- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Wednesday, 19 August 2015 19:01
- Hits: 3337
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : บทวิเคราะห์เด็กแนว
เด็กแนว : ชอบตัวไหนเลือกตัวนั้น
บรรยากาศการลงทุนตอนนี้ถูกกดดันด้วยกระแสล้วนๆ ข้อดีอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นก็คือ ถ้าลงเร็วก็จะดีดตัวเร็ว ในช่วงที่ผ่านมาตลาดซึมลง ทำให้หุ้นซบเซา แต่ถ้าตลาดรูดแรง จะเกิดโวลุ่มตามมา อย่างเช่นเมื่อวานนี้ โวลุ่มตลาดจากที่อยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทกลายเป็น 7.7 หมื่นล้านบาท กฎการดูทิศทางหุ้นในเชิงสถิติบอกว่าถ้าตลาดหุ้นขึ้นแรง จะมีการเก็งกำไรสูงมาก ข่าวดีเต็มตลาดและโวลุ่มจะ peak สุดๆ นั่นคือตลาดถึงจุดจบ บ้านเราก็เป็นตามกฎข้อนี้เกือบทุกครั้งไป ในทางกลับกันเมื่อใดก็ตามถ้าตลาดลงแรงๆ ด้วยปัจจัยกระทบที่เป็นปัจจัยระยะสั้น ไม่ใช่เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน และโวลุ่ม peak ทุกคนไม่มองพื้นฐานขายหนีตาย ข่าวร้ายเต็มไปหมด นั่นคือใกล้จุดสิ้นสุดการลงหรือไม่ ลองนำกฎข้อนี้มาใช้กับตลาดหุ้นตอนนี้ ตอนที่ทุกคนกลัวมากๆ ตอนที่ข่าวสับสนเต็มไปหมด แค่คนจุดประทัดก็บอกว่าระเบิด แค่มีควันก็หาว่าไฟไหม้ นี่แหละคือจังหวะของผู้กล้าเข้าเก็บหุ้น
ตอนนี้ขาวสับสน ทุกคนกลัวข่าว เห็นทุกอย่างเป็นภัยไปหมด คิดเหมือนว่าตลาดหุ้นจะพัง ซึ่งให้คิดในเชิงพื้นฐานว่านี่คือปัจจัยกระทบระยะสั้น คล้ายกับการเกิดที่บาหรี หุ้นจะลงแค่ไม่กี่วัน หรือคล้ายกับที่น้ำท่วมใหญ่ กทม. หุ้นก็รับผลในระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้นได้ลงมาต่ำกว่าพื้นฐานจำนวนมากแล้ว จึงทำให้นักลงทุนที่เน้นพื้นฐานจะเริ่มกลับเข้ามาเก็บหุ้น และมองปัจจัยแค่เป็นตัวเร่งให้หุ้นลงถึงแนวน่าซื้อเร็วขึ้น
มาดู SET ล่าสุดประกอบ จะเห็นกราฟแท่งเทียนเกิดรูป Doji Morning star ซึ่งเป็นสีเขียว โดยทฤษฏีจะบอกว่าเป็น Morning star แท้ๆ ที่จะทำให้ SET กลับมาดีดตัวได้ในวันนี้ หรือถ้าไม่ดีดตัว ก็ปิดสูงกว่าเปิดจะกลายเป็นสัญญาณกลับตัว ขณะที่ RSI เข้า Oversold ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของหุ้น rebound และถ้า SET ปิดสูงกว่าเปิด ยิ่งสูงยิ่งดี จะทำให้เส้น RSI ผงกหัวขึ้น และจะพลิกตัวกลับในวันต่อๆ ไป มีข้อแม้ว่าถ้าวันนี้หาก SET ยังปิดต่ำกว่าเปิด จะทำให้แท่งเทียนยกเลิก Morning star และ RSI ปักหัวลงต่อ หากเป็นแบบนี้ ก็ซื้อหุ้นได้แค่ 2 ตัวเท่านั้นเอง
มมองของเด็กแนวนี้ เมื่อมาพิจารณาการเลือกหุ้นก็ต้องบอกว่า ยังคงเน้นไปที่หุ้นเก็งกำไร rebound เพราะเรากำลังให้ข้อมูลนักลงทุนรายย่อยไม่ใช่กองทุน หุ้นที่เข้าจึงยังเน้นการเก็งกำไร และยังไม่ถือยาว กลยุทธ์จับจังหวะ และเก็บเกี่ยวกำไรอย่างระมัดระวังยังคงทำอยู่จนกว่าตลาดจะมีเสถียรภาพ ดังนั้นจึงเลือกหุ้นที่มี Story เกี่ยวข้อง เป็นหุ้นที่คึกคัก ยอดนิยมก่อนหน้านี้ และมีกราฟที่หวังลุ้นการเด้งตัวทางเทคนิคได้ นำเสนอให้คิดพิจารณาดังนี้
1. AJD พระเอกตัวจริง มีประเด็นชัดเจนเมื่อบริษัทในกลุ่ม แจ็ค หม่า กำลังทำดีลเข้าถือหุ้นบริษัท การเข้าเก็งกำไรในราคานี้ มองจุด cut ทิ้ง หากราคาหุ้น 1.35 บาท แต่ถ้าไม่หลุดและดีดตัวขึ้นไป ก็เลือกทำกำไรตามใจชอบ
2. EIC เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทไปซื้อทีมฟุตบอก Ac Milan จำนวน 48% ข่าวในตลาดจึงตีประเด็นว่า EIC อาจจะเข้าไปแบ่งส่วนถือหุ้นทีมบอลนี้ จึงเก็งกำไรกันอย่างแข็งแรง ซื้อตรงนี้แนวหนีคือ 1.70 บาท
3. KIAT-W1 หุ้นที่มีแม่ kiat ได้กลุ่มทุนใหม่เข้ามาถือหุ้น และประกาศทำทั้ง logistic รวมถึงพลังงานทางเลือกทำให้เริ่มน่าสนใจ แต่เลือกตัวลูกเพราะแกว่งตัวได้เร็วกว่า มีแนวหนีถ้าหลุด 0.70 บาท แนวต้าน 0.77 บาท
4. ASIMAR ปีนี้พลิกจากขาดทุน มาเป็นกำไรอย่างชัดเจน พร้อมทั้งลุ้นข่าวการได้พันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ ให้ราคาหุ้นขึ้นโดดเด่นมาก เมื่อวานย่อตัวราคาต่ำกว่าพื้นฐาน เข้าเก็งกำไรดูแนวหนีถ้าหลุด 3.30 บาท มีต้าน 4 บาท
5. HFT หุ้นที่ผลประกอบการเติบโตร้อนแรงมากๆ ได้ประโยชน์จากยอดขาย และต้นทุนที่ถูกลง ทำให้ราคาหุ้นรอบนี้หวือหวา มีเสน่ห์มาก การเก็งกำไรยังน่าสนใจ แต่ให้มีจุด cut ที่ 4.20 บาท แนวต้าน 4.50 บาท
ชอบตัวไหนเลือกตัวนั้น อย่าซื้อทุกตัว เพราะหุ้นแบบนี้ high risk high return ให้มองความเสี่ยงไว้ด้วยอย่ามองแค่โอกาส อย่ากลัวกับตลาดที่ลงมาเยอะแล้ว ถ้าเพิ่งลงสิน่ากลัว และอย่าโลภกับตลาดที่เหวี่ยงตัว ให้ทำกำไรแต่พอดี