- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Tuesday, 21 April 2015 19:07
- Hits: 2612
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : ครึ่งบ่าย ไม้สั้น
สรุปตลาดภาคเช้า
ดัชนีปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาคเช้า ในทิศทางเดียวกับตลาดรอบบ้าน ที่ได้ Sentiment บวกจากการใช้นโยบายเชิงผ่อนคลายของจีน ส่งผลให้มีความคาดหวังต่อเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ตลาดทุน สำหรับกลุ่มเด่นในภาค เช้าคือกลุ่ม ICT จาก ADVANC และ INTUCH ปรับตัวขึ้นเด่น ดัชนีปิด เพิ่มขึ้น +9.23 จุด (+0.59%) มาอยู่ที่ 1,569.55 จุด มูลค่าซื้อขาย 1.8 หมื่นล้านบาท
แนวโน้ม ภาคบ่าย
ประเมินดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวทรงตัว ประเมินตลาดจะได้โมเมนตัมบวกจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้ภาพของเงินที่ล้นระบบหนุนการลงทุนในระยะสัปดาห์ สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกหุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันในช่วงนี้ เช่น ธนาคาร และ ICT และสำหรับการเก็งกำไร แนะนำดักการลงนามใบอนุญาตนาโนไฟแนซ์ จากกระทรวงการคลัง
เด็กแนว : สะสมกันเต็มๆ
♦ CWT ได้สอบถามผู้บริหารถึงความคืบหน้าในโครงการโรงไฟฟ้าขยะว่า มีพัฒนาการอย่างไร คำตอบก็คือทุกอย่างแน่นอน ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ขั้นตอนจากนี้ไปคือการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมด จากนั้นแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอย่างเป็นทางการเพื่อดำเนินเรื่องการเพิ่มทุน PP ซึ่งน่าจะรู้ว่าใครคือพันธมิตรหลัก และแจกวอร์แรนท์ จากนั้นก็จะเริ่มเซ็นต์สัญญาเรื่องการดำเนินการโรงไฟฟ้าในเดือนถัดไป ซึ่งเมื่อว่ากันตามกระบวนการนี้เมื่อเพิ่มทุนเสร็จ สินทรัยพ์ของบริษัทก็จะเพิ่มเท่าตัว จากนั้นก็จะเริ่มดำเนินการโรงไฟฟ้าที่ 2 ต่อ ถือว่าเป็นการดำเนินการที่รวดเร็ว เด็กแนวเคยบอกว่ายังไม่จบ เพราะเรื่อง solar farmขนาด 100 MW ในพม่าก็เจรจาอยู่ เผลอๆ เราอาจจะเห็นชัยวัฒน์เป็นผู้มีสัญญาการขาย และพร้อมจ่ายไฟแซงหน้ารุ่นพี่หลายที่ๆ ที่เคยบอกว่ามีหลายร้อยเม็กกะวัตต์ก็ได้ น่าจับตายิ่งนัก ราคาหุ้นไม่ยอมลง เผลอๆ กองทุนที่เข้าไป visit คงสะสมกันเต็มๆ เพราะมองเห็นอนาคตชัดเจนแจ่มแจ้ง ส่วนกราฟราคาหุ้นที่กลับมาเกิด Buy signal นี้มีเป้าหมายถัดไป 6 บาทขาดตัว
♦ IFS เป็นหนึ่งในหุ้นเช่าซื้อที่ต้องบอกว่ามีค่า PE ต่ำมาก แต่ราคาอืดอาดไม่เร้าใจเด็กแนวซะเลย รอบนี้เรื่องของนาโนไฟแนนซ์มีความชัดเจนขึ้นขึ้น โดยแบงก์ชาติมีการพิจารณาคุณสมบัติและประกาศออกมาเป็นรายๆ ไป IFS ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่เคยบอกว่าจับตาดูกันให้ดี บริษัท เล็กๆ จะเหมาะในการทำธุรกิจนี้มากกว่าบริษัทใหญ่ ธุระกรรมประเภทนี้จัดว่าเป็นของรายย่อยซึ่งธนาคารขนาดใหญ่ไม่เข้ามายุ่งแน่ ส่วน IFS นั้นคุณสมบัติน่าสนใจเนื่องจากพอร์ทสินเชื่อที่ไม่ใหญ่ เหมาะกับการทำด้านนี้ ล่าสุดค่า PE ของบริษัทยังต่ำเพียง 13 เท่า จึงมีความเสี่ยงต่ำด้านราคาอีกด้วย ถ้าเรานับ current PE ของกลุ่มบริษัทที่ให้สินเชื่อรายย่อยได้แก่ Aeon, Ktc, ML, Mtls, Sawad จะมีค่าเฉลี่ยที่ 30 เท่า ถ้าให้ IFS แค่ 20 เท่า ราคาก็ต้องมี 6 บาท ไม่ขาดไม่เกิน และน่าจับตาทุนนอกที่จ้องเข้าหาลีสซิ่งไทยด้วย แบบนี้ IFS น่าจะเป็นบริษัทที่ดึงดูใจไม่เบา เพราะขนาดที่พอเหมาะ และธุรกรรมที่เปิดกว้าง ราคาหุ้นที่ยังต่ำจึงน่าสะสม กราฟมีสัญญาณซื้อแนวต้าน 4.40 บาท