ถือว่าขึ้นได้ดีหากนับตั้งแต่ที่เด็กแนวแนะนำเมื่อต้นสัปดาห์  แต่ตลาดที่ปั่นป่วนหนัก ทำให้มีแรงขายทำกำไรย่อตัว จังหวะนี้จึงถือเป็นโอกาสในการเข้าสวนแล้วล่ะ บอกไปแล้วว่าอนาคตที่จะมีโรงไฟฟ้าในมือจากปัจจุบันที่ 52 MW เพิ่มเป็นอย่างน้อย 160 MW ในปี 63 ถือว่าน่าจับตาสุดๆ และจุดเด่นที่จะทำให้กำไรกระโดดมาจาก Net Margin ที่สูงถึง 64% และถ้าหักดอกเบี้ยกับภาษีแล้วจะยังคงเหลือกำไรในกระเป๋าถึง 50% เลยทีเดียว นี่แหละคือจุดเด่นมากของ SSP
    

      จากกราฟแท่งจะเป็นปริมาณการจ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ขณะที่กำไรแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 550 ล้านบาท และมีค่า PE อนาคตเพียง 15 เท่า เป้าหมายที่ PE20 จึงยังมองที่ 12 บาท ราคาหุ้นตรงนี้ลงมาให้รับอีกแล้ว เข้าซื้อเมื่อย่อตัว ไปปล่อยที่แนวต้านหน้า 10 บาท

 

- PHOL ไม้แรกๆ อีกตัว
          เด็กแนวเริ่มสนใจหุ้นตัวนี้ ด้วยเหตุผลว่า เป็นหุ้นขนาดเล็กที่เข้าคุณสมบัติถูกกลุ่มทุนที่ใหญ่กว่าอยากจะเข้าตลาดทางลัดมีโอกาส เข้ามาเจรจาขอซื้อกิจการ ย้อนกลับไปดูหลายตัวเข้าลักษณะนี้ทั้งนั้น เช่น HYDRO, SPPT, PRINC ใครชอบหุ้นที่โลกลืมแบบนี้ ให้เอาเงินเย็นก้อนเล็กๆ มาลองเก็บหุ้นแบบนี้ดู เพราะหากมีธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริงราคาหุ้นจะวิ่งไปหลายเด้ง
          ทรงกราฟของ PHOL ก็พบว่าราคาอยู่ต่ำมาก วอลุ่มแห้ง ไม่มีคนขาย ขณะที่รูปแบบแท่งเทียนมีโครงสร้างแบบ Head&shoulder มีแนววิ่งได้ถึง 3.50 บาท แต่อย่างที่บอกหุ้นน้อย ต้องค่อยๆ ซื้อตามความเหมาะสมของวอลุ่ม หรือถ้าชอบลูกก็เอา PHOL-W1 ดูนะ อาการมันแปล๊กๆ
 
          AEC Securities
          รณกฤต สารินวงศ์
          Head of Research
          ID: 012234 [email protected]

บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook : ปรับฐานตามทฤษฎี
          SET ทิ้งตัวลงตามคาด  โดยกราฟแท่งเทียนเกิดรูปแบบ Bearish Engulfing  คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา  โดยการปรับฐานมีโอกาสเกิดได้ถึง 150 จุด ตามการทิ้งตัวของ Stochastic ที่ Overbought และมี Sell signal ในหลายเครื่องมือ  แม้ว่าการปรับลงอาจจะไม่รุนแรงเท่าปีที่แล้วก็ได้ แต่ฐานขง SET จะต่ำลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้แนวทดสอบถัดไปอยู่ที่ 1,670 จุด และหากปิดต่ำกว่านี้ยิ่งยืนยันภาพในอดีต

กลยุทธ์
          1. ลดการถือครองหุ้นใหญ่ที่ต้นทุนสูงระยะ 1 สัปดาห์
          2. ลดการถือครองตามจุดที่หลุด  หากหลุด 1,670 จุด ถือหุ้น 75%
          3. หากปิดต่ำกว่าเปิด ให้ถือหุ้นกลับบ้านน้อยลง  

บทสรุปการลงทุน:
          SET คาดยังมีแรงกดดันจากสัญญาณขายที่เกิดขึ้น
 
          SET Closed:  1,683.43
          Support:         1,670   1,678
          Resistant:       1,695   1,700

          ราคาปิด  1.82 บาท
          แนวรับ    1.78 บาท    

          แนวต้าน: 2.00 บาท
          Stop Loss : เมื่อหลุด 1.74 บาท

          กราฟ VTE ดิ่งตัวลงตามโครงสร้างถ้วยคว่ำ ขณะเดียวกันกำลังจะทดสอบแนว Support เดิมที่เคยดีดตัวแรงมาแล้ว  ทั้งนี้ Stochastic  ลงสู่แนวต่ำสุดของ Oversold  คาดดีดตัวเร็วๆ นี้ แนะนำ "ซื้อสะสม"

          AEC Securities
          รณกฤต สารินวงศ์
          Head of Research
          ID: 012234 [email protected]

 

 

มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองดัชนีลงต่อ
          BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวานนี้ Spot ปิดลบน้อยกว่า S50Z17 ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.32 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +1.13 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +1.96 จุด สะท้อนระยะกลาง (3 เดือน) ตลาดมีมุมมองเป็นลบต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.6 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.60 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -2.97 จุด
          PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.89x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.01x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.30x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.05x ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนแปลงของ OI มากกว่า Volume เพราะแสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แท้จริง ดังนั้นสรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงน้อยกว่าเดิมเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
          Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 2,745 ล้านบาท แต่กลับ Net LONG 15,061 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Quarter to Date (QTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures ลดลงเหลือ 40,715 ทั้งนี้โดยรวม Exposure ใน QTD ของนักลงทุนต่างชาติฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) มีสถานะขายสุทธิลดลงเหลือ 5,780 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองเป็นลบต่อตลาดทุนไทย

 

มุมมองด้านเทคนิค: ลงแรงจนขาขึ้นเสียทรง
          เมื่อวานนี้ S50Z17 ภาคเช้าทรงตัว แต่ภาคบ่ายลงลึกและแรง โดยการปรับฐานในเมื่อวานนี้ทำให้แนวโน้มขาขึ้นเสียกระบวนท่า เพราะหลุดแนวรับ 1,090 จุด ลงมา แต่เนื่องจากเมื่อวานนี้ลงแรงจนมาปิดใกล้แนวรับ Uptrend Channel ช่องล่างที่ 1,074 จุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะรีบาวด์ในช่วงต้นตลาด ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์ดังนี้ 1) หากรีบาวด์รอจังหวะเปิด Short แถวๆ 1,085 จุด โดยตั้งจุด Stop Loss ที่ 1,090 จุด และ 2) หากหลุดแนวรับ 1,074 จุด กด Short ตาม หวังลงต่อทดสอบแนวรับเส้นระนาบที่ 1,064 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน
          Outright Trading: ปิดสถานะ Long S50Z17 แล้วกลับมาหาจังหวะ Short ดังนี้ 1) เด้งขึ้นแถวต้าน 1,085 เป็นจังหวะเปิด Short รอบใหม่ และ 2) หลุดรับ 1,074 กด Short ตามน้ำ

          AEC Securities
          Technical Research Team

 

บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Technical: ปรับฐานตามทฤษฎี
Trading Idea: VTE
เด็กแนว: SSP, PHOL
---------------------------------------------------------------------------------
Connect the World–
•    ดาวโจนส์ปิดบวกหลังมีกระแสผู้ว่าฯ เฟดคนใหม่ และติดตามผลเลือกตั้งญี่ปุ่น
 

Market Outlook
•    วันนี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,660-1,695 จุด โดยดัชนียังมีโอกาสพักตัวต่อหลังไร้ปัจจัยใหม่และ Fund Flow ชะลอไหลเข้า รวมทั้งยังรอดูงบ 3Q60 ของ บจ. ที่ทยอยออกมา
Market Factors
•    (+) ดัชนี DJIA ปิด +0.02%DoD โดยแม้ดัชนีจะแกว่งแดนลบเกือบตลอดทั้งวันแต่ยังมีแรงหนุนจากข่าวเจอโรม พาวเวล เป็นตัวเต็งที่จะได้รับเลือกนั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่
•    (-) ราคาน้ำมัน WTI  ปิด -1.4%DoD จากแรงขายทำกำไรหลังราคาน้ำมันขึ้นแรงก่อนหน้านี้
•    (+) ก.พาณิชย์เผยส่งออกเดือน ก.ย. ทำสถิติสูงสุดที่ 2.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โต 12.22%YoY ส่วน 9M60 โต 9.3%YoY มั่นใจทั้งปีโต 8% เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 7%
•    (+) BDI Index ปิด +1.02%DoD สู่ระดับ 1,582 จุด ยังเป็นบวกต่อหุ้นเรือเทกอง TTA, PSL
•    (+/-) วันนี้ติดตามยอดขายบ้านมือสอง ก.ย. ของสหรัฐฯ, ดุลบัญชีเดินสะพัด ส.ค. ของอียู

 

Investment Strategy
•    แม้ช่วง 2 วันที่ผ่านมาดัชนีจะปรับตัวลงมากว่า 43 จุด และเรามองดัชนียังมีโอกาสปรับฐานลงไปลึกบริเวณแถว 1,660+/- จุด แต่อย่างไรก็ดี ระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นหลังสถานการณ์การเมืองและภาวะ ศก. มีสัญญาณที่ดีขึ้นชัดเจน อีกทั้งยังมีเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ  RMF ที่กำลังจะเริ่มทยอยไหลเข้าในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี
•    กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ“เริ่มแบ่งทยอยซื้อ เน้นช่วงอ่อนตัวและไม่ไล่ราคา” (หลังแนะทยอยลดพอร์ตตั้งแต่ต้นสัปดาห์) โดยเลือกหุ้น Domestic Play ที่มีศักยภาพเติบโตดี, Laggard หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะดังนี้กลุ่มธนาคาร (KKP, BBL, TMB), กลุ่มนิคม (AMATA, WHA), กลุ่มโรงแรม (ERW, MINT) , กลุ่ม รพ.(BCH, LPH), กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BEAUTY, HMPRO) และกลุ่ม Mid-Small Cap (ZIGA, WICE, JWD, JUBILE)
Market Talk and News
•    WICE (BUY:[email protected]): ช่วง 2H60 คาดกำไรยังโตเด่นทั้ง HoH และ YoY จากการรวมงบเต็มปีเป็นครั้งแรกกับ SEL พร้อมทั้งคาดได้รับผลแห่ง Synergy ด้าน Network ระหว่างกันและการเพิ่มธุรกิจใหม่เพื่อเติมธุรกิจเดิมให้ครบวงจรทำให้ปีนี้คาดกำไรโตเด่น 67.3%YoY และโตต่อ 18.1%YoY ในปี 61 + ราคาที่ลงมาจนมี Upside 20% จึงเป็นโอกาสซื้อลงทุน
•    FTE (BUY:Consensus [email protected]): ปี 60 คาดกำไรโต 37.8%YoY หนุนด้วย Backlog ปัจจุบันที่ 450 ลบ. โดย 60%-70% จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้และมีโครงการอยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 10 โครงการอีกทั้งเตรียมรุกตลาดCLMV ตามอุปสงค์งานระบบดับเพลิงเพิ่มขึ้นจากงานก่อสร้างที่ขยายตัว + Upside 30.2% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ 4.7%
•    TTA (BUY:Consensus TP@12): ช่วง 2H60 คาดกำไรโตทั้ง HoH และ YoY หลังได้        อานิสงส์บวกจากค่าระวางเรือทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ2ปีสอดคล้องกับจำนวนเรือเทกองที่เพิ่มขึ้นเป็น 23 ลำ (จาก 22 ลำณสิ้นช่วง 1H60) รวมทั้งมีแผนขยายร้าน Pizza Hut อีก 100สาขาในปี 60-62 (จากปัจจุบัน 98 ร้าน) เพื่อสร้างรายได้โตต่อเนื่อง +  Upside 20%

 

Quantitative Screening
•    หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก LH, BR

19-Oct-17           Change (pts.)    18-Oct-17

SET Index          1,683.43     -24.10    1,707.53
SET50 Index       1,074.37    -18.18    1,092.55
SET100 Index      2,418.25    -39.67    2,457.92

High    1,578.96    Gainers                                  342
Low     1,574.71    Unchanged    238
Value (Bt m)          79,755.23    Losers                1,217
Volume (*000)       14,095,493          

Market Valuation
SET Data              2017F       2018F      Long Term
Fwd PER (x)         16.74         15.18       13.80
EPS Growth (%)    5.16          10.28        9.99
EV/EBITDA (x)       11.18        10.23        9.71
FWD PBV (x)          2.02          1.88         1.75
Dividend Yield (%)   2.81         2.97          3.25
ROE                        10.24        10.75       11.32

 

Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt     19-Oct-17      WTD    MTD    YTD
Institution       (2,074.29)     (5,574.88)    (3,136.12)    59,386.98
Proprietary     (3,043.44)     (1,394.64)    1,531.62     11,604.15
Foreign          (2,744.96)      (3,921.53)    3,129.55     12,790.90
Individual       7,862.69         10,891.05    (1,525.06)    (83,782.03)

.