- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 19 February 2018 13:43
- Hits: 3001
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้น เล็งขานรับ Sentiment บวกจากตปท.-ราคาน้ำมันขึ้น-เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าช่วยหนุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากยังได้ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นบวกอยู่ และยังได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันด้วย
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าอยู่ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย แต่เชื่อว่าวอลุ่มเทรดยังไม่มาก แต่คิดว่าจะดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคยังปิดทำการอยู่ ทั้งตลาดหุ้นจีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง และเวียดนาม
ทั้งนี้ วันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 4/60 ซึ่งตลาดเชื่อว่าจะออกมาดี และในวันพุธนี้ (21 ก.พ.) ให้ติดตามการายงานผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ, ยุโรป และญี่ปุ่น
พร้อมให้แนวรับ 1,800 ถัดไป 1,790-1,792 จุด ส่วนแนวต้าน 1,813 ถัดไป 1,820-1,825 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,219.38 จุด เพิ่มขึ้น 19.01 จุด (+0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,732.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด (+0.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,239.47 จุด ลดลง 16.96 จุด (-0.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 183.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 30.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.74 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) 1,805.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด (+0.28%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 221.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.68 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) ที่ 6.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.26 ตลาดรอติดตาม GDP Q4/60 ไทยเช้านี้-รายงานการประชุม FOMC
- คลังจี้ "แบงก์ชาติ" เร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง หลังพบแข็งค่า แซงประเทศคู่ค้า-คู่แข่ง หวั่นกระทบการแข่งขันด้านราคา ย้ำที่ผ่านมา"คลัง" ช่วยเต็มที่ ทั้งเร่งคืนหนี้ต่างชาติ นำเข้าวัตถุดิบลงทุน เตรียมหนุน"นักลงทุน สถาบัน-กบข.-ประกันสังคม"นำเงิน ลงทุนนอก ลดแรงกดดันค่าเงิน
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีนี้ แข็งค่าขึ้นแล้ว 3.53% และเงินบาทแข็งค่า เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 1.59% มีประเทศเดียวที่ค่าเงินแข็งกว่าไทยคือญี่ปุ่น ส่วนประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ค่าเงินอ่อนกว่าไทยมาก โดยยอมรับว่าภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอเอ็มอี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดดูแลเรื่องค่าเงินไปอย่างเต็มที่แล้ว
- สำนักบริหารอ้อยฯ คาดแนวโน้มอ้อยเข้าหีบฤดู 2560/61 ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 110 ล้านตัน หลังชาวไร่เปลี่ยนพื้นที่ทำนามาปลูกอ้อยเพิ่ม ห่วงราคาน้ำตาลโลกต่ำกระทบชาวไร่
- ก.ล.ต.เตือนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีคนฉวยโอกาสเอาเทคโนโลยีใหม่มาบังหน้าหลอกลวงประชาชน ชี้ถึงมีเกณฑ์ออกมากำกับก็ช่วยลดความเสี่ยงได้บางส่วน ด้านคลังยืนยันไม่นิ่งนอนใจออกแนวทางดูแล
- ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรอง โฆษกกระทรวงการคลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปี 2560 จะเติบโตได้มากกว่า 4% เพราะหลายปัจจัยดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกขยายตัว9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.2% ภาคเอกชนยื่นขอหักค่าเสื่อมราคา 1.5 เท่า จากมาตรการส่งเสริมการลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ 0.7% ไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนภาคเอกชน นับว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว และเริ่มกลับมาขยายตัวตามศักยภาพ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ในปี 2561 ขยายตัว 4.2% ซึ่งยังไม่ใส่ปัจจัยการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ในโมเดลคำนวณจีดีพี
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท เป็นหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีหลังจบงาน Thailand Mobile Expo โดย 2 ปีล่าสุดขึ้นเฉลี่ย 5% ใน 5 วันทำการ สูงสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที พร้อมคาดกำไร Q4/60 ที่ 180 ล้านบาท +12% Q-Q และ +52% Y-Y จากแรงหนุนของช็อปช่วยชาติ และการรับรู้กำไรของบัฟที่โตต่อเนื่อง เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจอภาพแบรนด์ ViewSonic ถือเป็นแบรนด์แรกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ จากเป้าการเพิ่ม 2-4 แบรนด์ต่อปี
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 88 บาท เก็งกำไรจากข่าวมีโอกาสได้รับอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจ banking agent เพิ่มช่องทางการเติบโตของรายได้ ขณะที่ต้นทุนแทบไม่ต้องลงทุนเพิ่มเพราะมีสาขาพร้อมอยู่แล้วทำให้กำไรที่ได้รับมีโอกาสเติบโตมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
- BBL (ไอร่า) เป้า 234 บาท คาดเงินปันผล 2H/60 จำนวนเดียวกับ 2H/59 ประมาณ 4.50 บาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 11% คาดอยู่ที่ 36,635 ล้านบาท (EPS 19.19 บาท) หลักๆ จากการตั้งสำรองหนี้ ลดลง 8.60% จากปี 60 หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว คาดวัฎจักร NPL เริ่มเป็นขาลง ทำให้คาดไม่ต้องตั้งสำรองหนี้จำนวนมากเช่นปี 60
- BGRIM (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เลือกเป็น Stock pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดผลประกอบการเติบโตสูงกว่า 38% และ 25% ในปี 61/62 จากโครงการ SPP 3 แห่ง และมี Catalyst เชิงบวกจากการลงนามสัญญา PPA โรงไฟฟ้า SPP ต่ออายุ 3 โครงการ ตามแผนของ ERC ในช่วงกลางปี 2561 และแนวโน้ม Ft ปรับขึ้นในรอบเดือน พ.ค-ส.ค. 2561 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น คาดทุก 1 สตางค์/ kWh ต่อปีที่ปรับขึ้นจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการ 10 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในปีที่ 2560 มีการปรับขึ้น Ft สุทธิ 17.4 สตางค์ต่อ kWh หาก ค่า Ft ปี 2561 ปรับขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อน BGRIM จะได้ผลบวกประมาณ 170 ล้านบาท คิดเป็น Upside 6.5% ของประมาณการปี 2561
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากยังได้ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นบวกอยู่ และยังได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันด้วย
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าอยู่ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย แต่เชื่อว่าวอลุ่มเทรดยังไม่มาก แต่คิดว่าจะดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคยังปิดทำการอยู่ ทั้งตลาดหุ้นจีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง และเวียดนาม
ทั้งนี้ วันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 4/60 ซึ่งตลาดเชื่อว่าจะออกมาดี และในวันพุธนี้ (21 ก.พ.) ให้ติดตามการายงานผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ, ยุโรป และญี่ปุ่น
พร้อมให้แนวรับ 1,800 ถัดไป 1,790-1,792 จุด ส่วนแนวต้าน 1,813 ถัดไป 1,820-1,825 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,219.38 จุด เพิ่มขึ้น 19.01 จุด (+0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,732.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด (+0.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,239.47 จุด ลดลง 16.96 จุด (-0.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 183.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 30.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.74 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) 1,805.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด (+0.28%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 221.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.68 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.พ.61) ที่ 6.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.26 ตลาดรอติดตาม GDP Q4/60 ไทยเช้านี้-รายงานการประชุม FOMC
- คลังจี้ "แบงก์ชาติ" เร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง หลังพบแข็งค่า แซงประเทศคู่ค้า-คู่แข่ง หวั่นกระทบการแข่งขันด้านราคา ย้ำที่ผ่านมา"คลัง" ช่วยเต็มที่ ทั้งเร่งคืนหนี้ต่างชาติ นำเข้าวัตถุดิบลงทุน เตรียมหนุน"นักลงทุน สถาบัน-กบข.-ประกันสังคม"นำเงิน ลงทุนนอก ลดแรงกดดันค่าเงิน
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีนี้ แข็งค่าขึ้นแล้ว 3.53% และเงินบาทแข็งค่า เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 1.59% มีประเทศเดียวที่ค่าเงินแข็งกว่าไทยคือญี่ปุ่น ส่วนประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ค่าเงินอ่อนกว่าไทยมาก โดยยอมรับว่าภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอเอ็มอี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดดูแลเรื่องค่าเงินไปอย่างเต็มที่แล้ว
- สำนักบริหารอ้อยฯ คาดแนวโน้มอ้อยเข้าหีบฤดู 2560/61 ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 110 ล้านตัน หลังชาวไร่เปลี่ยนพื้นที่ทำนามาปลูกอ้อยเพิ่ม ห่วงราคาน้ำตาลโลกต่ำกระทบชาวไร่
- ก.ล.ต.เตือนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีคนฉวยโอกาสเอาเทคโนโลยีใหม่มาบังหน้าหลอกลวงประชาชน ชี้ถึงมีเกณฑ์ออกมากำกับก็ช่วยลดความเสี่ยงได้บางส่วน ด้านคลังยืนยันไม่นิ่งนอนใจออกแนวทางดูแล
- ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรอง โฆษกกระทรวงการคลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปี 2560 จะเติบโตได้มากกว่า 4% เพราะหลายปัจจัยดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกขยายตัว9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.2% ภาคเอกชนยื่นขอหักค่าเสื่อมราคา 1.5 เท่า จากมาตรการส่งเสริมการลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ 0.7% ไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนภาคเอกชน นับว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว และเริ่มกลับมาขยายตัวตามศักยภาพ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ในปี 2561 ขยายตัว 4.2% ซึ่งยังไม่ใส่ปัจจัยการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ในโมเดลคำนวณจีดีพี
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท เป็นหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีหลังจบงาน Thailand Mobile Expo โดย 2 ปีล่าสุดขึ้นเฉลี่ย 5% ใน 5 วันทำการ สูงสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที พร้อมคาดกำไร Q4/60 ที่ 180 ล้านบาท +12% Q-Q และ +52% Y-Y จากแรงหนุนของช็อปช่วยชาติ และการรับรู้กำไรของบัฟที่โตต่อเนื่อง เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจอภาพแบรนด์ ViewSonic ถือเป็นแบรนด์แรกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ จากเป้าการเพิ่ม 2-4 แบรนด์ต่อปี
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 88 บาท เก็งกำไรจากข่าวมีโอกาสได้รับอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจ banking agent เพิ่มช่องทางการเติบโตของรายได้ ขณะที่ต้นทุนแทบไม่ต้องลงทุนเพิ่มเพราะมีสาขาพร้อมอยู่แล้วทำให้กำไรที่ได้รับมีโอกาสเติบโตมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
- BBL (ไอร่า) เป้า 234 บาท คาดเงินปันผล 2H/60 จำนวนเดียวกับ 2H/59 ประมาณ 4.50 บาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 11% คาดอยู่ที่ 36,635 ล้านบาท (EPS 19.19 บาท) หลักๆ จากการตั้งสำรองหนี้ ลดลง 8.60% จากปี 60 หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว คาดวัฎจักร NPL เริ่มเป็นขาลง ทำให้คาดไม่ต้องตั้งสำรองหนี้จำนวนมากเช่นปี 60
- BGRIM (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เลือกเป็น Stock pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดผลประกอบการเติบโตสูงกว่า 38% และ 25% ในปี 61/62 จากโครงการ SPP 3 แห่ง และมี Catalyst เชิงบวกจากการลงนามสัญญา PPA โรงไฟฟ้า SPP ต่ออายุ 3 โครงการ ตามแผนของ ERC ในช่วงกลางปี 2561 และแนวโน้ม Ft ปรับขึ้นในรอบเดือน พ.ค-ส.ค. 2561 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น คาดทุก 1 สตางค์/ kWh ต่อปีที่ปรับขึ้นจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการ 10 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในปีที่ 2560 มีการปรับขึ้น Ft สุทธิ 17.4 สตางค์ต่อ kWh หาก ค่า Ft ปี 2561 ปรับขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อน BGRIM จะได้ผลบวกประมาณ 170 ล้านบาท คิดเป็น Upside 6.5% ของประมาณการปี 2561
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสูงขึ้น ขณะตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยตลาดหุ้นจีนจะเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้
ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าพุ่งขึ้น 288.76 จุด หรือ 1.33% แตะที่ 22,009.01 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,854.37 จุด เพิ่มขึ้น 16.09 จุด, +0.88%
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวบริเวณกรอบล่าง 106 เยนในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 106.18-22 เยน เมื่อเทียบกับ 106.26-36 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 106.01-02 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันศุกร์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 9.434 แสนล้านเยน หรือประมาณ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนม.ค.
ส่วนยอดส่งออกในเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 12.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.9%
ตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยรายงานการประชุมในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นบลูชิพ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 59.89 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นบลูชิพ ขานรับการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,294.70 จุด เพิ่มขึ้น 59.89 จุด หรือ +0.83%
นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงที่ตลาดลอนดอนยังเปิดทำการ
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ขยายตัวเพียง 0.1% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวลง 1.4% โดยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ นับเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของการใช้จ่ายผู้บริโภคอังกฤษ
หุ้นเซโกร บริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ พุ่ง 6% หลังบริษัทประกาศขึ้นเงินปันผลและเปิดเผยกำไรที่สูงขึ้น
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส บริษัทเหมืองทองคำ ร่วงลง 2.1%
หุ้นอันโตฟากัสตา บริษัทเหมืองทองแดง ลดลง 1.9%
หุ้นคาร์นิวาล ผู้ให้บริการเรือสำราญ ลดลง 1.1%
ในสัปดาห์นี้ ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มสูงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.09% ปิดที่ 380.62 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,451.96 จุด เพิ่มขึ้น 105.79 จุด หรือ +0.86% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,281.58 จุด เพิ่มขึ้น 59.06 จุด หรือ +1.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,294.70 จุด เพิ่มขึ้น 59.89 จุด หรือ +0.83%
นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงที่ตลาดหุ้นยุโรปยังเปิดทำการ
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ประกอบการนักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นก่อนหน้าวันหยุดยาว โดยตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 19 ก.พ. เนื่องในวันประธานาธิบดี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ขยายตัว 0.1% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวลง 1.4% โดยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ นับเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของการใช้จ่ายผู้บริโภค
หุ้น Royal Vopak บริษัทจัดเก็บสารเคมีและน้ำมันจากเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 13.7% หลังจากเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4
หุ้น Vivendi บริษัทสื่อและค่ายเพลงจากฝรั่งเศส ร่วงลง 6% ถึงแม้บริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิพุ่งขึ้น
หุ้น Segro บริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษพุ่ง 6% หลังบริษัทประกาศขึ้นเงินปันผลและเปิดเผยกำไรที่สูงขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 3.3%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 19.01 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (16 ก.พ.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หลังจากมีรายงานข่าวว่า อัยการพิเศษสหรัฐได้ฟ้องร้องดำเนินคดีพลเมืองรัสเซีย 13 คน และองค์กรรัสเซีย 3 แห่ง ฐานแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,219.38 จุด เพิ่มขึ้น 19.01 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,732.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด หรือ +0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 7,239.47 จุด ลดลง 16.96 จุด หรือ -0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.33 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 หรือในรอบกว่าหนึ่งปี และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.24 ล้านยูนิต
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 99.9 จากระดับเดือนม.ค.ที่ 95.7 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 95.3
สาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นนั้น เนื่องจากตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจก็ขยายตัวอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนในการซื้อขายช่วงท้าย หลังจากนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐ ฟ้องร้องดำเนินคดีพลเมืองรัสเซีย 13 คน และองค์กรรัสเซีย 3 แห่ง โดยกล่าวหาว่าพลเมืองและองค์กรกลุ่มนี้แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559
คำฟ้องของนายมูลเลอร์ระบุว่า จำเลยกลุ่มนี้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน และทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตเสื่อมเสีย
หุ้นโคคา-โคล่า บริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.45% หลังจากเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 39 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 7.51 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 38 เซนต์ต่อหุ้น และ 7.36 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ
หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ร่วงลง 2.63% หลังจากกำไรและยอดขายไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแคมป์เบล ซุป ลดลง 3.2% หลังจากซีอีโอของบริษัทกล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาน่าผิดหวัง แม้ว่ากำไรและยอดขายจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
หุ้นกลุ่มโลหะปรับตัวขึ้น โดยหุ้น ยูเอส สตีล พุ่งขึ้นเกือบ 15% และหุ้นเอเค สตีลพุ่งขึ้นเกือบ 14% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแนะนำให้เก็บภาษีโลหะที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้เสนอให้เก็บภาษีเหล็กกล้านำเข้าจากทุกประเทศที่อัตรา 24%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 4.3% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.3% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 5.3%
--อินโฟเควสท์
OO5665