- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Monday, 18 December 2017 22:58
- Hits: 10213
เด็กแนว - SSP ข่าวดีมาแล้ว
SSP ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ที่กำลังจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง สรุปเบื้องต้นว่า โรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟปัจจุบัน 52 MW กำลังจะมีเพื่อนใหม่แล้ว เพราะเดือนมกราคมจะจ่ายไฟเพิ่มอีก 21 MW จากเมืองฮิเดกะ และจะอีก 13 MW ในไตรมาส 4/61 อีกสองเมือง รวมปีหน้าอย่างน้อย 86 MW รับรู้รายได้
ล่าสุดบริษัทเข้าร่วมทุนโรงไฟฟ้าที่มองโกเลียกับกลุ่มทุนญี่ปุ่นอีก 16.4 MW ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้พอร์ตโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก เป้าหมาย 200 MW ในอนาคตจึงแค่เอื้อม เมื่อชัดเจนขึ้น กราฟก็ตั้งลำรอบใหม่โดยการฟอร์มตัวเข้ารูป U-curve เกิดสัญญาณซื้อ ซึ่งจะผลักดันให้ขึ้นไปยังแนวต้านต่างๆ มีเป้าแรก 9.20 บาท และไปต่อไม่ยาก แนะนำซื้อกันไว้ด้วยคร๊าบบ
ล่าสุดบริษัทเข้าร่วมทุนโรงไฟฟ้าที่มองโกเลียกับกลุ่มทุนญี่ปุ่นอีก 16.4 MW ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้พอร์ตโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก เป้าหมาย 200 MW ในอนาคตจึงแค่เอื้อม เมื่อชัดเจนขึ้น กราฟก็ตั้งลำรอบใหม่โดยการฟอร์มตัวเข้ารูป U-curve เกิดสัญญาณซื้อ ซึ่งจะผลักดันให้ขึ้นไปยังแนวต้านต่างๆ มีเป้าแรก 9.20 บาท และไปต่อไม่ยาก แนะนำซื้อกันไว้ด้วยคร๊าบบ
- GGC เล่นยาวๆ ไป
ราคาปาล์มที่ตกต่ำอย่างแรงในเดือนเดียว 16% และหากนับตั้งแต่ต้นปีปรับลงแล้วถึง 98% ผลบวกเต็มๆ มาจากผู้ที่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อใช้เป็นส่วนผสมเชื้อเพลิงไบโฮดีเซล ดังนั้นยิ่งราคาปาล์มต่ำต้นทุนที่นำไปผสมก็ต่ำลง ทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น และนี่คือข้อได้เปรียบของ GGC ในชั่วโมงนี้นั่นเอง
นอกจากนี้รัฐกำลังจะให้ใช้ไบโอดีเซลเป็นส่วนผสมที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ยอดขายของบริษัทโตตาม ไปด้วย เท่ากับได้สองเด้งทั้งปริมาณขาย และต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมาก เด็กแนวจึงมองว่าราคา GGC ตอนนี้ถูกเกินไปแล้วนะ ขณะที่กราฟตัดกรอบสามเหลี่ยมแล้วกำลังจะมุ่งหน้าสู่ต้าน 17.50 บาท และ 18.50 บาทยาวๆ ไป
ราคาปาล์มที่ตกต่ำอย่างแรงในเดือนเดียว 16% และหากนับตั้งแต่ต้นปีปรับลงแล้วถึง 98% ผลบวกเต็มๆ มาจากผู้ที่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อใช้เป็นส่วนผสมเชื้อเพลิงไบโฮดีเซล ดังนั้นยิ่งราคาปาล์มต่ำต้นทุนที่นำไปผสมก็ต่ำลง ทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น และนี่คือข้อได้เปรียบของ GGC ในชั่วโมงนี้นั่นเอง
นอกจากนี้รัฐกำลังจะให้ใช้ไบโอดีเซลเป็นส่วนผสมที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ยอดขายของบริษัทโตตาม ไปด้วย เท่ากับได้สองเด้งทั้งปริมาณขาย และต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมาก เด็กแนวจึงมองว่าราคา GGC ตอนนี้ถูกเกินไปแล้วนะ ขณะที่กราฟตัดกรอบสามเหลี่ยมแล้วกำลังจะมุ่งหน้าสู่ต้าน 17.50 บาท และ 18.50 บาทยาวๆ ไป
บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook : Follow Buy signal
SET ดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากผ่านแนวสามเหลี่ยมขึ้นมาอย่างเด็ดขาด และยังคงรักษาสัญญาณการเดินหน้าต่อไป เมื่อกราฟแท่งเทียนสามารถปิดในระดับ High ทั้งนี้ RSI และ MACD ตัดเส้นค่าเฉลี่ยขึ้นเป็นเชิงบวก และจะสนับสนุนให้กราฟดีดตัวขึ้นไปยังแนวต้าน 1,730 จุดในสัปดาห์นี้
กลยุทธ์
1. Follow Buy ตามภาพรวม
2. เพิ่มปริมาณการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง
3. ถือหุ้นในพอร์ตเพิ่มขึ้น
1. Follow Buy ตามภาพรวม
2. เพิ่มปริมาณการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง
3. ถือหุ้นในพอร์ตเพิ่มขึ้น
บทสรุปการลงทุน:
SET แนวโน้มปรับขึ้น ตามสัญญาณเทคนิค
SET Closed: 1,717.69
Support: 1,705 1,710
Resistant: 1,725 1,730
SET แนวโน้มปรับขึ้น ตามสัญญาณเทคนิค
SET Closed: 1,717.69
Support: 1,705 1,710
Resistant: 1,725 1,730
BIG ถึงจุดสะสม
ราคาปิด 3.24 บาท
แนวรับ 3.22 บาท
แนวต้าน: 3.58 บาท
Stop Loss : เมื่อใกล้หลุด 3.18 บาท
ราคาปิด 3.24 บาท
แนวรับ 3.22 บาท
แนวต้าน: 3.58 บาท
Stop Loss : เมื่อใกล้หลุด 3.18 บาท
กราฟ BIG ดีดตัวขึ้นมาจากแนว Double bottom และ Stochastic ฟื้นตัวจากแนว Oversold โดยคาดว่าจะทำให้กราฟเดินหน้าเป็น U-Curve มีแนวต้านที่ 3.58 บาท "แนะนำซื้อ"
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองดัชนีแกว่งขึ้นต่อ!!!
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 ปิดใกล้เคียงกับ Spot ส่งผลให้ Basis ทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50 จุด ยังคงมากกว่า Theory Basis ที่ +0.46 จุด สะท้อนระยะสั้น (2 สัปดาห์) ตลาดกลับมามีมุมมองเป็นบวกต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) เพิ่มขึ้น 0.20 จุด จากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.10 จุด ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.82 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.81x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.39x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.22x ทรงตัวจากวันก่อนหน้า ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงเท่ากับวันก่อนหน้า
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 658 ล้านบาท แต่กลับมีสถานะ Net Short 9,364 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures เพิ่มเป็น 61,034 สัญญา และ ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 49,229.9 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดทุนไทยมากขึ้น
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 ปิดใกล้เคียงกับ Spot ส่งผลให้ Basis ทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50 จุด ยังคงมากกว่า Theory Basis ที่ +0.46 จุด สะท้อนระยะสั้น (2 สัปดาห์) ตลาดกลับมามีมุมมองเป็นบวกต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) เพิ่มขึ้น 0.20 จุด จากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.10 จุด ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.82 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.81x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.39x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.22x ทรงตัวจากวันก่อนหน้า ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงเท่ากับวันก่อนหน้า
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 658 ล้านบาท แต่กลับมีสถานะ Net Short 9,364 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures เพิ่มเป็น 61,034 สัญญา และ ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 49,229.9 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดทุนไทยมากขึ้น
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: รอเปิด Long เมื่อดัชนีอ่อนตัว!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 เกือบตลอดทั้งวันแกว่งลงเล็กน้อย แต่กลับมาขึ้นช่วงท้ายตลาด โดยภาพใหญ่เรายังคงมุมมองเดิมว่า S50Z17 อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากการยกฐาน Low และยกยอด High แต่ราคาปัจจุบันจ่อตรงแนวต้าน 1,116 จุด (กรอบบน Zigzag Up) เช่นเดียวกับ โมเมนตัมอย่าง RSI เริ่มเข้าสู่เขต Overbought (เข้าใกล้ 80%) ส่งผลให้ระหว่างวัน S50Z17 อาจจะเผชิญกับแรง Take Profit ทำให้ดัชนีมีโอกาสย่อตัวลงแถวๆ 1,105-1,110 จุด ซึ่งจะเป็นโอกาสเข้าซื้อกลับเพื่อเล่นรอบขาขึ้นได้อีกครั้ง
มุมมองด้านเทคนิค: รอเปิด Long เมื่อดัชนีอ่อนตัว!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 เกือบตลอดทั้งวันแกว่งลงเล็กน้อย แต่กลับมาขึ้นช่วงท้ายตลาด โดยภาพใหญ่เรายังคงมุมมองเดิมว่า S50Z17 อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากการยกฐาน Low และยกยอด High แต่ราคาปัจจุบันจ่อตรงแนวต้าน 1,116 จุด (กรอบบน Zigzag Up) เช่นเดียวกับ โมเมนตัมอย่าง RSI เริ่มเข้าสู่เขต Overbought (เข้าใกล้ 80%) ส่งผลให้ระหว่างวัน S50Z17 อาจจะเผชิญกับแรง Take Profit ทำให้ดัชนีมีโอกาสย่อตัวลงแถวๆ 1,105-1,110 จุด ซึ่งจะเป็นโอกาสเข้าซื้อกลับเพื่อเล่นรอบขาขึ้นได้อีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: รอเปิด Long S50Z17 เมื่อดัชนีมีการย่อตัวแถวๆแนวรับ 1,105-1,110 จุด ตามแนวโน้มหลักที่ยังคงเป็นขาขึ้น
Outright Trading: รอเปิด Long S50Z17 เมื่อดัชนีมีการย่อตัวแถวๆแนวรับ 1,105-1,110 จุด ตามแนวโน้มหลักที่ยังคงเป็นขาขึ้น
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: ตฤณ สิทธิสวัสดิ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: ตฤณ สิทธิสวัสดิ์
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Technical: Follow Buy Signal
Trading Idea: BIG
เด็กแนว: SSP, GGC
Technical: Follow Buy Signal
Trading Idea: BIG
เด็กแนว: SSP, GGC
Connect the World- (P.2)
นักลงทุนจับตาร่าง กม.ปฏิรูปภาษีในวันศุกร์นี้
นักลงทุนจับตาร่าง กม.ปฏิรูปภาษีในวันศุกร์นี้
Market Outlook
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัว 1,700-1,730 จุด โดยดัชนีมีโอกาส Sideway-Sideway Up ด้วยแรงหนุนจากเม็ดเงินของ LTF/RMF ที่ทยอยเข้ามาในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัว 1,700-1,730 จุด โดยดัชนีมีโอกาส Sideway-Sideway Up ด้วยแรงหนุนจากเม็ดเงินของ LTF/RMF ที่ทยอยเข้ามาในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี
Market Factors
(+) ดัชนี DJIA ปิด +0.58%DoD ตลาดกลับมามองบวกต่อแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ หลังมีกระแสคาดจะเริ่มประกาศใช้ได้ตั้งแต่ปี 61
(+) ราคาน้ำมัน WTI ปิด +0.5%DoD หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4 แท่น บวกกับข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือ
(+/-) วันพูธที่ 20 ธ.ค. นี้ติดตามการประชุมนโยบายการเงินของกนง. ซึ่งตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เพื่อกระตุ้น ศก. ต่อไป
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก. สหรัฐที่สำคัญ อาทิ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านและขออนุญาตก่อสร้าง พ.ย., ยอดขายบ้านมือสอง พ.ย., GDP 3Q60 (ประมาณการครั้งสุดท้าย, สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ, ดุลการค้า พ.ย. ของญี่ปุ่น, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค. ของอียู
(+) ดัชนี DJIA ปิด +0.58%DoD ตลาดกลับมามองบวกต่อแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ หลังมีกระแสคาดจะเริ่มประกาศใช้ได้ตั้งแต่ปี 61
(+) ราคาน้ำมัน WTI ปิด +0.5%DoD หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4 แท่น บวกกับข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือ
(+/-) วันพูธที่ 20 ธ.ค. นี้ติดตามการประชุมนโยบายการเงินของกนง. ซึ่งตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เพื่อกระตุ้น ศก. ต่อไป
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก. สหรัฐที่สำคัญ อาทิ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านและขออนุญาตก่อสร้าง พ.ย., ยอดขายบ้านมือสอง พ.ย., GDP 3Q60 (ประมาณการครั้งสุดท้าย, สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ, ดุลการค้า พ.ย. ของญี่ปุ่น, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค. ของอียู
Investment Strategy
ภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีปัจจัยอะไรใหม่และดัขนียังสามารถยืนเหนือ 1,690 จุดได้ ทำให้เรามอง SET Index ยังมีโอกาส Sideway Up จากเม็ดเงิน LTF/RMF ที่ทยอยไหลเข้ามาช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ เมื่อบวกกับ ศก. ไทยยังส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน จึงคาดบรรยากาศลงทุนยังเป็นลักษณะ "Trading Buy" โดยแนะนำซื้อหุ้นตาม Theme ดังนี้
1) หุ้น BIG Cap. ที่คาดเป็นเป้าหมายของ LTF/RMF ได้แก่ PTT, PTTEP, PTTGC, KBANK, SCB, MINT, SAWAD
2) หุ้น High Dividend Yield ซึ่งคาดเดือน ก.พ. 61 ประกาศจ่ายปันผลเกิน 4% ได้แก่ TMT, KKP, TISCO, SC, AIT, ASP
3) หุ้นพื้นฐานดีที่คาดกำไรโตสดใสปีหน้า ได้แก่ BCH, JWD, SEAFCO, MALEE, HARN, MONO
ภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีปัจจัยอะไรใหม่และดัขนียังสามารถยืนเหนือ 1,690 จุดได้ ทำให้เรามอง SET Index ยังมีโอกาส Sideway Up จากเม็ดเงิน LTF/RMF ที่ทยอยไหลเข้ามาช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ เมื่อบวกกับ ศก. ไทยยังส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน จึงคาดบรรยากาศลงทุนยังเป็นลักษณะ "Trading Buy" โดยแนะนำซื้อหุ้นตาม Theme ดังนี้
1) หุ้น BIG Cap. ที่คาดเป็นเป้าหมายของ LTF/RMF ได้แก่ PTT, PTTEP, PTTGC, KBANK, SCB, MINT, SAWAD
2) หุ้น High Dividend Yield ซึ่งคาดเดือน ก.พ. 61 ประกาศจ่ายปันผลเกิน 4% ได้แก่ TMT, KKP, TISCO, SC, AIT, ASP
3) หุ้นพื้นฐานดีที่คาดกำไรโตสดใสปีหน้า ได้แก่ BCH, JWD, SEAFCO, MALEE, HARN, MONO
Market Talk and News
ANAN (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดสร้างสถิติกำไรสูงสุดใหม่ โดยเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หลังคาดมียอดโอนราว 1.37 หมื่น ลบ. จากมี 11 โครงการที่สามารถโอนได้ หนุนปี 60 คาดกำไรปกติโต 22.8%YoY และโตต่อ 16.6%YoY ในปี 61 จาก Backlog ในมือที่มีราว 5.4 หมื่น ลบ. + มี Upside 10.9% และคาดให้ Div. yield จากกำไรช่วง 2H60 อีก 1.5%
TK (BUY: Consensus [email protected]): ปี 60 คาดกำไรโต 10.4%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้เติบโต 15%YoY จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น หลังราคาผลผลิตทางการเกษตรปรับสูงขึ้น และธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อีกทั้งปีหน้าตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโตต่อ 10% หนุนให้คาดปี 61 กำไรโตต่อ 15.0%YoY + มี Upside 11.2% จึงแนะนำ "ซื้อ"
RJH (BUY: Consensus [email protected]): คาดปี 60-61 กำไรโตเฉลี่ยปีละ 26.6% หนุนด้วย 1) แผนขยายบริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ให้กับบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม (มาร์จิ้นสูง) ที่ได้รับการตอบรับดี 2) รับรู้รายได้จากศูนย์ MRI และศูนย์ไตเทียมที่เตรียมเปิดเพิ่มขึ้น และ 3) ได้อานิสงส์บวกจากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายประกันสังคม + Upside 39.3%
ANAN (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดสร้างสถิติกำไรสูงสุดใหม่ โดยเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หลังคาดมียอดโอนราว 1.37 หมื่น ลบ. จากมี 11 โครงการที่สามารถโอนได้ หนุนปี 60 คาดกำไรปกติโต 22.8%YoY และโตต่อ 16.6%YoY ในปี 61 จาก Backlog ในมือที่มีราว 5.4 หมื่น ลบ. + มี Upside 10.9% และคาดให้ Div. yield จากกำไรช่วง 2H60 อีก 1.5%
TK (BUY: Consensus [email protected]): ปี 60 คาดกำไรโต 10.4%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้เติบโต 15%YoY จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น หลังราคาผลผลิตทางการเกษตรปรับสูงขึ้น และธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อีกทั้งปีหน้าตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโตต่อ 10% หนุนให้คาดปี 61 กำไรโตต่อ 15.0%YoY + มี Upside 11.2% จึงแนะนำ "ซื้อ"
RJH (BUY: Consensus [email protected]): คาดปี 60-61 กำไรโตเฉลี่ยปีละ 26.6% หนุนด้วย 1) แผนขยายบริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ให้กับบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม (มาร์จิ้นสูง) ที่ได้รับการตอบรับดี 2) รับรู้รายได้จากศูนย์ MRI และศูนย์ไตเทียมที่เตรียมเปิดเพิ่มขึ้น และ 3) ได้อานิสงส์บวกจากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายประกันสังคม + Upside 39.3%
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TU, BANPU
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TU, BANPU
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO3708
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO3708