส่งผล 10 รายขอถอนตัวจาก"ทีแดกซ์"นักวิชาการห่วงรัฐคุมเพดานระดมทุนไม่เกิน 100 ล้านบาทได้ไม่คุ้มเสีย หวั่นเอกชนหนีไปต่างประเทศแทน ด้าน"คลัง"ประชุม 4 หน่วยงานพรุ่งนี้ วางแนวทางกำกับ คาด ก.ล.ต.รายงานความคืบหน้า ก่อนเสนอบอร์ด 8 มี.ค.
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,538.06 จุด ลดลง 70.92 จุด (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด (+0.51%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,257.87 จุด เพิ่มขึ้น 77.31 จุด (+1.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 59.19 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 133.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 23.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 29.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.76 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 มี.ค.61) 1,811.98 จุด ลดลง 18.15 จุด (-0.99%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,532.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 61.25
ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 มี.ค.61) ที่ 8.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.40 แข็งค่าจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 31.30-31.50 ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
- ธอส.เดินหน้าปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ไม่หวั่นแบงก์พาณิชย์แข่งยาก ย้ำเป้าหมายชัดเพื่อช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย-ปานกลางมีที่อยู่อาศัย เผยกลางปีมีแผนออกโปรโมชั่นสินเชื่อต่ำอีกรอบ หวังกระตุ้นยอดปล่อยกู้ปีนี้ตามเป้าที่ 1.89 แสนล้าน ขณะหนี้เสียเพียง 4.12% ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ลดแตะ 4.05%
- นายพรชัย ปัทมินทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า แม้ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง มากกว่าที่ส่งสัญญาณเมื่อปลายปีที่ระบุ 3 ครั้ง แต่แนวโน้มบริษัทขนาดใหญ่ไม่ได้เร่งระดมทุนมากขึ้นหรือเร็วขึ้นภายในปีนี้ เนื่องจากสองปัจจัยคือดอกเบี้ยไทยคาดว่าไม่ขึ้นเร็วตามสหรัฐ และธุรกิจต่างมีเงื่อนเวลาและจังหวะในการลงทุนของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องระดมทุนมาแบกไว้มากๆ
- กนอ.เผยโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ รับเบอร์ซิตี้ (Rubber City) เพื่อเป็นนิคมฯแปรรูปยางพาราแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด บนพื้นที่ 1,218 ไร่ ภายในนิคมฯ ภาคใต้ จ.สงขลา อยู่ระหว่างการพัฒนา และคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 80% ซึ่งจะแล้วเสร็จ เม.ย.61 คาดรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ ยางพาราครบวงจร อาทิ อุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมพาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องยางพารา เป็นต้น
- พาณิชย์จับตามาตรการขึ้นภาษี"ทรัมป์"เข้าข่ายผิดกฎดับบลิวทีโอ ชี้ข้ออ้างเพื่อความมั่นคงใช้ได้เฉพาะภาวะสงคราม เล็งผนึกชาติพันธมิตรเสียหายระงับข้อพิพาทไปจนถึงฟ้องร้องดับบลิวทีโอ เอกชนเชื่อเป็นสงครามการค้า ประธานฯ อียูเผยกำลังร่างมาตรการตอบโต้สหรัฐ "ทรัมป์"ทวิตขู่จะเก็บภาษีรถยนต์ยุโรป
- วงการเงินดิจิทัลเผยบริษัทที่เตรียมทำ"ไอซีโอ"หวั่นกฎเกณฑ์ ก.ล.ต.เข้มงวด ส่งผล 10 รายขอถอนตัวจาก"ทีแดกซ์"นักวิชาการห่วงรัฐคุมเพดานระดมทุนไม่เกิน 100 ล้านบาทได้ไม่คุ้มเสีย หวั่นเอกชนหนีไปต่างประเทศแทน ด้าน"คลัง"ประชุม 4 หน่วยงานพรุ่งนี้ วางแนวทางกำกับ คาด ก.ล.ต.รายงานความคืบหน้า ก่อนเสนอบอร์ด 8 มี.ค.
*หุ้นเด่นวันนี้
- ERW (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท หลังมองการขยายฐานโรงแรมกลุ่ม Midscale และกลุ่ม Budget Hotel ที่มีความสามรถในการปรับเพิ่ม ADR ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2561 RevPar จะมีการเติบโตราว 4-5% YoY และมาตรการลดภาษีกระต้นการท่องเที่ยวเมืองรองในปี 2561 ส่งผลให้ ERW ได้รับอานิสงค์อย่างเต็มที่จากการเปิดโรงแรม Hop Inn ในจังหวัดเมืองรองกว่า 10 แห่ง และเนื่องจากมีโรงแรมกระจายตัวทั่วประเทศและเป็นกลุ่มที่มี Demand เติบโตโดดเด่น เราจึงยังคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท จากการอิงค่า EV/EBITDA ที่ 16.4X (+0.5SD) จากเดิมที่ 14.5X ค่าเฉลี่ย 5 ปี ERW ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.09 บาท จะขึ้น XD วันที่ 12 มี.ค. 2561
- AMATA (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 28 บาท โดยมองว่าผลการดำเนินงานในปี 2561 จะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากนโยบายการลงทุนของ EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H61 ส่งผลให้ยอดขายที่ดินในปี 2561 จะกลับมาดีขึ้น ก่อนที่จะดีอย่างต่อเนื่องในปี 2562 นอกจากนี้มองว่าส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้จากการขายน้ำจะเพิ่มขึ้นตามการทยอยเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โรงในปี 2561 อย่างไรก็ตามมองว่ารายได้จากการขายที่ดินในนิคมในอนาคตจะอ่อนตัวลงจากราคาขายที่ดินเฉลี่ยลดลงตามสัดส่วนการขายของนิคม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี ที่หดตัว จากการปรับเปลี่ยนแนวความคิดในการบริหารที่ดินในนิคมเฟสใหม่
- TPIPP (เมย์แบงก์ฯ) แนะ"ซื้อ"ใหี้ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท ประชุมนักวิเคราะห์ในสัปดาห์ก่อน ผู้บริหารระบุประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าดีขึ้นต่อเนื่องหลังติดตั้ง Boiler เพิ่ม ทำให้ปริมาณขายในเดือน ม.ค.61 เพิ่มขึ้นเป็น 2.77 ล้านหน่วย/วัน ก.พ.เพิ่มเป็น 2.79 ล้านหน่วย/วัน เทียบกับ Q4/60 มีปริมาณขายไฟ 233 ล้านหน่วย หรือ เฉลี่ยต่อวัน 2.53 ล้านหน่วย ทำให้ปริมาณขายไฟใน Q61 จะทำสถิติสูงใหม่ต่อ นอกจากนี้ปัญหาต้นทุน Q4/60 ที่สูงผิดปกติเกิดจาก มีปัญหาถ่านหินมีความชื่นสูง/จากฝนตกหนักใน ต.ค. ต้องใช้ความร้อนทิ้งไปไล่ความชื่น เกิดต้นทุนสูงกว่าปกติ ในขณะที่ Q161 ไม่มีปัญหาดังกล่าว ทำให้สถานปกติ ดังนั้น ในแง่กำไรมีแนวโน้มจะดีขึ้นมากใน 1Q61
- ERW (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท หลังมองการขยายฐานโรงแรมกลุ่ม Midscale และกลุ่ม Budget Hotel ที่มีความสามรถในการปรับเพิ่ม ADR ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2561 RevPar จะมีการเติบโตราว 4-5% YoY และมาตรการลดภาษีกระต้นการท่องเที่ยวเมืองรองในปี 2561 ส่งผลให้ ERW ได้รับอานิสงค์อย่างเต็มที่จากการเปิดโรงแรม Hop Inn ในจังหวัดเมืองรองกว่า 10 แห่ง และเนื่องจากมีโรงแรมกระจายตัวทั่วประเทศและเป็นกลุ่มที่มี Demand เติบโตโดดเด่น เราจึงยังคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท จากการอิงค่า EV/EBITDA ที่ 16.4X (+0.5SD) จากเดิมที่ 14.5X ค่าเฉลี่ย 5 ปี ERW ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.09 บาท จะขึ้น XD วันที่ 12 มี.ค. 2561
- AMATA (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 28 บาท โดยมองว่าผลการดำเนินงานในปี 2561 จะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากนโยบายการลงทุนของ EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H61 ส่งผลให้ยอดขายที่ดินในปี 2561 จะกลับมาดีขึ้น ก่อนที่จะดีอย่างต่อเนื่องในปี 2562 นอกจากนี้มองว่าส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้จากการขายน้ำจะเพิ่มขึ้นตามการทยอยเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โรงในปี 2561 อย่างไรก็ตามมองว่ารายได้จากการขายที่ดินในนิคมในอนาคตจะอ่อนตัวลงจากราคาขายที่ดินเฉลี่ยลดลงตามสัดส่วนการขายของนิคม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี ที่หดตัว จากการปรับเปลี่ยนแนวความคิดในการบริหารที่ดินในนิคมเฟสใหม่
- TPIPP (เมย์แบงก์ฯ) แนะ"ซื้อ"ใหี้ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท ประชุมนักวิเคราะห์ในสัปดาห์ก่อน ผู้บริหารระบุประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าดีขึ้นต่อเนื่องหลังติดตั้ง Boiler เพิ่ม ทำให้ปริมาณขายในเดือน ม.ค.61 เพิ่มขึ้นเป็น 2.77 ล้านหน่วย/วัน ก.พ.เพิ่มเป็น 2.79 ล้านหน่วย/วัน เทียบกับ Q4/60 มีปริมาณขายไฟ 233 ล้านหน่วย หรือ เฉลี่ยต่อวัน 2.53 ล้านหน่วย ทำให้ปริมาณขายไฟใน Q61 จะทำสถิติสูงใหม่ต่อ นอกจากนี้ปัญหาต้นทุน Q4/60 ที่สูงผิดปกติเกิดจาก มีปัญหาถ่านหินมีความชื่นสูง/จากฝนตกหนักใน ต.ค. ต้องใช้ความร้อนทิ้งไปไล่ความชื่น เกิดต้นทุนสูงกว่าปกติ ในขณะที่ Q161 ไม่มีปัญหาดังกล่าว ทำให้สถานปกติ ดังนั้น ในแง่กำไรมีแนวโน้มจะดีขึ้นมากใน 1Q61
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าอ่อนตัวลง จับตานโยบายการค้าสหรัฐ-นานาประเทศ
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น ภายหลังจากที่ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งของอิตาลีบ่งชี้ว่า จะเกิดภาวะที่ไม่มีพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียงข้างมากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ในขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐและนานาประเทศ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้า
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,238.71 จุด ลดลง 344.74 จุด, -1.13% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,043.61 จุด ลดลง 138.03 จุด, -0.65% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,840.93 จุด ลดลง 15.14 จุด, -0.82%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.2 ในเดือนก.พ. จากระดับ 54.7 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.3
ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.พ. แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการของจีนในเดือนก.พ. ปรับตัวลดลงแตะ 53.3 จากระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 53.7 ในเดือนม.ค.
สำหรับสถานการณ์การเลือกตั้งในอิตาลีนั้น ปรากฎว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภา (Hung Parliament) หลังจากเอ็กซิทโพลระบุว่า พรรคฟอร์ซา อิตาเลีย ของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลี ซึ่งแม้ว่าได้ที่นั่งเป็นอันดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 225-265 ที่นั่ง แต่ก็ยังต่ำกว่าข้อกำหนดของพรรคเสียงข้างมากที่จะต้องมีถึง 316 ที่นั่ง
ส่วนพรรคที่ได้คะแนนตามมาเป็นอันดับ 2 คือพรรคไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ (Five Star Movement หรือ M5S) ของนายลุยจิ ดิไมโอ ด้วยที่นั่งจำนวน 195-235 ที่นั่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 30%
ทางด้านพรรคเดโมเครติก พาร์ตี้ หรือพีดี ของนายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 3 ด้วยที่นั่ง 115-155 ที่นั่ง โดยคาดว่าสาเหตุที่ทำให้พรรคของนายเรนซีได้คะแนนรั้งท้ายที่อันดับ 3 นั้น มาจากการที่ประชาชนไม่พอใจเกี่ยวกับอัตราแรงงานที่อยู่ในระดับสูงและนโยบายรับคนเข้าเมือง
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 105.74 จุด วิตกสหรัฐเปิดศึกการค้า
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,069.90 จุด ลดลง 105.74 จุด หรือ -1.47%
สำหรับทั้งสัปดาห์แล้ว ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลง 2.4% โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้รับแรงกดดัน ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันต่อเนื่อง ด้วยความวิตกหลังปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า การทำสงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสหรัฐ และเป็นเรื่องง่ายที่จะชนะ
"เมื่อประเทศหนึ่ง (สหรัฐ) ต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการทำการค้ากับแทบทุกประเทศ การทำสงครามการค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และชนะได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องสูญเสียเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์กับบางประเทศ เราก็อย่าได้ทำการค้าต่อไปอีก เราก็จะชนะอย่างยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องง่ายๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เขาได้ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิง พีแอลซี ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ปรับตัวลดลง 1.3% ด้วยความวิตกว่าโรลส์-รอยซ์จะได้รับผลกระทบจากการประกาศเรียบเก็บภาษีครั้งนี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 70.92 จุด นักลงทุนยังผวาทรัมป์เปิดศึกการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันศุกร์ (2 มี.ค.) จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้มองว่า ปฏิกิริยาตอบกลับที่ตลาดมีต่อการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้นเลยเถิดเกินไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,538.06 จุด ลดลง 70.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือ 0.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,257.87 จุด เพิ่มขึ้น 77.31 จุด หรือ 1.08%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงมีความวิตกหลังปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า การทำสงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสหรัฐ และเป็นเรื่องง่ายที่จะชนะ
"เมื่อประเทศหนึ่ง (สหรัฐ) ต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการทำการค้ากับแทบทุกประเทศ การทำสงครามการค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และชนะได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องสูญเสียเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์กับบางประเทศ เราก็อย่าได้ทำการค้าต่อไปอีก เราก็จะชนะอย่างยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องง่ายๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เขาได้ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์นี้ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อประเทศที่จะถูกเรียกเก็บภาษีดังกล่าว และระยะเวลาที่สหรัฐจะดำเนินการเก็บภาษี
ทางด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าแทนที่จะช่วยปกป้องการจ้างงานในสหรัฐ จะกลับเป็นปัจจัยทำลายการจ้างงานในประเทศ เนื่องจากการเก็บภาษีจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์และน้ำมันของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มบริษัทในภาคการผลิตที่ต้องใช้เหล็กและอลูมิเนียม เช่น เจนเนอรัล มอเตอร์ส และโบอิ้ง ต่างปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส ปรับตัวลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 37.43 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นโบอิ้ง ร่วงหนัก 5.42 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 344.67 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นแมคโดนัลด์ ซึ่งร่วงลงถึง 4.8% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 เนื่องจากเมนูชุดคุ้มค่าที่แมคโดนัลด์ได้ออกใหม่นั้นมียอดขายที่น่าผิดหวัง
เมื่อนับรวมความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ดัชนีทั้ง 3 ปรับตัวลดลง โดยดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง 3%, 2% และ 1.1% ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์
OO6059