- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Friday, 16 March 2018 23:57
- Hits: 9195
ช่วง 1H61 คาดกำไรยังโตเด่นสุดในกลุ่ม
ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10%YoY จากทั้งกลุ่มเงินสดและกลุ่มประกันสังคม
วานนี้จากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร BCH เปิดเผยว่า ปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้ค่ารักษาโตไม่ต่ำกว่า 10%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) การรับรู้ผลเต็มปีจากปรับขึ้นค่าบริการของประกันสังคมซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 60 2) WMC คาดมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อหลังช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มแพทย์และศูนย์เฉพาะทางซึ่งลูกค้าต่างชาติตอบรับดี อาทิ ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า, ศูนย์ชะลอวัย, ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง, ศูนย์รักษาข้อและกระดูกศูนย์ (ปี 2560 มี EBITDA +48.5 ล้านบาท และเดือน พ.ย. 60 เริ่มเห็นกำไรครั้งแรก) และ 3) รับรู้ผลการเพิ่มกำลังให้บริการและปรับปรุง รพ. ในเครือ อาทิ การอัพเกรดคลินิกที่แม่สายให้เป็นรพ. ขนาด 30 เตียง ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ ก.พ. 61 ซึ่งคาดสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI 8 ปี, ตั้งแต่ ม.ค. 61 รพ. เกษมราษฎร์ อินเตอร์แนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ได้ยกระดับเป็นศูนย์ส่งต่อฝั่งตะวันตก (รับเฉพาะผู้ป่วยเงินสดและต่างชาติ) และกลุ่มผู้ประกันตนเดิมได้ย้ายไป รพ. เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ (การุณเวช รัตนาธิเบศร์เดิม) แทนแล้วจนล่าสุดมีผู้ประกันตนแล้วราว 1.4 แสนคน และช่วง 4Q61 รพ.เกษมราฏษร์ รามคำแหง (139 เตียง) จะเปิดรับผู้ป่วยกลุ่มประกันสังคมแทน รพ. การุณเวช สุขาภิบาล 3 นอกจากนี้งบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ราว 1.2 พันล้านบาท สำหรับสร้าง รพ. ใหม่ (อ่านรายละเอียดหน้า 2) ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินสดดำเนินงานและการกู้ยืมสถาบันการเงิน
ช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรยังโตเด่นสุดในกลุ่ม ส่วนทั้งปี 61 คาดกำไรโต 14.8%YoY
เรายังคงมุมมองบวกต่อศักยภาพการเติบโตของ BCH โดยช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรโต YoY เด่นสุดในกลุ่ม รพ. ด้วยแรงหนุนหลักจากรับรู้ผลเต็มปีของการปรับขึ้นค่าบริการต่างๆ ของประกันสังคม บวกกับ ยังมีกำลังให้บริการที่เพิ่มขึ้นของ รพ. ในเครือและการระบาดของโรคต่างๆ ในช่วงต้นปี อาทิ ไวรัสโรต้า เป็นต้น ซึ่งช่วยหนุนอัตราเข้ามาใช้บริการของกลุ่มเงินสด อีกทั้ง WMC คาดผลดำเนินงานยังดีขึ้นตามลำดับหลังมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการเพิ่มแพทย์และศูนย์เฉพาะทางในการให้บริการซึ่งสามารถตอบสนองลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและออสเตรเลีย โดยทังปี 2561 เราคงคาด BCH จะมีกำไรสุทธิ 1,053 ล้านบาท โต 14.8%YoY ตามประมาณการเดิม
ราคาหุ้นมี Upside 13.4% และมีปันผลจ่าย 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.) คงแนะนำ ซื้อ
ด้วยความหลากหลายของฐานลูกค้าที่ทำให้มีหลายปัจจัยขับเคลื่อนหนุนให้กำไรยังมีทิศทางเป็น ขาขึ้น และราคาหุ้นยังมี Upside 13.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 (อิงวิธี DCF) ที่ 18.60 บาท อีกทั้งยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง 2H60 อีก 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.) จึงคงแนะนำ ซื้อ
วานนี้จากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร BCH เปิดเผยว่า ปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้ค่ารักษาโตไม่ต่ำกว่า 10%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) การรับรู้ผลเต็มปีจากปรับขึ้นค่าบริการของประกันสังคมซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 60 2) WMC คาดมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อหลังช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มแพทย์และศูนย์เฉพาะทางซึ่งลูกค้าต่างชาติตอบรับดี อาทิ ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า, ศูนย์ชะลอวัย, ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง, ศูนย์รักษาข้อและกระดูกศูนย์ (ปี 2560 มี EBITDA +48.5 ล้านบาท และเดือน พ.ย. 60 เริ่มเห็นกำไรครั้งแรก) และ 3) รับรู้ผลการเพิ่มกำลังให้บริการและปรับปรุง รพ. ในเครือ อาทิ การอัพเกรดคลินิกที่แม่สายให้เป็นรพ. ขนาด 30 เตียง ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ ก.พ. 61 ซึ่งคาดสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI 8 ปี, ตั้งแต่ ม.ค. 61 รพ. เกษมราษฎร์ อินเตอร์แนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ได้ยกระดับเป็นศูนย์ส่งต่อฝั่งตะวันตก (รับเฉพาะผู้ป่วยเงินสดและต่างชาติ) และกลุ่มผู้ประกันตนเดิมได้ย้ายไป รพ. เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ (การุณเวช รัตนาธิเบศร์เดิม) แทนแล้วจนล่าสุดมีผู้ประกันตนแล้วราว 1.4 แสนคน และช่วง 4Q61 รพ.เกษมราฏษร์ รามคำแหง (139 เตียง) จะเปิดรับผู้ป่วยกลุ่มประกันสังคมแทน รพ. การุณเวช สุขาภิบาล 3 นอกจากนี้งบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ราว 1.2 พันล้านบาท สำหรับสร้าง รพ. ใหม่ (อ่านรายละเอียดหน้า 2) ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินสดดำเนินงานและการกู้ยืมสถาบันการเงิน
ช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรยังโตเด่นสุดในกลุ่ม ส่วนทั้งปี 61 คาดกำไรโต 14.8%YoY
เรายังคงมุมมองบวกต่อศักยภาพการเติบโตของ BCH โดยช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรโต YoY เด่นสุดในกลุ่ม รพ. ด้วยแรงหนุนหลักจากรับรู้ผลเต็มปีของการปรับขึ้นค่าบริการต่างๆ ของประกันสังคม บวกกับ ยังมีกำลังให้บริการที่เพิ่มขึ้นของ รพ. ในเครือและการระบาดของโรคต่างๆ ในช่วงต้นปี อาทิ ไวรัสโรต้า เป็นต้น ซึ่งช่วยหนุนอัตราเข้ามาใช้บริการของกลุ่มเงินสด อีกทั้ง WMC คาดผลดำเนินงานยังดีขึ้นตามลำดับหลังมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการเพิ่มแพทย์และศูนย์เฉพาะทางในการให้บริการซึ่งสามารถตอบสนองลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและออสเตรเลีย โดยทังปี 2561 เราคงคาด BCH จะมีกำไรสุทธิ 1,053 ล้านบาท โต 14.8%YoY ตามประมาณการเดิม
ราคาหุ้นมี Upside 13.4% และมีปันผลจ่าย 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.) คงแนะนำ ซื้อ
ด้วยความหลากหลายของฐานลูกค้าที่ทำให้มีหลายปัจจัยขับเคลื่อนหนุนให้กำไรยังมีทิศทางเป็น ขาขึ้น และราคาหุ้นยังมี Upside 13.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 (อิงวิธี DCF) ที่ 18.60 บาท อีกทั้งยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง 2H60 อีก 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.) จึงคงแนะนำ ซื้อ
มองปี 61 คาดกำไรโตเด่น หนุนด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 20-25%YoY จากดีมานต์ที่สูงขึ้นทั้งในไทยและ CLMV
จากงานประชุมนักวิเคราะห์เราสรุปสาระสำคัญจากผู้บริหารของ JKN ได้ดังนี้ 1) บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้โต 20-25%YoY หนุนด้วยดีมานต์ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ย์เอเชียที่สูงขึ้นมาก ทั้งซีรี่ย์อินเดียที่บริษัทเป็นผู้กุมลิขสิทธิ์รายใหญ่ในไทย และซีรี่ย์ฟิลิปปินส์ที่กำลังเริ่มทำตลาดในไทยมากขึ้น ด้วยจุดเด่นด้านความแปลกใหม่และต้นทุนลิขสิทธิ์ที่ต่ำกว่าการทำ In-house production ราว 30% ทำให้ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี อีกทั้งบริษัทยังสนับสนุนลูกค้าด้วยการทำ Super Star Marketing (นำศิลปินดังมาพากย์เสียงหรือร้องเพลงประกอบซีรี่ย์) ช่วยให้ซี่รีย์ต่างๆ ของบริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น 2) คาดมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเพียง 8% ในปี 2560 หลังเตรียมรุกขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในกลุ่มประเทศ CLMV และเริ่มนำลิขสิทธิ์ของคอนเทนต์ไทยไปนำเสนอในเทศกาลหนังนานาชาติมากขึ้น 3) สำหรับโครงการ JKN CNBC Phase 1 เริ่มสร้างรายได้แล้วบางส่วน จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์ของ Branded Program (คอนเทนต์จาก CNBC ที่บริษัทนำมาแปลและขาย) อีกทั้งตั้งแต่ช่วง 3Q61 จะเริ่มทำ Localized รายการของ CNBC เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับคอนเทนต์ข่าวของ JKN และ 4) บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ 975 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ใหม่ 800 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายของโครงการ CNBC 125 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายระบบบริหารสิทธิ์อีก 50 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
ปี 61 คาด JKN มีกำไรโตเด่น 51.5%YoY จากยอดขายคอนเทนต์ที่โตดีและค่าใช้จ่ายลดลง
เรายังคงมุมมองบวกต่อทิศทางธุรกิจของ JKN ในปี 2561 หลังเม็ดเงินโฆษณาในดิจิตอลทีวีเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว (ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. โต 16.7%YoY) คาดทำให้ผู้ให้บริการดิจิตอลทีวีเริ่มกลับมาจัดหาคอนเทนท์ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดคนดูมากขึ้น ขณะที่ข้อจำกัดด้านต้นทุนของผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นปัจจัยหนุนความต้องการคอนเทนต์ของบริษัทที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้ากลุ่มรองลงมา (ซีรี่ย์ Re-run, ซี่รี่ย์ต้นทุนผลิตไม่สูง) นอกจากนี้คาดค่าใช้จ่ายในการบริหารจะลดลง หลังไม่มีการบันทึกค่าที่ปรึกษาทางการเงินเช่นปีก่อน อีกทั้งคาดค่าใช้จ่ายในการขยายกำลังคนจะเริ่มชะลอตัวลง ทำให้เรายังคาดปี 2561 JKN จะมีกำไรสุทธิ 284 ล้านบาท โต 51.5%YoY และโตต่อ 20.9%YoY ในปี 2562 ได้ตามประมาณการเดิม
ราคาหุ้นยังมี Upside พร้อมแจกวอแรนท์สัดส่วน 5 หุ้น : 1 JKN-W1 จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
เราชอบ JKN จากความสามารถในการจัดหาคอนเทนต์ซี่รีย์ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำสัญญา Output Deal กับค่ายผลิตซีรี่ย์ใหญ่ในเอเชีย โดยแม้ล่าสุดบริษัทเตรียมออก JKN-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นสามัญ : 1 Warrant โดยไม่คิดมูลค่า ไม่เกิน 108 ล้านหน่วย (อัตราใช้สิทธิ 1:1, ราคาใช้สิทธิ 15 บาท, อายุ 2 ปี) ซึ่งหากมีการใช้สิทธิครบจำนวนจะเกิด Control และ Price Dilution ราว 16.67% และ 1.24% ตามลำดับ (XW 2 พ.ค.) แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 15.1% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2561 ที่ 16.80 บาท (วิธี DCF ภายใต้สมมติฐานให้ผู้ถือ Warrant ใช้สิทธิ 54 ล้านหุ้นในปี 2561 และอีก 54 ล้านหุ้นในปี 2562) จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK :
พักตัวออกข้าง สะสมกำลังใหม่! .. ดัชนี SET วานนี้ปรับตัวบวกขึ้นต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวในลักษณะ Sideway กรอบแคบ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.68 จุด ที่ระดับดัชนี 1,816.08 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 6.1 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดยังคงเป็นบวก หลังกลับมายืนในกรอบ Uptrend Channel อย่างไรก็ดีดัชนี SET ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน โดยทดสอบแนวต้าน 1,820 จุด แต่ยังไม่ยืนทะลุแนวดังกล่าว ในกราฟ 120 นาที เริ่มฟ้องอาการอ่อนตัว แท่งเทียนยังไม่สามารถปิดเหนือแนวต้านได้ ประกอบกับแท่งเทียนทำหางยาว Long Upper Shadow บริเวณแนวต้าน และ MACD เริ่มโค้งตัวลง ทำให้เรามองว่าวันนี้ มีโอกาสที่ดัชนี SET มีโอกาสพักตัว โดยมองว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,795 - 1,820 จุด เป็นลักษณะของการสะสมกำลังก่อนไปต่อ ฉะนั้นเรามองว่าเป็นโอกาสอีกครั้ง สำหรับทั้งนักเก็งกำไร และนักลงทุนที่จะซื้อกลับ หรือทะยอยสะสมหุ้น โดยมีกรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด อย่างไรก็ดี ดัชนีไม่ควรวกกลับมาเทรดต่ำกว่า 1,785 จุดอีก เพราะจะทำให้ภาพตลาดกลับมาดูแย่ลง และยิ่งมีความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นตามมา
STRATEGY :
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำถือต่อ ส่วนกรณีไม่มีหุ้นซื้อเมื่อย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด มีแนวต้าน 1,820 จุด ทั้งนี้หากปิดหลุด 1,785 จุด Cut Loss ก่อน
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นถือต่อ กรณีไม่มีหุ้นเริ่มซื้อสะสม เมื่อ SET ย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด โดยมีเป้าหมายที่ 1,852 จุด(All Time High) หรือกรอบบน Uptrend
จุด Cut loss รอบนี้เมื่อหลุด 1,785 จุด
SECTOR FOCUS :
SECTOR RECOMMEND สัปดาห์ของกลุ่มท่องเที่ยว! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มท่องเที่ยว TOURISM เป็นกลุ่มที่มีลุ้นรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ หลังสัปดาห์ก่อนหน้านี้ปรับตัวลงแรง กราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีดีดตัวขึ้นมาจากแนวรับกรอบล่าง แล้วยังคงมีแนวโน้มไปต่อ โดยแท่งเทียน Big White ล่าสุด ประกอบกับสัญาณซื้อจาก Modified Stochastic และ MACD เองเริ่มโค้งตัวตัดขึ้นเหนือ Signal Line ล้วนเป็นปัจจัยเชิงบวก ที่สนับสนุนมุมมองข้างต้น โดยมี TOP PICK ดังนี้ CENTEL (รับ: 47 บ./ต้าน 51.50 บ.) และ MINT (รับ 38.50บ./ต้าน: 42 บ.)
STOCK HUNTER :
Point of view Break out เต็มแท่ง! Stock Hunter วันนี้เลือก HUMAN หลังหุ้นดีดตัวเบรคเส้น Downward Slope ขึ้นมาวันแรก โดยกราฟรายวันล่าสุด แท่งเทียนปิดเขียวเต็มแท่ง (Marubozu) พร้อมกับสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค Modified Stochastic เกิดสัญญาณซื้อ (%K>%D) ขณะที่ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้น สนับสนุนมุมมองหุ้นวิ่งต่อ มี Previous High 13.80 บาท เป็นเป้าหมายการไต่ราคารอบนี้ โดยมีแนวรับ 11.00 บาท หากหลุด 10.50 บาท ให้ Stop Loss ยังคงมี Upside เหลืออยู่ค่อนข้างมาก ทำให้เรามองว่า HUMAN ราคานี้เป็นจังหวะ Follow Buy ที่ดีอยู่พอสมควร
นักวิเคราะห์เทคนิค : อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : AECS Daily Focus
Trading Idea : HUMAN
Connect the World- (P.2)
ดาวโจนส์ปิดบวกท่ามกลางความกังวลในเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯ และจีน
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบ 1,800-1,825 จุด โดยดัชนีมีโอกาส Sideway Up หลังเริ่มมีแรงซื้อกลับของต่างชาติ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มสื่อสารและกลุ่มทีวีดิทัล
Market Factors
(+) ตลาดหุ้น DJIA ปิด +0.47%DoD หลังข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง
(+) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด +0.4%DoD หลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกปีนี้
(+) วันที่ 27 มี.ค.นี้ กสทช.เล็งเสนอครม.ผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900MHz ให้แบ่งชำระ 5 ปี จ่ายปีละประมาณ 1.3 หมื่น ลบ. เป็นผลบวกต่อ ADVANC, TRUE
(+) วันที่ 27 มี.ค. นี้กสทช. เตรียมเสนอ คสช. ใช้ม.44 ช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล โดยออกมาตรการพักชำระหนี้ค่าธรรมเนียม 3 ปีและลดค่าเช่าโครงข่าย 50% นาน 2 ปี
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง ก.พ., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น มี.ค.,การผลิตอุตสาหกรรม ก.พ.
Investment Strategy
แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ระหว่างจับตานโยบายการค้าของสหรัฐและผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. นี้ (Bloomberg Consensus 92% คาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75%)แต่เนื่องด้วยระยะกลาง-ยาวพื้นฐาน ศก.ไทยยังมีความแข็งแกร่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "ทยอยซื้อสะสมหุ้นมีปัจจัยบวก" ดังนี้
1) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน มี.ค. - พ.ค. นี้ จะขึ้นเครื่องหมาย XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, ASP, AIT, SC, AP, LH
2) หุ้นอิงการบริโภคและศก. ไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น : KBANK, BBL, SCB, BJC, CPALL
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, CENTEL, ERW
4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากก สทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
Fundamental Reports
JKN (BUY:[email protected]) : ปี61คาดกำไรโต 22.7%YoY หนุนด้วยดีมานต์ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ซีรี่ย์เอเชียที่โตดีและแผนรุกตลาด CLMV ที่โตดีพร้อมรุกขยายตลาดกลุ่ม CLMV มากขึ้น +Upside 15.1% และแจก JKN-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา5 หุ้นสามัญ :1 warrant จำนวน108 ล้านหน่วย (อัตราใช้สิทธิ 1:1,ราคาใช้สิทธิ 15 บาท,อายุ 2 ปี,XW 2 พ.ค.) แนะนำ "ซื้อ"
BCH ([email protected]) : ช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรโต YoY เด่นสุดในกลุ่มจากรับรู้ผลเต็มปีการขึ้นค่าบริการของประกันสังคมบวกกับการมีกำลังให้บริการที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของโรคต่างๆในช่วงต้นปีหนุนอัตราใช้บริการกลุ่มเงินสดอีกทั้งWMC คาดผลดำเนินงานยังดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนปี 61 คาดกำไรโต 14.8%YoY + Upside 13.4% และมีปันผล 0.12 บาท
Market Talk and News
TSR ([email protected]):ปี 61 คาดกำไรโตต่อ 53.8%YoY จากแผนเพิ่มช่องจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์แผนเพิ่มสาขาในประเทศแผนเพิ่มทีมขายเพื่อรุกตลาดลาวและนโยบายคุมเข้มสินเชื่อเพื่อลดค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญฯ + Upside 49.3% อีกทั้งมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 60 ที่ 0.08 บาท คิดเป็น Div.Yield 3.0% (XD 4 พ.ค.) จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BEC , MCOT
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6592
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6592