- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Tuesday, 12 December 2017 21:29
- Hits: 10749
เด็กแนว - TOA ราคาต้นน้ำ
ราคาที่ร่วงแรงหลังจากเข้าตลาดแค่ 3 สัปดาห์ ต้องบอกว่าไม่ใช่รายย่อยแน่นอนที่เทกระจาดได้ขนาดนี้ ส่วนจะเป็นไอ้โม่งที่ไหนต้องไปค้นหากันเอง ที่แน่ๆ ไม่พบประเด็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงพื้นฐานและเป้าหมายโบรกเกอร์ก็ยังคงเฉลี่ยแถว 35 บาท ขณะที่ Q3 แจ้งงบชะลอตัวตามคาดเพราะเป็นระยะ Low season ของงานก่อสร้าง แต่จากนี้ไปจะดีขึ้นแล้ว
TOA คือผู้นำสีของไทย และโกอินเตอร์อย่างเต็มตัว เนื่องจากความต้องการในต่างประเทศจะมีสูงขึ้นมาก ในปีหน้ารายได้จะเติบโตมากขึ้น ประเมินว่าความซบเซาของงานก่อสร้างในปีนี้ จะคึกคึกขึ้นมากในปี 61 และอาจมีงานใหญ่เกิดขึ้นมากมายที่ต้องใช้สีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขณะที่กราฟหุ้นลงสู่ Bottom มีสัญญาณการเก็บหุ้น ด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้น มองแนวต้านแรกจากตรงนี้ 34 บาท ไม่ยากเลย
TOA คือผู้นำสีของไทย และโกอินเตอร์อย่างเต็มตัว เนื่องจากความต้องการในต่างประเทศจะมีสูงขึ้นมาก ในปีหน้ารายได้จะเติบโตมากขึ้น ประเมินว่าความซบเซาของงานก่อสร้างในปีนี้ จะคึกคึกขึ้นมากในปี 61 และอาจมีงานใหญ่เกิดขึ้นมากมายที่ต้องใช้สีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขณะที่กราฟหุ้นลงสู่ Bottom มีสัญญาณการเก็บหุ้น ด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้น มองแนวต้านแรกจากตรงนี้ 34 บาท ไม่ยากเลย
- FC จากพิซซ่าเป็นไฟฟ้า
การประกาศเพิ่มทุน 1.49 ล้านหุ้น ในราคา 0.27 บาทคิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาทนี้ เรื่องจริงคือต้องการนำเงินไปแลกโรงไฟฟ้ารวมกัน 200 MW ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นั่นหมายความว่า FC จะครอบครอง Solar Farm นี้ และหลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติ จะได้ FC-W6 เป็นการตอบแทนในวันที่ 27/2/61
สิ่งที่ผู้ถือหุ้นต้องคิดก็คือถ้าไม่อนุมัติก็จงอยู่กับการขายพิซซ่าต่อไปโดยมีผลขาดทุนปีละกว่า 200 ล้านบาท หรือยอมเปลี่ยนเป็น FC POWER ที่จะมีกำไรในปี 61 ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท เด็กแนวเชื่อว่าคนเล่นหุ้นคงคิดเป็นเนอะ ส่วน Tender ไม่ต้องขายหรอก เจ้าของไม่ต้องการ ถือไว้คุ้มกว่าขณะที่กราฟ Bottom มากๆ ราคานี้เก็บไว้กับอนาคตที่เปลี่ยนไป มองยังไงก็ต้องดูดีกว่า
การประกาศเพิ่มทุน 1.49 ล้านหุ้น ในราคา 0.27 บาทคิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาทนี้ เรื่องจริงคือต้องการนำเงินไปแลกโรงไฟฟ้ารวมกัน 200 MW ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นั่นหมายความว่า FC จะครอบครอง Solar Farm นี้ และหลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติ จะได้ FC-W6 เป็นการตอบแทนในวันที่ 27/2/61
สิ่งที่ผู้ถือหุ้นต้องคิดก็คือถ้าไม่อนุมัติก็จงอยู่กับการขายพิซซ่าต่อไปโดยมีผลขาดทุนปีละกว่า 200 ล้านบาท หรือยอมเปลี่ยนเป็น FC POWER ที่จะมีกำไรในปี 61 ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท เด็กแนวเชื่อว่าคนเล่นหุ้นคงคิดเป็นเนอะ ส่วน Tender ไม่ต้องขายหรอก เจ้าของไม่ต้องการ ถือไว้คุ้มกว่าขณะที่กราฟ Bottom มากๆ ราคานี้เก็บไว้กับอนาคตที่เปลี่ยนไป มองยังไงก็ต้องดูดีกว่า
บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook : แนวโน้มเชิงบวก
SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ และอยู่ในแนวสามเหลี่ยมที่มีแนวโน้มของการเคลื่อนไหวทั้งสองทิศทาง โดยกราฟแท่งเทียนเกิดรูปแบบกากบาทเป็น Negative Star แต่เครื่องมือ Stochastic ชี้ขึ้น ให้ผลเชิงบวก การเกิดสัญญาณที่ขัดแย้งกันทำให้มีโอกาสปรับตัวไปทั้งสองทาง ระหว่างกรอบ 1,695-1,718 จุด หากปิดสูงกว่า 1,706 จุด จะทำให้วันรุ่งขึ้นเดินหน้าต่อ แต่หากปิดต่ำกว่านี้จะมีการปรับฐาน
SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ และอยู่ในแนวสามเหลี่ยมที่มีแนวโน้มของการเคลื่อนไหวทั้งสองทิศทาง โดยกราฟแท่งเทียนเกิดรูปแบบกากบาทเป็น Negative Star แต่เครื่องมือ Stochastic ชี้ขึ้น ให้ผลเชิงบวก การเกิดสัญญาณที่ขัดแย้งกันทำให้มีโอกาสปรับตัวไปทั้งสองทาง ระหว่างกรอบ 1,695-1,718 จุด หากปิดสูงกว่า 1,706 จุด จะทำให้วันรุ่งขึ้นเดินหน้าต่อ แต่หากปิดต่ำกว่านี้จะมีการปรับฐาน
กลยุทธ์
1. เก็งกำไรตามกรอบ ลงซื้อ ขึ้นขาย
2. หากปิดต่ำ ให้ถือหุ้นกลับบ้านน้อยลง
3. หากปิดสูง ให้ถือหุ้นกลับบ้านได้ตามปกติ
1. เก็งกำไรตามกรอบ ลงซื้อ ขึ้นขาย
2. หากปิดต่ำ ให้ถือหุ้นกลับบ้านน้อยลง
3. หากปิดสูง ให้ถือหุ้นกลับบ้านได้ตามปกติ
บทสรุปการลงทุน:
SET สัญญาณแกว่งตัวได้สองทาง แต่เชิงบวกมากกว่าเชิงลบ
SET Closed: 1,706.52
Support: 1,695 1,700
Resistant: 1,710 1,718
SET สัญญาณแกว่งตัวได้สองทาง แต่เชิงบวกมากกว่าเชิงลบ
SET Closed: 1,706.52
Support: 1,695 1,700
Resistant: 1,710 1,718
PLANB เริ่มม้วนตัวขึ้น
ราคาปิด 6.50 บาท
แนวรับ 6.45 บาท
แนวต้าน: 6.80 บาท
Stop Loss : เมื่อใกล้หลุด 6.35 บาท
ราคาปิด 6.50 บาท
แนวรับ 6.45 บาท
แนวต้าน: 6.80 บาท
Stop Loss : เมื่อใกล้หลุด 6.35 บาท
กราฟ PLANB ฟอร์มตัวเป็น U-Curve โดย RSI ตัดเส้นสัญญาณขึ้นเกิด Buy signal คาดว่าจะทดสอบ 7.20 บาท "แนะนำซื้อ"
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองดัชนีขึ้นต่อ!!!
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 ปิดบวกมากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.70 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.22 จุด มากกว่า Theory Basis ที่ +0.72 จุด สะท้อนระยะกลาง (1 เดือน) ตลาดมีมุมมองเป็นบวกต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) เพิ่มขึ้น 1.10 จุด จากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.10 จุด ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.88 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.75x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.27x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.19x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.03x ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
Fund Flow Analysis: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Long 3,691 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures ลดลงเหลือ 38,736 สัญญา แต่กลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 840 ล้านบาท ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 42,342 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดทุนไทย
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 ปิดบวกมากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.70 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.22 จุด มากกว่า Theory Basis ที่ +0.72 จุด สะท้อนระยะกลาง (1 เดือน) ตลาดมีมุมมองเป็นบวกต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) เพิ่มขึ้น 1.10 จุด จากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.10 จุด ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.88 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.75x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.27x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.19x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.03x ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
Fund Flow Analysis: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Long 3,691 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures ลดลงเหลือ 38,736 สัญญา แต่กลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 840 ล้านบาท ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 42,342 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดทุนไทย
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: ถือ Long ลุ้นขึ้นต่อ!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 แกว่งขึ้นต่อ จนปิดที่ระดับ 1,102.9 จุด โดยนอกจากจะยกฐาน Low สูงขึ้นแล้วยังยกยอด High สูงขึ้น ยืนยันในแนวโน้มขาขึ้น อีกทั้ง Indicator ส่วนใหญ่บ่งชี้ถึงเทรนด์และโมเมนตัมขาขึ้น อาทิ 1) ค่า MACD และค่า Signal ที่ปรับตัวสูงขึ้น และ 2) RSI ที่เข้าสู่เขต Positive Zone ล้วนเป็นการส่งสัญญาณ "ขึ้นต่อ" ทำให้ภาพเทคนิคสัปดาห์นี้เรามองว่า S50Z17 มีโอกาสขึ้นต่อ โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,114 จุด กรอบบน Zigzag Up
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 แกว่งขึ้นต่อ จนปิดที่ระดับ 1,102.9 จุด โดยนอกจากจะยกฐาน Low สูงขึ้นแล้วยังยกยอด High สูงขึ้น ยืนยันในแนวโน้มขาขึ้น อีกทั้ง Indicator ส่วนใหญ่บ่งชี้ถึงเทรนด์และโมเมนตัมขาขึ้น อาทิ 1) ค่า MACD และค่า Signal ที่ปรับตัวสูงขึ้น และ 2) RSI ที่เข้าสู่เขต Positive Zone ล้วนเป็นการส่งสัญญาณ "ขึ้นต่อ" ทำให้ภาพเทคนิคสัปดาห์นี้เรามองว่า S50Z17 มีโอกาสขึ้นต่อ โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,114 จุด กรอบบน Zigzag Up
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: แนะนำถือสถานะ Long S50Z17 ลุ้นขึ้นต่อ หลังจากยกทั้ง High และ Low โดยคาดหวังแนวต้านที่ระดับ 1,114 จุด และ Stop Loss เมื่อหลุด 1,090 จุด
Outright Trading: แนะนำถือสถานะ Long S50Z17 ลุ้นขึ้นต่อ หลังจากยกทั้ง High และ Low โดยคาดหวังแนวต้านที่ระดับ 1,114 จุด และ Stop Loss เมื่อหลุด 1,090 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: ตฤณ สิทธิสวัสดิ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: ตฤณ สิทธิสวัสดิ์
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Technical: แนวโน้มเชิงบวก
Trading Idea: PLANB
เด็กแนว: TOA, FC
Technical: แนวโน้มเชิงบวก
Trading Idea: PLANB
เด็กแนว: TOA, FC
Connect the World- (P.2)
ติดตาติดตามประเด็นการอนุมัติงบประมาณสหรัฐฯ ปี 61 ในคืนนี้
ติดตาติดตามประเด็นการอนุมัติงบประมาณสหรัฐฯ ปี 61 ในคืนนี้
Market Outlook
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ1,690-1,720 จุด โดยดัชนีมีโอกาส Sideway Up หลังศก. ไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและยังมีแรงหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าของ LTF/RMF
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ1,690-1,720 จุด โดยดัชนีมีโอกาส Sideway Up หลังศก. ไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและยังมีแรงหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าของ LTF/RMF
Market Factors
(+) ดัชนี DJIA ปิด +0.23%DoD จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน
(+) ราคาน้ำมัน WTI ปิด +1.1%DoD หลังมีรายงานท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษจะปิดซ่อมแซมและข่าวเกิดเหตุระเบิดในย่านไทม์สแควร์
(+/-) วันที่ 12-13 ธ.ค. นี้จับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่3 ในปีนี้หลังจากปรับขึ้นในเดือน มี.ค.และ มิ.ย.รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของ BOE ในวันที่ 14 ธ.ค. นี้
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก. สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภค พ.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีก พ.ย.ของสหรัฐฯ อังกฤษและจีน รวมทั้งดัชนี PMI ภาคบริการและภาคการผลิเบื้องต้นของสหรัฐและประเทศในกลุ่มยุโรป
(+) ดัชนี DJIA ปิด +0.23%DoD จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน
(+) ราคาน้ำมัน WTI ปิด +1.1%DoD หลังมีรายงานท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษจะปิดซ่อมแซมและข่าวเกิดเหตุระเบิดในย่านไทม์สแควร์
(+/-) วันที่ 12-13 ธ.ค. นี้จับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่3 ในปีนี้หลังจากปรับขึ้นในเดือน มี.ค.และ มิ.ย.รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของ BOE ในวันที่ 14 ธ.ค. นี้
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก. สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภค พ.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีก พ.ย.ของสหรัฐฯ อังกฤษและจีน รวมทั้งดัชนี PMI ภาคบริการและภาคการผลิเบื้องต้นของสหรัฐและประเทศในกลุ่มยุโรป
Investment Strategy
เรามอง SET Index มีโอกาส Sideway Up จากเม็ดเงิน LTF/RMF ที่ไหลเข้ามาช่วงท้ายปี กอรปกับ ศก. ไทยยังส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะซื้อหุ้นพื้นฐานดี ดังนี้
1) กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี: ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง เลือก PTT, PTTEP, PTTGC
2) กลุ่มธนาคาร : สินเชื่อเร่งตัวขึ้นหลัง ศก. ฟื้นตัวชัดเจนเลือก KBANK,KKP, BBL
3) กลุ่มค้าปลีก: ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว เลือก CPALL, ROBINS, BJC, HMPRO
4) กลุ่ม Mid-SmallCap: คาดกำไรโตสดใสปีหน้า เลือก BCH, WICE, JWD, SEAFCO, TWPC, MALEE, GPI
เรามอง SET Index มีโอกาส Sideway Up จากเม็ดเงิน LTF/RMF ที่ไหลเข้ามาช่วงท้ายปี กอรปกับ ศก. ไทยยังส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะซื้อหุ้นพื้นฐานดี ดังนี้
1) กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี: ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง เลือก PTT, PTTEP, PTTGC
2) กลุ่มธนาคาร : สินเชื่อเร่งตัวขึ้นหลัง ศก. ฟื้นตัวชัดเจนเลือก KBANK,KKP, BBL
3) กลุ่มค้าปลีก: ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว เลือก CPALL, ROBINS, BJC, HMPRO
4) กลุ่ม Mid-SmallCap: คาดกำไรโตสดใสปีหน้า เลือก BCH, WICE, JWD, SEAFCO, TWPC, MALEE, GPI
Market Talk and News
กลุ่มค้าปลีก (Overweight): สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเผยช่วง 9M60 อุตสาหกรรมค้าปลีกโต 2.8-3.0%YoY และช่วง 4Q60 พบว่าตั้งแต่เดือน พ.ย. เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวของกำลังซื้อมากขึ้น โดยปีนี้คาดตัวเลขค้าปลีกโต 3.2-3.4%YoY และโตต่อ 3.8-4.0%YoY ในปีหน้าทั้งนี้นับเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นค้าปลีก โดยเราเลือก CPALL และ ROBINS เป็น Top Pick
JWD (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับมีรายได้จากคลังสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นพร้อมรับรู้ผลลงทุนใน OAI เต็มไตรมาสครั้งแรกหนุนให้ปี 60 คาดพลิกมีกำไรสุทธิ 214 ลบ. และโตต่อ 20.5%YoY ในปี 61 + Upside 12.4% อีกทั้งมี Upside Risk จากการบันทึกกำไรขายสินทรัพย์ให้กับกอง AIMIRT
SEAFCO (BUY:TP@10): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนด้วย Backlog ในมือกว่า 2.5 พัน ลบ. บวกกับมีโอกาสได้งานใหม่จากภาคเอกชนเช่นโครงการ One Bangkok โดยปี 60 คาดกำไรโต 28.3%YoY และโตต่อ 34.6%YoY ในปี 61 +Upside 11.1% และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง 2H60 อีก 0.092 บาท คิดเป็น Div. Yield 1%
กลุ่มค้าปลีก (Overweight): สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเผยช่วง 9M60 อุตสาหกรรมค้าปลีกโต 2.8-3.0%YoY และช่วง 4Q60 พบว่าตั้งแต่เดือน พ.ย. เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวของกำลังซื้อมากขึ้น โดยปีนี้คาดตัวเลขค้าปลีกโต 3.2-3.4%YoY และโตต่อ 3.8-4.0%YoY ในปีหน้าทั้งนี้นับเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นค้าปลีก โดยเราเลือก CPALL และ ROBINS เป็น Top Pick
JWD (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับมีรายได้จากคลังสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นพร้อมรับรู้ผลลงทุนใน OAI เต็มไตรมาสครั้งแรกหนุนให้ปี 60 คาดพลิกมีกำไรสุทธิ 214 ลบ. และโตต่อ 20.5%YoY ในปี 61 + Upside 12.4% อีกทั้งมี Upside Risk จากการบันทึกกำไรขายสินทรัพย์ให้กับกอง AIMIRT
SEAFCO (BUY:TP@10): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนด้วย Backlog ในมือกว่า 2.5 พัน ลบ. บวกกับมีโอกาสได้งานใหม่จากภาคเอกชนเช่นโครงการ One Bangkok โดยปี 60 คาดกำไรโต 28.3%YoY และโตต่อ 34.6%YoY ในปี 61 +Upside 11.1% และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง 2H60 อีก 0.092 บาท คิดเป็น Div. Yield 1%
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TASCO, PTTGC
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TASCO, PTTGC
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO3487
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO3487