WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

13 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นทดสอบ 1,830 หลังต่างชาติกลับมาซื้อ-ตลาดภูมิภาคต่างขึ้นตามดาวโจนส์
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงพยายามจะขึ้นทดสอบระดับ 1,830 จุด แต่อาจไปได้ไม่ค่อยไหว เนื่องจากมีแรง Take Profit เข้ามา เพราะตลาดบ้านเราก็ถือว่าขึ้นไปมากเมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้าน และนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาซื้อด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.4-0.5% ตามดาวโจนส์ที่ขึ้นไปได้ดี หลังจากที่มีความคาดหวังถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลของสหรัฐฯ และมีการมองกันว่าสภาคองเกรสของสหรัฐฯน่าจะตกลงกันได้ในเรื่องการขยายเพดานหนี้
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,820 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830-1,835 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,115.65 จุด พุ่งขึ้น 322.79 จุด (+1.25%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.56 จุด เพิ่มขึ้น 26.14 จุด (+0.94%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,298.28 จุด เพิ่มขึ้น 74.59 จุด (+1.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 210.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 165.04 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 43.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.61 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ม.ค.61) 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด (+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,222.84 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ม.ค.61) ที่ 5.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.92 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบวันนี้ 31.90-32.00
- "แบงก์ชาติ" ตรวจพบพฤติกรรมเก็งกำไรค่าเงิน ช่วงทุนนอกไหลเข้าหนาแน่น เผยมีสถาบันการเงินในไทยมีเอี่ยวช่วยลูกค้าเก็งกำไร สั่งตรวจสอบเชิงลึกย้ำหากยังทำอีกมีโทษชัดเจน ยอมรับทุนนอกไหลเข้าไทยอื้อ สอดคล้องภูมิภาค ระบุบาทแข็งจากดอลลาร์อ่อน มั่นใจไม่กระทบส่งออก ขณะต่างชาติ ซื้อบอนด์ต่อเนื่องเผยปีนี้ซื้อเฉียด 1 แสนล้าน
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เนื่องจากการขยายตัวในไตรมาส 4 ของปี 2560 ขยายตัวได้ดีมาก
- ธปท.ออกเกณฑ์ มาร์เก็ตคอนดัคท์ 9 ด้าน หวังคุมแบงก์ให้บริการ ลูกค้าอย่างเป็นธรรม คาดเริ่มใช้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ห้ามบังคับขาย ขายพ่วง หรือโทรรบกวนลูกค้า มีโทษสูงสุด ปรับ 1 ล้านบาท พร้อมสั่งระงับการให้ บริการ เผยอยู่ระหว่างลงพื้นที่สอบเชิงลึกกรณีแอบอ้างเปิดบัญชี คาดได้ข้อสรุปในเดือนนี้
- ขุนคลังย้ำ "บิทคอยน์" เป็นช่องโหว่ให้เกิดการฟอกเงิน จี้ "ธปท.-ก.ล.ต." เร่งสร้างความชัดเจน แจงกรณี "เจมาร์ท" เหมือนซื้อคูปองล่วงหน้าแล้วนำไปใช้แลกบริการ ด้านผู้ว่าแบงก์ชาติเผย บิทคอยน์ต้องประเมินความเสี่ยง เพราะไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนดูแล ขณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาเพื่อป้องกันการฟอกเงิน พร้อมเข้าตรวจสอบเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรเพิ่มสูงผิดปกติ หากพบสถาบันการเงินเจตนาเก็งกำไรพร้อมลงโทษทันที ส่วนค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ขอให้ผู้ส่งออกระมัดระวังและป้องกันความเสี่ยง แบงก์ชาติยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากพบผันผวนผิดปกติพร้อมเข้าไปดูแล
- "ธนารักษ์" จ่อเปิดประมูลโครงการก่อสร้าง "บ้านคนไทยประชารัฐ" คาดลงเสาเข็มได้ภายในสิ้นปีนี้ ด้านประชาชนทยอยจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2561 ยันผู้มีรายได้น้อยในโครงการสวัสดิการรัฐได้สิทธิ์แน่นอน เคาะผ่อนชำระไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOP (ไอร่า) เป้า 125 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/60 จำนวน 7,321 ล้านบาท ยังคงโดดเด่น yoy แต่คาดอ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก 3Q/60 ตามค่าการกลั่น แต่คาดยังมีกำไรจากสต็อกน้ำมันใกล้เคียงกับ 3Q/60 ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีทรงตัว แต่ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นอ่อนตัวลงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอประมาณ 2,100 ล้านบาทต่อปี โดย TOP ยังคงเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น (CFP) คาดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน พร้อมคาดผลการดำเนินงานปี 61 ได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการเพิ่มกำไร จากการใช้น้ำมันดิบชนิดใหม่ และการปรับปรุงระบบจัดการการกลั่น โดยคาดกำไรสุทธิ 19,631 ล้านบาท
- MONO (โกลเบล็ก) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus เฉลี่ย 5.05 บาท มีประเด็นบวกจากเรตติ้งที่ปรับขึ้นสู่อันดับ 3 ตั้งแต่ปลายปี 60 ต่อเนื่องต้นปี 61 หนุนอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 33,000 บาท/นาที เพิ่มขึ้นจากอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ย 28,000 บาท/เดือนในปี 60 ผลการดำเนินงานปี 60 มีแนวโน้ม turn around ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดปี 60 จะพลิกมีกำไร 158 ล้านบาทจากขาดทุน 250 ล้านบาท ด้านผู้บริหารคาดอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยปี 61 ราว 40,000 บาท/นาที หนุนรายได้ปี 61 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 60 ส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 60 เช่นกันทั้งธุรกิจภาพยนตร์จากจำนวนภาพยนตร์ที่จะฉายในโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการเติบโตในทุกธุรกิจของบริษัท
- CBG (เอเชีย เวลท์) "ซื้อ"เป้า 97 บาท มีโอกาสในการเติบโตสูง ทั้งจากแนวโน้มที่คาดว่าจะดีขึ้นในส่วนของในประเทศ และโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในต่างประเทศ คาดการณ์ว่าในปี 2560 นั้นกำไรจะปรับลดลงจากปีที่แล้วราว 8.12% มาอยู่ที่ราว 1,369 ล้านบาท อันเนื่องมาจากทั้งการเป็นช่วงไว้ทุกข์และฤดูฝนที่ยาวนาน กระทบภาคการใช้แรงงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำตลาดในต่างประเทศที่สูง คาดว่ากำไรจะเริ่มดีขึ้นในปี 2561 เป็น 1,558 ล้านบาท +14% YoY และเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2562 เป็นต้นไป อีกทั้งคาดการณ์ว่ายอดขายในอังกฤษ และจีนจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการรุกตลาดมากขึ้น เชื่อว่า CBG จะรุกตลาดในต่างประเทศได้สำเร็จ แม้ปัจจุบันราคาหุ้นจะมี PER ที่สูง แต่อนาคตบริษัทมีโอกาสการเติบโตของกำไรได้เป็นเท่าตัวจากปัจจุบัน จึงมองว่าคุ้มค่าน่าลงทุน

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น รับวอลล์สตรีททำนิวไฮ ขณะนักลงทุนจับตา GDP จีน
         ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดทำการนิวไฮเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนซึ่งจะมีการเปิดเผยในช่วงบ่ายวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,978.61 จุด เพิ่มขึ้น 110.27 จุด, +0.46% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 32,021.73 จุด เพิ่มขึ้น 38.32 จุด, +0.12% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,823.95 จุด ลดลง 4.68 จุด, -0.26%
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาทางการจีนเตรียมเปิดเผยตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 4/2560 และ GDP ตลอดปี 2560 ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ปี 2560 ของจีนจะขยายตัวราว 6.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ราคาบ้านใน 70 เมืองขนาดใหญ่ ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย. โดยราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 27
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนธ.ค. 2560 ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 5.5% จากระดับ 5.4% ในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า อัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะอยู่ที่ระดับ 5.4%
ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนธ.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560
ทางด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ในการประชุมวันนี้ หลังจากที่ปรับอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. 2560 โดยธนาคารกลางวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน
นักลงทุนจับตาว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนวันศุกร์ที่ 19 ม.ค.นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ขณะที่ตลาดการเงินกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐในขณะนี้อาจส่งผลให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการชัตดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องนโยบายรับคนเข้าเมือง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 30.50 จุด นักลงทุนกังวลข่าวคาริลเลียนล้มละลาย
        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการล้มละลายของบริษัทคาริลเลียน ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของอังกฤษ ขณะที่การอังกฤษเตรียมสอบสวนอดีตผู้บริหารของคาริลเลียนเพื่อหาสาเหตุการล้มละลาย นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นเบอร์เบอร์รี่ และหุ้นเพียร์สัน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่สาม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,725.43 จุด ลดลง 30.50 จุด หรือ -0.39%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวล้มละลายของบริษัทคาริลเลียน หลังจากรัฐบาลอังกฤษปฏิเสธที่จะอัดฉีดเงินช่วยเหลือบริษัท โดยระบุว่ารัฐบาลไม่สามารถนำเงินภาษีอากรของประชาชนมากอบกู้ธุรกิจบริษัทเอกชน แต่ในระหว่างนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนเงินทุนที่จำเป็นเพื่อให้การบริการที่เกี่ยวข้องในภาครัฐสามารถดำเนินการต่อไปได้
ทางด้านนายเกรก คล๊าก รมว.ธุรกิจของอังกฤษ กล่าวว่า สำนักงานกำกับการล้มละลายของอังกฤษ (IS) จะเข้าตรวจสอบหาภาพใหญ่ของเหตุการณ์ที่ทำให้คาริลเลียนต้องเข้าสู่กระบวนการขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชี
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของอังกฤษ ร่วงลง 9.3% ขณะที่หุ้นเพียร์สัน ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์สื่อการเรียนการสอนระดับแนวหน้าของอังกฤษ ดิ่งลง 4.6% โดยการร่วงลงของหุ้นรายใหญ่ทั้งสองตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงด้วย
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ร่วงลง หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสลดลง 2% ขณะที่หุ้นเพียร์สันปรับตัวลง หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 3%
หุ้นอินฟอร์มา ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดอีเวนท์และสื่อสิ่งพิมพ์ ร่วงลง 5.7% หลังจากมีรายงานว่า อินฟอร์มายังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทยูบีเอ็ม พีแอลซี

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ผลประกอบการเอกชนซบเซา ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของอังกฤษ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 397.97 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,183.96 จุด ลดลง 62.37 จุด หรือ -0.47% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,725.43 จุด ลดลง 30.50 จุด หรือ -0.39% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,493.99 จุด ลดลง 19.83 จุด หรือ -0.36%
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ร่วงลง 9.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสลดลง 2% ขณะที่หุ้นเพียร์สัน ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์สื่อการเรียนการสอนระดับแนวหน้าของอังกฤษ ดิ่งลง 4.6%
หุ้นอินฟอร์มา ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดอีเวนท์และสื่อสิ่งพิมพ์ ร่วงลง 5.7% หลังจากมีรายงานว่า อินฟอร์มายังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทยูบีเอ็ม พีแอลซี อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นยูบีเอ็ม พุ่งขึ้น 12%
หุ้นสแกนส์ก้า ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างของสวีเดน ดิ่งลง 8.1% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 และประกาศแผนเลย์ออฟพนักงาน 3,000 คน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวลง 1.4% เมือเทียบรายปี
การร่วงลงของดัชนี CPI ดังกล่าว ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ได้รับผลกระทบจากราคาอาหาร และเสื้อผ้าที่ลดลง แม้ว่าราคาพลังงาน และบุหรี่ปรับตัวขึ้น
หากไม่นับหมวดพลังงาน และอาหาร ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี และอยู่ในอัตราเดียวกับในเดือนต.ค.และพ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 322.79 จุด หลังเฟดเผยศก.สหรัฐแนวโน้มสดใส
        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลแนว 26,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ "Beige Book" ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดี และมีแนวโน้มที่สดใสในปี 2561 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,115.65 จุด พุ่งขึ้น 322.79 จุด หรือ +1.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.56 จุด เพิ่มขึ้น 26.14 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,298.28 จุด เพิ่มขึ้น 74.59 จุด หรือ +1.03%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.2560 จนถึงต้นปี 2561 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน
รายงาน Beige Book ยังระบุด้วยว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐในปี 2561 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน โดย FactSet ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการเงินระบุว่า ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 69% รายงานตัวเลขกำไร/หุ้นสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าคาด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากโบอิ้งประกาศความร่วมมือกับบริษัทเอเดียนท์ เพื่อผลิตที่นั่งสำหรับเครื่องบิน โดยเอเดียนท์เป็นผู้ผลิตที่นั่งรถยนต์รายใหญ่
หุ้นไอบีเอ็ม พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไอบีเอ็ม สู่ระดับ "overweight" และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไอบีเอ็มขึ้น 59 ดอลลาร์ สู่ระดับ 192 ดอลลาร์
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง หลังจากธนาคารระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในธุรกิจตราสารหนี้, สินค้าโภคภัณฑ์ และปริวรรตเงินตรา ร่วงลง 50% ในไตรมาส 4/2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 0.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2560 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 4.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังจากจีอีระบุว่า การปรับพอร์ทธุรกิจด้านการประกันของจีอี แคปิตอล อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ของจีอี
นักลงทุนจับตาว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนวันศุกร์ที่ 19 ม.ค.นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ขณะที่ตลาดการเงินกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐในขณะนี้อาจส่งผลให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการชัตดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องนโยบายรับคนเข้าเมือง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO4609

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!