- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Tuesday, 14 November 2017 11:38
- Hits: 3181
เด็กแนว 13 พ.ย. 2560
นักลงทุนสามารถดูข้อมูลข่าวสารการลงทุน หุ้นแนะนำระหว่างวัน และผลประกอบการรายบริษัทได้ในห้องไลน์กลุ่ม เพียงแต่ท่านค้นหาในไลน์ พิมพ์ @deknaewzecret จะเข้าเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติฟรี ท่านสามารถคีย์ชื่อหุ้นจะปรากฏข้อมูลผลประกอบการของหุ้นนั้นๆ ในไตรมาสที่ 3 และข้อมูลอื่นๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
CRANE หุ้นเสาเข็มตัวใหม่
แจ้งงบ Q3 พุ่งขึ้น 44 ล้านบาท จากขาดทุนในงวดก่อน โดยธุรกิจคือขายและเช่ารถเครนแก่ผู้รับเหมา โดยมีรถราว 150 คัน จำนวนกว่าครึ่งตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว การขายจึงเป็นกำไรล้วนๆ สิ่งที่สำคัญมากซ่อนในความเห็นผู้บริหารก็คือได้เริ่มธุรกิจใหม่คืองานรากฐาน เสาเข็มเจาะ ซึ่งเมื่อรวมกับสิ่งที่เด็กแนวเคยสัมภาษณ์ผู้บริหารว่ามีงานทะลัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานลงเข็มสะพานถนนทางหลวง งานเข็มเจาะรถไฟฟ้าจิระขอนแก่นบางช่วง และงานในเมือง นั่นหมายความว่ารายได้ก้อนนี้จะเด่นชัดมากตั้งแต่ Q4 เป็นต้นไป เด็กแนวเคยบอกว่าจับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดี ราคายังต่ำ และในอนาคตจะไปเทียบเคียงกับ PYLON หรือ SEAFCO ขณะที่ CRANE มีความได้เปรียบจากการที่มีรถเครนในมือมาก ดังนั้นน่าจับตาอนาคตอย่างมาก ขณะที่กราฟมองต้านหน้า 4 บาท หากหลุด 3.50 บาท ให้เลิก
แจ้งงบ Q3 พุ่งขึ้น 44 ล้านบาท จากขาดทุนในงวดก่อน โดยธุรกิจคือขายและเช่ารถเครนแก่ผู้รับเหมา โดยมีรถราว 150 คัน จำนวนกว่าครึ่งตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว การขายจึงเป็นกำไรล้วนๆ สิ่งที่สำคัญมากซ่อนในความเห็นผู้บริหารก็คือได้เริ่มธุรกิจใหม่คืองานรากฐาน เสาเข็มเจาะ ซึ่งเมื่อรวมกับสิ่งที่เด็กแนวเคยสัมภาษณ์ผู้บริหารว่ามีงานทะลัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานลงเข็มสะพานถนนทางหลวง งานเข็มเจาะรถไฟฟ้าจิระขอนแก่นบางช่วง และงานในเมือง นั่นหมายความว่ารายได้ก้อนนี้จะเด่นชัดมากตั้งแต่ Q4 เป็นต้นไป เด็กแนวเคยบอกว่าจับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดี ราคายังต่ำ และในอนาคตจะไปเทียบเคียงกับ PYLON หรือ SEAFCO ขณะที่ CRANE มีความได้เปรียบจากการที่มีรถเครนในมือมาก ดังนั้นน่าจับตาอนาคตอย่างมาก ขณะที่กราฟมองต้านหน้า 4 บาท หากหลุด 3.50 บาท ให้เลิก
VNT ผลงานโดดเด่น
แจ้งผลกำไรโตระดับ 400% จากราคาผลิตภัณฑ์หลายตัวสูงขึ้น เช่น โซดาไฟ พีวีซี และอื่นๆ ทั้งนี้การที่จีนลดส่งออก ทำให้ Demand ไหลเข้าบริษัท จึงส่งออกไปขายได้เต็มๆ Net margin พุ่งขึ้นเท่าตัวทำให้กำไรให้แรงสุดขั้ว
นอกจากนี้การตัดสินใจ Write off โรงงานที่ปัญหาในจีนจะทำให้บริษัทไม่มีภาระที่ต้องแบกอีก จากนี้ไปจะทะยานด้วยของแท้ ซึ่งประเมินกำไรปีนี้สูงถึง 1,800-2,000 ล้านบาทประเมินเฉลี่ย PE ที่ 15 เท่า เป้าไม่ควรจะต่ำกว่า 24 บาท ขณะที่กราฟกำลังเด้งตัวไปยังแนวด้านบนคือ 21 บาท ซึ่งเด็กแนวว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ซื้อสะสมตรงนี้ ไปรับกำไรข้างหน้าคร๊าบบบ
แจ้งผลกำไรโตระดับ 400% จากราคาผลิตภัณฑ์หลายตัวสูงขึ้น เช่น โซดาไฟ พีวีซี และอื่นๆ ทั้งนี้การที่จีนลดส่งออก ทำให้ Demand ไหลเข้าบริษัท จึงส่งออกไปขายได้เต็มๆ Net margin พุ่งขึ้นเท่าตัวทำให้กำไรให้แรงสุดขั้ว
นอกจากนี้การตัดสินใจ Write off โรงงานที่ปัญหาในจีนจะทำให้บริษัทไม่มีภาระที่ต้องแบกอีก จากนี้ไปจะทะยานด้วยของแท้ ซึ่งประเมินกำไรปีนี้สูงถึง 1,800-2,000 ล้านบาทประเมินเฉลี่ย PE ที่ 15 เท่า เป้าไม่ควรจะต่ำกว่า 24 บาท ขณะที่กราฟกำลังเด้งตัวไปยังแนวด้านบนคือ 21 บาท ซึ่งเด็กแนวว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ซื้อสะสมตรงนี้ ไปรับกำไรข้างหน้าคร๊าบบบ
บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook : แนวโน้มลงได้ต่อไป
SET ผันผวนตามคาดในระยะปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดต่ำต่ำกว่าแนว 1,710 จุด ตามที่เราได้เตือนให้ระมัดระวังไว้ เนื่องจากจะทำให้เกิดสัญญาณปรับฐานต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
โดยรูปทรงการปรับฐานจะคล้ายกับช่วงเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ MACD โค้งลง กดดันการอ่อนตัวของกราฟแท่งเทียน ทั้งนี้ คาดว่ามีโอกาสพักตัวลงสู่แนว 1,650 จุด และไม่น่าจะหลุด 1,620 จุดซึ่งเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน หรือลึกสุดที่เส้นค่าเฉลี่ย 35 วัน 1,605 จุด กราฟมีสัญญาณปรับฐานชัดเจนแล้ว จึงมองแนวทางการอ่อนตัวได้เปรียบ
SET ผันผวนตามคาดในระยะปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดต่ำต่ำกว่าแนว 1,710 จุด ตามที่เราได้เตือนให้ระมัดระวังไว้ เนื่องจากจะทำให้เกิดสัญญาณปรับฐานต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
โดยรูปทรงการปรับฐานจะคล้ายกับช่วงเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ MACD โค้งลง กดดันการอ่อนตัวของกราฟแท่งเทียน ทั้งนี้ คาดว่ามีโอกาสพักตัวลงสู่แนว 1,650 จุด และไม่น่าจะหลุด 1,620 จุดซึ่งเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน หรือลึกสุดที่เส้นค่าเฉลี่ย 35 วัน 1,605 จุด กราฟมีสัญญาณปรับฐานชัดเจนแล้ว จึงมองแนวทางการอ่อนตัวได้เปรียบ
กลยุทธ์
1. ลดการถือครองหุ้นที่มีต้นทุนแถว 1,680 จุด (วันศุกร์แนะลด 15%)
2. เก็งกำไรเน้นที่หุ้นเล็กเท่านั้น
3. ลดพอร์ตโดยรวม
1. ลดการถือครองหุ้นที่มีต้นทุนแถว 1,680 จุด (วันศุกร์แนะลด 15%)
2. เก็งกำไรเน้นที่หุ้นเล็กเท่านั้น
3. ลดพอร์ตโดยรวม
บทสรุปการลงทุน:
SET มีโอกาสปรับตัวลงไปยังแนวรับถัดไป
SET Closed: 1,689.28
Support: 1,678 1,682
Resistant: 1,695 1,700
SET มีโอกาสปรับตัวลงไปยังแนวรับถัดไป
SET Closed: 1,689.28
Support: 1,678 1,682
Resistant: 1,695 1,700
GCAP สัญญาณม้วนขึ้น
ราคาปิด 7.15 บาท
แนวรับ 7.05 บาท แนวต้าน: 7.70บาท
Stop Loss : เมื่อหลุด 6.95 บาท
ราคาปิด 7.15 บาท
แนวรับ 7.05 บาท แนวต้าน: 7.70บาท
Stop Loss : เมื่อหลุด 6.95 บาท
กราฟ GCAP ดีดตัวขึ้นหลังจากทิ้งตัวแตะแนว 6.60 บาท ซึ่งเป็นระดับสุดในรอบเดือน การดีดตัวขึ้นจากแนวดังกล่าวทำให้เกิดสัญญาณซื้ออีกครั้งทางเทคนิค และมีการฟอร์มตัวเป็น W-shape มีแนวต้าน 7.70 บาท แนะนำ "ซื้อ"
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองดัชนีลงต่อ
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ Spot ปิดลบน้อยกว่า S50Z17 ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 5.75 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -2.57 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.9 จุด สะท้อนระยะกลาง (2 เดือน) ตลาดพลิกกลับมามีมุมมองเป็นลบต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) ทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.0 จุด แต่ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.97 จุด
BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ Spot ปิดลบน้อยกว่า S50Z17 ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 5.75 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -2.57 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.9 จุด สะท้อนระยะกลาง (2 เดือน) ตลาดพลิกกลับมามีมุมมองเป็นลบต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) ทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.0 จุด แต่ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.97 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.0x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.24x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.17x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.04x ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume เพราะแสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แท้จริง ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงน้อยกว่าเดิมเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
Fund Flow Analysis: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ นักลงทุนต่างชาติ Net Short 6,310 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures เพิ่มเป็น 51,405 พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 2,727 ล้านบาท ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 27,398 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองเป็นลบต่อตลาดทุนไทย
Fund Flow Analysis: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ นักลงทุนต่างชาติ Net Short 6,310 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures เพิ่มเป็น 51,405 พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 2,727 ล้านบาท ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิเพิ่มเป็น 27,398 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองเป็นลบต่อตลาดทุนไทย
มุมมองด้านเทคนิค: ปิดตรงรับมีโอกาสเกิด 2 ทิศทาง!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 แกว่งลงและลงแรงในช่วงท้ายตลาด โดยปัจจุบันลงมาหลุดกรอบ Bollinger Band (BB) ที่ระดับ -2SD โดย Indicator ส่วนใหญ่ส่งสัญญาณขาย ไม่ว่าจะเป็น Modified Stochastic ที่ %K ตัด %D ลง หรือ RSI ที่เริ่มเข้าสู่เขต Negative Zone ดังนั้นดูภาพใหญ่แล้วทางลงได้เปรียบ แต่เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา S50Z17 ปิดตรงแนวรับกรอบล่าง Sideway Down ที่ระดับ 1,070 จุด ทำให้ภาพระยะสั้น (วันนี้) ดัชนีมีโอกาสเกิด 2 ทิศทาง คือ 1) Technical Rebound กลับไปตรงแถวๆ 1,080 จุด หรือ 2) ไหลลงต่อไปหาแนวรับ 1,058 จุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50Z17 แกว่งลงและลงแรงในช่วงท้ายตลาด โดยปัจจุบันลงมาหลุดกรอบ Bollinger Band (BB) ที่ระดับ -2SD โดย Indicator ส่วนใหญ่ส่งสัญญาณขาย ไม่ว่าจะเป็น Modified Stochastic ที่ %K ตัด %D ลง หรือ RSI ที่เริ่มเข้าสู่เขต Negative Zone ดังนั้นดูภาพใหญ่แล้วทางลงได้เปรียบ แต่เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา S50Z17 ปิดตรงแนวรับกรอบล่าง Sideway Down ที่ระดับ 1,070 จุด ทำให้ภาพระยะสั้น (วันนี้) ดัชนีมีโอกาสเกิด 2 ทิศทาง คือ 1) Technical Rebound กลับไปตรงแถวๆ 1,080 จุด หรือ 2) ไหลลงต่อไปหาแนวรับ 1,058 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: จับตาแนวรับของ S50Z17 ที่ 1,070 จุด โดยแบ่งกลยุทธ์ดังนี้ 1) หากยืนเหนือ 1,070 จุด ลุ้น Technical Rebound กลับไปตรงแถวๆ 1,080 จุด และ 2) หากหลุด 1,070 จุด คาดไหลลงต่อไปหาแนวรับ 1,058 จุด
Outright Trading: จับตาแนวรับของ S50Z17 ที่ 1,070 จุด โดยแบ่งกลยุทธ์ดังนี้ 1) หากยืนเหนือ 1,070 จุด ลุ้น Technical Rebound กลับไปตรงแถวๆ 1,080 จุด และ 2) หากหลุด 1,070 จุด คาดไหลลงต่อไปหาแนวรับ 1,058 จุด
AEC Securities
Technical Research Team
Technical Research Team
อิศรา เลิศสุดคนึง
Analyst
ID: 033432
Analyst
ID: 033432
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Technical: แนวโน้มลงได้ต่อไป
Trading Idea: GCAP
เด็กแนว: CRANE, VNT
Connect the World- (P.2)
ดาวโจนส์ปิดลบต่อเนื่อง หลังนักลงทุนยังกังวลเรื่องการเลื่อนแผนปฏิรูปภาษี
Market Outlook
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ1,680-1,715 จุดโดยมองดัชนีมีโอกาสย่อตัวแต่คาดจะไม่ลึกมากนัก หลังหวังมีแรงซื้อ LTF/RMF เข้ามาปลายสัปดาห์จากงานSET in the City
ดาวโจนส์ปิดลบต่อเนื่อง หลังนักลงทุนยังกังวลเรื่องการเลื่อนแผนปฏิรูปภาษี
Market Outlook
สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ1,680-1,715 จุดโดยมองดัชนีมีโอกาสย่อตัวแต่คาดจะไม่ลึกมากนัก หลังหวังมีแรงซื้อ LTF/RMF เข้ามาปลายสัปดาห์จากงานSET in the City
Market Factors
(-) ดัชนี DJIA ปิด -0.17%DoDหลังยังกังวลความล่าช้าในการออกกฎหมายปฎิรูปภาษี
(-) ราคาน้ำมัน WTI ปิด-0.8%DoD หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้ผลิต, สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์รวมทั้ง GDP 3Q60 ของญี่ปุ่นและอียู
(-) ดัชนี DJIA ปิด -0.17%DoDหลังยังกังวลความล่าช้าในการออกกฎหมายปฎิรูปภาษี
(-) ราคาน้ำมัน WTI ปิด-0.8%DoD หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้ผลิต, สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์รวมทั้ง GDP 3Q60 ของญี่ปุ่นและอียู
Investment Strategy
แม้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงพักฐาน แต่ระยะยาวยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะหาจังหวะทยอยซื้อสะสมหุ้น Domestic Play ที่มีศักยภาพเติบโตดีดังนี้
1) กลุ่มพลังงาน: รับอานิสงส์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูง เลือก PTT, PTTEP
2) กลุ่มธนาคาร: สินเชื่อมีโอกาสฟื้นตัวตามภาวะ ศก.ที่ดีขึ้น เลือก KBANK,KKP, BBL
3) กลุ่มค้าปลีก: เข้าสู่ High Season และได้อานิสงส์ครม.อนุมัติมาตรการช็อปช่วยชาติลดหย่อนภาษีเลือก CPALL, ROBINS, HMPRO, BJC
4) กลุ่ม Mid-SmallCap: คาดกำไรยังโตสดใสปีหน้า เลือก BCH, WICE, HARN, SMPC
แม้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงพักฐาน แต่ระยะยาวยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะหาจังหวะทยอยซื้อสะสมหุ้น Domestic Play ที่มีศักยภาพเติบโตดีดังนี้
1) กลุ่มพลังงาน: รับอานิสงส์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูง เลือก PTT, PTTEP
2) กลุ่มธนาคาร: สินเชื่อมีโอกาสฟื้นตัวตามภาวะ ศก.ที่ดีขึ้น เลือก KBANK,KKP, BBL
3) กลุ่มค้าปลีก: เข้าสู่ High Season และได้อานิสงส์ครม.อนุมัติมาตรการช็อปช่วยชาติลดหย่อนภาษีเลือก CPALL, ROBINS, HMPRO, BJC
4) กลุ่ม Mid-SmallCap: คาดกำไรยังโตสดใสปีหน้า เลือก BCH, WICE, HARN, SMPC
Fundamental Reports
ROBINS (BUY:TP@79): ช่วง 3Q60 กำไรพลิกโต 19.8%YoY และคาดทั้งปี 60 กำไรปกติโต 4%YoY และโตสดใส 12.9%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อดีและรับรู้ผลบวกขยายสาขา + ราคาหุ้นมี Upside 9.3% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 1.3% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
BDMS (BUY:TP@23): ช่วง 3Q60 กำไรปกติโต 10.5%YoY หลังรายได้รวมและมาร์จิ้นยังโตดี ส่วนปี 60 แม้คาดกำไรปกติทรงตัว YoY แต่จะกลับมาโต 4.7%YoY ในปี 61 จากการโตทั้งตลาดผู้ป่วยไทยและต่างชาติ + ราคาหุ้นมี Upside9.5% จึงคงแนะนำ "ทยอยซื้อสะสม"
SMPC (BUY:[email protected]): ช่วง 3Q60 กำไรโต 13.5%YoY ส่วนปี 60 แม้คาดกำไรหดตัว7.4%YoY แต่จะพลิกโต16.2%YoY ในปี 61 ตามอุปสงค์ถังแก๊สเอเชียและแอฟริกาสดใส+Upside 9.2% และคาดให้Div. Yield จากกำไรช่วง2H60 อีก2.5% เพิ่มคำแนะนำ"ซื้อ"
HARN (BUY:[email protected]): ช่วง 3Q60 กำไรโตเด่น 165%YoY จากรวบงบ CM และ QIIS หลังเข้าซื้อตั้งแต่ 29 พ.ย. 59 อีกทั้งมีแผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมและเจาะตลาด CLM หนุนให้ปี 60 คาดกำไรโตเด่น 171.6%YoY + Upside 18.3% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 4.0%
NDR (BUY:[email protected]): แม้ช่วง 3Q60 กำไรหด 51.4%QoQ และปี 60 คาดกำไรหด48.7%YoY แต่จะกลับมาโต 112%YoY ในปี 61 หนุนด้วยต้นทุนราคายางที่ทรงตัวต่ำและแผนแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้ายางอะไหล่ + มีUpside 16.9% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
MC (BUY:[email protected]): แม้ช่วง 3Q60 กำไรหด 28.5%YoY และคาดทั้งปี 60 กำไรหด18.4%YoY แต่จะกลับมาโต 10.1%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวดีในปีหน้า + ราคาหุ้นปรับลงจนกลับมามีUpside 7.3% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 5% เพิ่มคำแนะนำ "ซื้อ"
MAJOR (BUY:TP@40): ช่วง 3Q60 กำไรปกติโต 11.1%YoY จากธุรกิจโรงหนังและ MPIC โตดี ส่วนช่วง 4Q60 คาดโตเด่น YoY จากไลน์หนังน่าสนใจมากขึ้น หนุนทั้งปี 60 คาดกำไรปกติโต 20.5%YoY และโตต่อ 46.3%oY ในปี 61 + มี Upside 23.1% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
MAKRO (HOLD:TP@38): ช่วง 3Q60 กำไรสุทธิโต 2.7%YoY ส่วนทั้งปี 60 คาดกำไรโต 10.2%YoY และโตต่อ 8.5%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อดีขึ้นและแผนขยายสาขาต่อเนื่อง แต่ด้วยราคาหุ้นเหลือ Upside จำกัด จึงคงแนะนำ "ถือ" โดยคาดให้ Div. Yield ปีละ 2.7%
ROBINS (BUY:TP@79): ช่วง 3Q60 กำไรพลิกโต 19.8%YoY และคาดทั้งปี 60 กำไรปกติโต 4%YoY และโตสดใส 12.9%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อดีและรับรู้ผลบวกขยายสาขา + ราคาหุ้นมี Upside 9.3% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 1.3% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
BDMS (BUY:TP@23): ช่วง 3Q60 กำไรปกติโต 10.5%YoY หลังรายได้รวมและมาร์จิ้นยังโตดี ส่วนปี 60 แม้คาดกำไรปกติทรงตัว YoY แต่จะกลับมาโต 4.7%YoY ในปี 61 จากการโตทั้งตลาดผู้ป่วยไทยและต่างชาติ + ราคาหุ้นมี Upside9.5% จึงคงแนะนำ "ทยอยซื้อสะสม"
SMPC (BUY:[email protected]): ช่วง 3Q60 กำไรโต 13.5%YoY ส่วนปี 60 แม้คาดกำไรหดตัว7.4%YoY แต่จะพลิกโต16.2%YoY ในปี 61 ตามอุปสงค์ถังแก๊สเอเชียและแอฟริกาสดใส+Upside 9.2% และคาดให้Div. Yield จากกำไรช่วง2H60 อีก2.5% เพิ่มคำแนะนำ"ซื้อ"
HARN (BUY:[email protected]): ช่วง 3Q60 กำไรโตเด่น 165%YoY จากรวบงบ CM และ QIIS หลังเข้าซื้อตั้งแต่ 29 พ.ย. 59 อีกทั้งมีแผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมและเจาะตลาด CLM หนุนให้ปี 60 คาดกำไรโตเด่น 171.6%YoY + Upside 18.3% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 4.0%
NDR (BUY:[email protected]): แม้ช่วง 3Q60 กำไรหด 51.4%QoQ และปี 60 คาดกำไรหด48.7%YoY แต่จะกลับมาโต 112%YoY ในปี 61 หนุนด้วยต้นทุนราคายางที่ทรงตัวต่ำและแผนแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้ายางอะไหล่ + มีUpside 16.9% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
MC (BUY:[email protected]): แม้ช่วง 3Q60 กำไรหด 28.5%YoY และคาดทั้งปี 60 กำไรหด18.4%YoY แต่จะกลับมาโต 10.1%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวดีในปีหน้า + ราคาหุ้นปรับลงจนกลับมามีUpside 7.3% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 5% เพิ่มคำแนะนำ "ซื้อ"
MAJOR (BUY:TP@40): ช่วง 3Q60 กำไรปกติโต 11.1%YoY จากธุรกิจโรงหนังและ MPIC โตดี ส่วนช่วง 4Q60 คาดโตเด่น YoY จากไลน์หนังน่าสนใจมากขึ้น หนุนทั้งปี 60 คาดกำไรปกติโต 20.5%YoY และโตต่อ 46.3%oY ในปี 61 + มี Upside 23.1% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
MAKRO (HOLD:TP@38): ช่วง 3Q60 กำไรสุทธิโต 2.7%YoY ส่วนทั้งปี 60 คาดกำไรโต 10.2%YoY และโตต่อ 8.5%YoY ในปี 61 จากกำลังซื้อดีขึ้นและแผนขยายสาขาต่อเนื่อง แต่ด้วยราคาหุ้นเหลือ Upside จำกัด จึงคงแนะนำ "ถือ" โดยคาดให้ Div. Yield ปีละ 2.7%
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BCH, JWD
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BCH, JWD
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO2312
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO2312