- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Monday, 26 March 2018 16:35
- Hits: 3555
บล.เออีซี : SAWAD แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 71.00 บ.
Stock : SAWAD
Price : 62.50
Target Price : 71.00
Rating : BUY
Price : 62.50
Target Price : 71.00
Rating : BUY
ปีนี้พร้อมกลับมาโต ด้วยโครงสร้างธุรกิจใหม่
ผู้บริหารคงเป้าสินเชื่อปี 61 โต 20-30% พร้อมยืนยันความแข็งแกร่งของโครงสร้างใหม่
จากงานประชุมนักวิเคราะห์เราสรุปประเด็นสำคัญได้ว่า 1) ผู้บริหารยังคงเป้าเติบโตของสินเชื่อรวมปี 2561 ที่ 20-30%YoY หนุนด้วยความต้องการเงินด่วนที่ยังมีอยู่มาก และแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา จาก ณ สิ้นปี 2560 มี 2,490 สาขา ซึ่งจะเน้นขยายสาขาใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่บริษัทมีความชำนาญในการดำเนินงาน 2) ผู้บริหารยืนยันว่าการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบันของบริษัทได้ดำเนินอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมาย โดยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบ้านและที่ดินที่มูลค่าน้อยกว่า 10 ล้านบาท จะดำเนินการภายใต้ BFIT ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 ทำให้สามารถคิดดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมเงินได้ 25-28% (ปัจจุบันบริษัทได้ขอให้ลูกค้าปิดสัญญาเดิมที่ S2014 และทำสัญญาใหม่ที่ BFIT ได้ทั้งหมดแล้ว) ขณะที่ บ.ย่อย S2014 ยังคงปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบสัญญากู้ยืมดอกเบี้ย 15% ตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินปี 2560 ร่วมกับสัญญานาโนฯ ซึ่งคิดดอกเบี้ย 34% ตามเกณฑ์ของ ธปท. และสินเชื่อบ้านและที่ดินที่มูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท โดยทำธุรกรรมขายฝาก และ 3) บริษัทเตรียมงบราว 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อประมูลหนี้เสียจากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ รวมทั้งพร้อมกลับมาขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น หลังผ่านช่วงปรับโครงสร้างบริษัท
จากงานประชุมนักวิเคราะห์เราสรุปประเด็นสำคัญได้ว่า 1) ผู้บริหารยังคงเป้าเติบโตของสินเชื่อรวมปี 2561 ที่ 20-30%YoY หนุนด้วยความต้องการเงินด่วนที่ยังมีอยู่มาก และแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา จาก ณ สิ้นปี 2560 มี 2,490 สาขา ซึ่งจะเน้นขยายสาขาใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่บริษัทมีความชำนาญในการดำเนินงาน 2) ผู้บริหารยืนยันว่าการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบันของบริษัทได้ดำเนินอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมาย โดยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบ้านและที่ดินที่มูลค่าน้อยกว่า 10 ล้านบาท จะดำเนินการภายใต้ BFIT ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 ทำให้สามารถคิดดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมเงินได้ 25-28% (ปัจจุบันบริษัทได้ขอให้ลูกค้าปิดสัญญาเดิมที่ S2014 และทำสัญญาใหม่ที่ BFIT ได้ทั้งหมดแล้ว) ขณะที่ บ.ย่อย S2014 ยังคงปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบสัญญากู้ยืมดอกเบี้ย 15% ตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินปี 2560 ร่วมกับสัญญานาโนฯ ซึ่งคิดดอกเบี้ย 34% ตามเกณฑ์ของ ธปท. และสินเชื่อบ้านและที่ดินที่มูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท โดยทำธุรกรรมขายฝาก และ 3) บริษัทเตรียมงบราว 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อประมูลหนี้เสียจากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ รวมทั้งพร้อมกลับมาขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น หลังผ่านช่วงปรับโครงสร้างบริษัท
ปี 61 คาดกำไรกลับมาโตสดใสหลังผ่านพ้นช่วงปรับโครงสร้างบริษัท
สำหรับปี 2561 เรายังคงมุมมองบวกต่อ SAWAD จากผลของการลงทุนปรับโครงสร้างธุรกิจในปีก่อน เพื่อสร้างความชัดเจนในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปตามกรอบกฎหมาย กอปรกับเราคาดฐานสินเชื่อของบริษัทยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 หลังเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมที่ปล่อยผ่าน BFIT มากขึ้น (ดอกเบี้ยสูงกว่าสัญญาเดิมที่อยู่ในรูปแบบสัญญาเช่าซื้อ) อีกทั้งคาด SAWAD จะหันมามุ่งขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกครั้งหลังผ่านพ้นช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน ทำให้เรายังคงคาดปี 2561 SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 3,690 ล้านบาท โต 38.4%YoY และโตต่อ 30.6% ในปี 2562 ได้ตามประมาณการเดิม
สำหรับปี 2561 เรายังคงมุมมองบวกต่อ SAWAD จากผลของการลงทุนปรับโครงสร้างธุรกิจในปีก่อน เพื่อสร้างความชัดเจนในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปตามกรอบกฎหมาย กอปรกับเราคาดฐานสินเชื่อของบริษัทยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 หลังเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมที่ปล่อยผ่าน BFIT มากขึ้น (ดอกเบี้ยสูงกว่าสัญญาเดิมที่อยู่ในรูปแบบสัญญาเช่าซื้อ) อีกทั้งคาด SAWAD จะหันมามุ่งขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกครั้งหลังผ่านพ้นช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน ทำให้เรายังคงคาดปี 2561 SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 3,690 ล้านบาท โต 38.4%YoY และโตต่อ 30.6% ในปี 2562 ได้ตามประมาณการเดิม
ศักยภาพธุรกิจน่าสนใจบวกกับราคาหุ้นที่มี Upside จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
เรายังชอบ SAWAD จากความชัดเจนในโครงสร้างธุรกิจซึ่งช่วยขจัดความกังวลด้านกฎระเบียบออกไป บวกกับคาดผลดำเนินงานปี 2561 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside 13.6% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2561 (วิธี GGM, หลัง XD ) ที่ 71 บาท เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เรายังชอบ SAWAD จากความชัดเจนในโครงสร้างธุรกิจซึ่งช่วยขจัดความกังวลด้านกฎระเบียบออกไป บวกกับคาดผลดำเนินงานปี 2561 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside 13.6% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2561 (วิธี GGM, หลัง XD ) ที่ 71 บาท เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
ออเจ้า SET น่าจะเลือกทางลงแล้วกระมัง! .. ดัชนี SET วานนี้เปิดตลาดบวกแรงกว่า 9 จุด และแกว่งตัวยืนบนแดนบวกตลอดภาคเช้า อย่างไรก็ดีกลับเกิดแรงขายใส่ตลอดช่วงบ่าย ส่งผลให้ดัชนีพลิกกลับมาติดลบ ก่อนปิดสิ้นวันที่ระดับดัชนี 1,798.55 จุด ปรับตัวลดลง 2.88 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 5 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดส่งสัญญาณการพักตัวลงต่อของดัชนี SET สอดคล้องกับดัชนี Dow Jones ที่ปรับตัวลงแรงหลุดกรอบสามเหลี่ยมลงมา โดยในกราฟ 120 นาที SET เกิดสัญญาณเชิงลบทางเทคนิค ทั้งจากเครื่องมือ Modified Stochastic ที่ส่งสัญญาณขายระยะสั้น (%K<%D) , MACD พลิกกลับลงมาต่ำกว่าทั้งเส้น Signal และค่าศูนย์อีกครั้ง ประกอบกับแท่งเทียนล่าสุดปิดหลุดเส้นแนวรับ Upward Slope ลงมา ทำให้เรามีมุมมองว่า วันนี้มีโอกาสที่ดัชนี SET ปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,790 จุด อย่างไรก็ดี SET ยังทิ้ง GAP UP ไว้ที่ดัชนี 1,775 จุด มองเป็นแนวรับถัดไป
คงคำแนะนำถือเงินสดทั้งนักเก็งกำไรระยะสั้น และนักลงทุน รอเสร็จปรับฐานเสร็จ
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรแนะนำถือเงินสด หรือเลือก Trading Short ในตราสารอนุพันธ์
นักลงทุนระยะกลาง : แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรแนะนำถือเงินสด หรือเลือก Trading Short ในตราสารอนุพันธ์
นักลงทุนระยะกลาง : แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
SECTOR FOCUS
SECTOR FOCUS เริ่มสร้างจุดต่ำสูงขึ้น! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT) เป็นกลุ่มที่น่าจะรีบาวด์ต่อได้ โดยกราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีเริ่มยกจุดต่ำสูงขึ้น (Higher Low) ประกอบกับทางเทคนิคเกิดสัญญาณกลับตัวแนวโน้ม Bullish Divergence(แนวโน้มลงเป็นขึ้น) จาก Modified Stochastic และ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นเหนือเส้นศูนย์ จากปัจจัยข้างต้น ทำให้เรามองว่า กลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะดีดตัวไปต่อได้วันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ (TPIPL : แนวรับ 1.70 บาท/แนวต้าน 2.04 บาท , TOA : แนวรับ 35.50 บาท/แนวต้าน 40.00 บาท
SECTOR FOCUS เริ่มสร้างจุดต่ำสูงขึ้น! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT) เป็นกลุ่มที่น่าจะรีบาวด์ต่อได้ โดยกราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีเริ่มยกจุดต่ำสูงขึ้น (Higher Low) ประกอบกับทางเทคนิคเกิดสัญญาณกลับตัวแนวโน้ม Bullish Divergence(แนวโน้มลงเป็นขึ้น) จาก Modified Stochastic และ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นเหนือเส้นศูนย์ จากปัจจัยข้างต้น ทำให้เรามองว่า กลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะดีดตัวไปต่อได้วันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ (TPIPL : แนวรับ 1.70 บาท/แนวต้าน 2.04 บาท , TOA : แนวรับ 35.50 บาท/แนวต้าน 40.00 บาท
STOCK HUNTER
Point of view สร้างฐานให้แน่นก่อนบินสูง! Stock Hunter วันนี้เลือก EASTW ราคาขยับใกล้แนวรับ และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม โดยในกราฟ 120 นาที เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งสัญญาณ Bullish Divergence (กลับตัวจากลงเป็นขึ้น) จาก MACD พร้อมกับ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นเหนือเส้น Signal Line อีกครั้ง ประกอบแนวรับมีนัยสำคัญ จากการลงทดสอบบ่อยครั้งและสามารถยืนเหนือได้ โดยเรามองว่า EASTW จะสร้างฐานพร้อมดีดตัวจากแนวรับขึ้นไปได้อีกครั้ง โดยมองโอกาสรีบาวด์แนวต้าน 13.70 บาท แนวรับ 12.00 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 11.80 บาท
Point of view สร้างฐานให้แน่นก่อนบินสูง! Stock Hunter วันนี้เลือก EASTW ราคาขยับใกล้แนวรับ และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม โดยในกราฟ 120 นาที เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งสัญญาณ Bullish Divergence (กลับตัวจากลงเป็นขึ้น) จาก MACD พร้อมกับ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นเหนือเส้น Signal Line อีกครั้ง ประกอบแนวรับมีนัยสำคัญ จากการลงทดสอบบ่อยครั้งและสามารถยืนเหนือได้ โดยเรามองว่า EASTW จะสร้างฐานพร้อมดีดตัวจากแนวรับขึ้นไปได้อีกครั้ง โดยมองโอกาสรีบาวด์แนวต้าน 13.70 บาท แนวรับ 12.00 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 11.80 บาท
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดกลับมามองดัชนีจะย่อ!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันทำการก่อนหน้า +2.93 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.23 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.23 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.5 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.2 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.1 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.01x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.04x เช่นเดียวกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.18x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.01x ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 2,593 สัญญา ใน Index Futures แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 948 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ลดลงเหลือ 58,243 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันทำการก่อนหน้า +2.93 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.23 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.23 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.5 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.2 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.1 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.01x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.04x เช่นเดียวกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.18x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.01x ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 2,593 สัญญา ใน Index Futures แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 948 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ลดลงเหลือ 58,243 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: คาดหลุดกรอบล่างสามเหลี่ยม!!!
เนื่องจาก S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ดังนั้นเราจะขอ Rollover Contract ไปเป็น S50M18 แทน โดยเมื่อวานนี้ S50M18 เปิดบวกแต่แกว่งลงจนปิด -3.2 จุด เกือบหลุดกรอบล่างของสามเหลี่ยม ซึ่ง Indicator ในกราฟ 120 นาทีส่วนใหญ่ชี้ไปในลักษณะไม่แน่ใจในทิศทางไม่ว่าจะเป็น RSI แกว่งในกรอบ 50%?10% และทั้งค่า MACD และ Signal แกว่งตรงค่าศูนย์ อย่างไรก็ดีเมื่อคืนนี้ดัชนี DOW JONES ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัว -2.93%DoD หลุดกรอบล่างสามเหลี่ยมก่อน ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบ Sentiment เชิงลบให้ SET Index และ SET50 Index รวมถึง S50M18 ปรับตัวลงตาม โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,160 จุด (แนวรับเส้นระนาบ) และ 1,137 จุด (กรอบล่าง Sideway Down)
เนื่องจาก S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ดังนั้นเราจะขอ Rollover Contract ไปเป็น S50M18 แทน โดยเมื่อวานนี้ S50M18 เปิดบวกแต่แกว่งลงจนปิด -3.2 จุด เกือบหลุดกรอบล่างของสามเหลี่ยม ซึ่ง Indicator ในกราฟ 120 นาทีส่วนใหญ่ชี้ไปในลักษณะไม่แน่ใจในทิศทางไม่ว่าจะเป็น RSI แกว่งในกรอบ 50%?10% และทั้งค่า MACD และ Signal แกว่งตรงค่าศูนย์ อย่างไรก็ดีเมื่อคืนนี้ดัชนี DOW JONES ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัว -2.93%DoD หลุดกรอบล่างสามเหลี่ยมก่อน ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบ Sentiment เชิงลบให้ SET Index และ SET50 Index รวมถึง S50M18 ปรับตัวลงตาม โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,160 จุด (แนวรับเส้นระนาบ) และ 1,137 จุด (กรอบล่าง Sideway Down)
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: Trading Short ใน S50M18 คาดหวังปรับตัวลงในกรอบ Sideway Down โดยมี แนวรับที่ 1,160 จุด (แนวรับเส้นระนาบ) และ 1,137 จุด (กรอบล่าง Sideway Down) พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากสูงกว่า 1,186.1 จุด
Outright Trading: Trading Short ใน S50M18 คาดหวังปรับตัวลงในกรอบ Sideway Down โดยมี แนวรับที่ 1,160 จุด (แนวรับเส้นระนาบ) และ 1,137 จุด (กรอบล่าง Sideway Down) พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากสูงกว่า 1,186.1 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: EASTW
Connect the World- (P.2)
สหรัฐฯ ร่วงหนัก หลังโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน
สหรัฐฯ ร่วงหนัก หลังโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบ 1,770-1,800 จุด โดยมองดัชนีปรับลงในทิศทางเดียวกับตาม ตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนวิตกกังวลประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบ 1,770-1,800 จุด โดยมองดัชนีปรับลงในทิศทางเดียวกับตาม ตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนวิตกกังวลประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
Market Factors
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -2.93%DoD หลัง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -1.3%DoD จากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงสองวันก่อนหน้า
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.พ. ของสหรัฐฯ
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -2.93%DoD หลัง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -1.3%DoD จากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงสองวันก่อนหน้า
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.พ. ของสหรัฐฯ
Investment Strategy
เรามองช่วงสั้นนี้ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความกังวลต่อปัญหาการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีต่อ ศก. ทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy โดยเน้นซื้อแนวรับ" ในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่มีปัจจัยบวกรองรับ ดังนี้
1) หุ้นได้ประโยชน์โครงการลงทุนภาครัฐและ EEC : CK, SEAFCO, SYNTEC, WHA, ROJNA
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้นXD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
Fundamental Reports
SAWAD (BUY:TP@71): ปี 61 คาดกำไรกลับมาโต 38.4%YoY หนุนด้วยเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ 20-30% และแผนขยายสาขาอีก 300 สาขา (จาก ณ สิ้นปี 60 มี 2,490 สาขา) บวกกับ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 หลังเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเงินกู้ที่ปล่อยผ่าน BFIT มากขึ้น (คิดดอกเบี้ยได้สูงขึ้น) + Upside 13.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เรามองช่วงสั้นนี้ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความกังวลต่อปัญหาการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีต่อ ศก. ทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy โดยเน้นซื้อแนวรับ" ในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่มีปัจจัยบวกรองรับ ดังนี้
1) หุ้นได้ประโยชน์โครงการลงทุนภาครัฐและ EEC : CK, SEAFCO, SYNTEC, WHA, ROJNA
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้นXD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
Fundamental Reports
SAWAD (BUY:TP@71): ปี 61 คาดกำไรกลับมาโต 38.4%YoY หนุนด้วยเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ 20-30% และแผนขยายสาขาอีก 300 สาขา (จาก ณ สิ้นปี 60 มี 2,490 สาขา) บวกกับ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 หลังเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเงินกู้ที่ปล่อยผ่าน BFIT มากขึ้น (คิดดอกเบี้ยได้สูงขึ้น) + Upside 13.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
Market Talk and News
ERW ([email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 11.9%YoY สอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง และคาดได้อานิสงส์มากสุดจากมาตรการภาษีเที่ยวเมืองรอง อีกทั้งยังมีแผนขึ้นค่าห้องพักราวปีละ 4%YoY และปีนี้จะขยายเครือข่ายโรงแรมอีก 9 แห่ง แบ่งเป็นในไทย6 แห่งและ HOP INN ในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง + Upside 19.2% จึงเลือกเป็น Top Picks กลุ่ม
TACC (BUY: Consensus [email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 25.8%YoY หนุนด้วยแผนพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด 2-3 ผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C + มี Upside 27.1% อีกทั้งมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 60 หุ้นละ 0.09 บาท (XD 25 เม.ย. นี้) คิดเป็น Div. Yield 1.9% จึงแนะนำ "ซื้อ"
ERW ([email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 11.9%YoY สอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง และคาดได้อานิสงส์มากสุดจากมาตรการภาษีเที่ยวเมืองรอง อีกทั้งยังมีแผนขึ้นค่าห้องพักราวปีละ 4%YoY และปีนี้จะขยายเครือข่ายโรงแรมอีก 9 แห่ง แบ่งเป็นในไทย6 แห่งและ HOP INN ในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง + Upside 19.2% จึงเลือกเป็น Top Picks กลุ่ม
TACC (BUY: Consensus [email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 25.8%YoY หนุนด้วยแผนพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด 2-3 ผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C + มี Upside 27.1% อีกทั้งมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 60 หุ้นละ 0.09 บาท (XD 25 เม.ย. นี้) คิดเป็น Div. Yield 1.9% จึงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TISCO , GLOW
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก TISCO , GLOW
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO7006