- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Thursday, 08 February 2018 20:21
- Hits: 2009
เด็กแนว PRIN - Book value สูงมาก
ปี 60 ถือว่าเป็นช่วงที่ดีของบริษัท เนื่องจากทำกำไรได้ดีสุดในรอบ 4 ปี และยังมีของในมืออีกเพียบที่พร้อมจะโอนขาย จุดเด่นมากอีกสองประการก็คือมีค่า PE ต่ำเพียง 6.8 เท่า และมี Book valueระดับ 3.30 บาทเทียบราคาปัจจุบัน 1.76 บาทแล้วต่างกันลิบ ถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างถูก และ Undervalue อย่างมากที่สุดตัวหนึ่งในกลุ่ม
สำหรับใน Q3 ประทับใจมากเพราะยอดขายโต 95% จากบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ ขายดิบขายดีอย่างเห็นได้ชัดจึงทำให้มีอัตรากำไรค่อนข้างดี เราจึงต้องมาวัดกันว่า Q4 จะยังคงร้อนแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างต่ำและน่าเก็งกำไรในภาวะแบบนี้ ส่วนกราฟลงสู่แนวรับที่เคยดีดตัวแรงมาแล้ว และส่งสัญญาณปรับขึ้น ตรงนี้จึงเป็นไม้ต้นๆ ของรอบฟื้นตัว มองแนวต้าน 1.95 บาท วิ่งแป๊บเดียวก็ถือแล้วนะ
สำหรับใน Q3 ประทับใจมากเพราะยอดขายโต 95% จากบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ ขายดิบขายดีอย่างเห็นได้ชัดจึงทำให้มีอัตรากำไรค่อนข้างดี เราจึงต้องมาวัดกันว่า Q4 จะยังคงร้อนแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างต่ำและน่าเก็งกำไรในภาวะแบบนี้ ส่วนกราฟลงสู่แนวรับที่เคยดีดตัวแรงมาแล้ว และส่งสัญญาณปรับขึ้น ตรงนี้จึงเป็นไม้ต้นๆ ของรอบฟื้นตัว มองแนวต้าน 1.95 บาท วิ่งแป๊บเดียวก็ถือแล้วนะ
FC แฟนคลับ แฟนใคร
เรื่องเดิมอยู่ที่ว่า FC ประกาศเพิ่มทุนก้อนโต เพื่อให้ได้เงินราว 4 พันล้านบาทนำไปจ่ายค่าซื้อโรงไฟฟ้าจากนักธุรกิจชื่อดัง 2 ท่าน จากนั้นโรงไฟฟ้าจำนวน 200 MW จะเข้ามาเป็นของ FC โดยจัดตั้งบริษัทใหม่เข้าไปถือ ทันทีที่ดีลนี้จบ การรับรู้รายได้จะเกิดทันที เพราะจำนวนกว่า 90 MW จ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ว ที่เหลือก็ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ
เดือนมีนาคม แฟนคลับของ FC จะต้องร่วมกันตัดสินในวันประชุมผู้ถือหุ้นว่าจะเอาตามนี้หรือไม่ ถ้าตกลงยกมือให้ อนาคตของแฟนฉันน่าจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้า แทนธุรกิจอาหารในเวลาไม่นาน เพราะรายได้จากการขายไฟ จะมีนัยยะสำคัญกว่ารายได้เดิม สิ่งทีเด็กแนวมองก็คือว่าหุ้นตัวนี้ราคายังจัดว่าถูกหากมองในแง่ของการประเมินระยะยาวตามอายุโรงไฟฟ้าราว 20 ปี ราคาหุ้นควรจะไปไกลกว่านี้มาก ลองย้อนไปหาบทความเด็กแนวในระยะที่ผ่านมาเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้จะเห็นมุมมองอนาคต ส่วนระยะสั้นตรงนี้กราฟแนวโน้ม 0.65 บาท สัญญาณซื้อเต็มๆ
เรื่องเดิมอยู่ที่ว่า FC ประกาศเพิ่มทุนก้อนโต เพื่อให้ได้เงินราว 4 พันล้านบาทนำไปจ่ายค่าซื้อโรงไฟฟ้าจากนักธุรกิจชื่อดัง 2 ท่าน จากนั้นโรงไฟฟ้าจำนวน 200 MW จะเข้ามาเป็นของ FC โดยจัดตั้งบริษัทใหม่เข้าไปถือ ทันทีที่ดีลนี้จบ การรับรู้รายได้จะเกิดทันที เพราะจำนวนกว่า 90 MW จ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ว ที่เหลือก็ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ
เดือนมีนาคม แฟนคลับของ FC จะต้องร่วมกันตัดสินในวันประชุมผู้ถือหุ้นว่าจะเอาตามนี้หรือไม่ ถ้าตกลงยกมือให้ อนาคตของแฟนฉันน่าจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้า แทนธุรกิจอาหารในเวลาไม่นาน เพราะรายได้จากการขายไฟ จะมีนัยยะสำคัญกว่ารายได้เดิม สิ่งทีเด็กแนวมองก็คือว่าหุ้นตัวนี้ราคายังจัดว่าถูกหากมองในแง่ของการประเมินระยะยาวตามอายุโรงไฟฟ้าราว 20 ปี ราคาหุ้นควรจะไปไกลกว่านี้มาก ลองย้อนไปหาบทความเด็กแนวในระยะที่ผ่านมาเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้จะเห็นมุมมองอนาคต ส่วนระยะสั้นตรงนี้กราฟแนวโน้ม 0.65 บาท สัญญาณซื้อเต็มๆ
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
MARKET OUTLOOK
ดัชนี SET หลังจากที่ลงแรงมาสองวันติดต่อกัน เมื่อวานจึงดีดตัวสู้ตามที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเปิดตลาด แต่การขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่บริเวณ 1,806 จุด ยังไม่ทันจะถึงฝั่งฝันก็โดนขายใส่ไม่ยั้ง ส่งผลให้ดัชนีไหลลงในช่วงบ่ายและปิดสิ้นวันไปที่ 1,788.43 จุด กลับมาติดลบต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่สาม เริ่มส่งสัญญาณอาการไม่สู้ออกมาให้เห็น ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคอย่าง Modified Stochastic กลับมาโค้งตัวลงส่งผลให้เราให้น้ำหนักที่ SET จะแกว่งตัวลงมากกว่า ฉะนั้นหากเกิดการเด้งสู้ในระหว่างวัน สำหรับผู้มีหุ้น เราแนะนำควรขายถือเงินสดเพื่อรอดูจังหวะที่ได้เปรียบกว่าในการเข้าซื้อคืน ทั้งนี้นักลงทุนควรระวังใกล้ชิดวันนี้โดยหากดัชนีทำแท่งแดงแล้วปิดลบต่อ จะทำให้ภาพเทคนิคยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น โดยหากหลุดแนวรับ 1,780 จุด จะทำให้แนวโน้มดัชนีมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,753 จุด
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : การเก็งกำไรสำหรับผู้ที่มีหุ้น ระวังอย่าให้หลุดแนวรับ 1,780 จุด หากหลุดควรขายเพื่อรอซื้อกลับโดยมองว่า SET น่าจะแกว่งตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมบริเวณ 1,753 จุด
นักลงทุนระยะกลาง : ระมัดระวังการปรับฐานต่อเนื่องของตลาด เน้นให้นักลงทุนถือเงินสดต่อเพื่อรอซื้อบริเวณกรอบแนวรับสำคัญในระยะกลาง 1,753
นักลงทุนระยะสั้น : การเก็งกำไรสำหรับผู้ที่มีหุ้น ระวังอย่าให้หลุดแนวรับ 1,780 จุด หากหลุดควรขายเพื่อรอซื้อกลับโดยมองว่า SET น่าจะแกว่งตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมบริเวณ 1,753 จุด
นักลงทุนระยะกลาง : ระมัดระวังการปรับฐานต่อเนื่องของตลาด เน้นให้นักลงทุนถือเงินสดต่อเพื่อรอซื้อบริเวณกรอบแนวรับสำคัญในระยะกลาง 1,753
SECTOR FOCUS
SECTOR Recommended PROF กลุ่มบริการเฉพาะกิจ โดยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยบวก 0.910จุด ขณะที่ภาพรวมตลาดยังผันผวนปิดลบในช่วงท้ายตลาด ทั้งนี้มีสัญญาณการดีดตัวจากสัญญาณ Bullish Divergence ในโซนที่มีการขายมากเกินไป (Oversold) จึงทำให้เราประเมินว่าอาจเกิดการ ดีดตัวขึ้นระหว่างวันได้ โดยเราเลือกกลุ่มบริการเฉพาะกิจอย่างกลุ่มโรงหนัง และภาพยนตร์เป็นตัว ชูโรง ทั้งนี้มีหุ้นที่น่าติดตามอย่าง MAJOR , MPIC
SECTOR Recommended PROF กลุ่มบริการเฉพาะกิจ โดยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยบวก 0.910จุด ขณะที่ภาพรวมตลาดยังผันผวนปิดลบในช่วงท้ายตลาด ทั้งนี้มีสัญญาณการดีดตัวจากสัญญาณ Bullish Divergence ในโซนที่มีการขายมากเกินไป (Oversold) จึงทำให้เราประเมินว่าอาจเกิดการ ดีดตัวขึ้นระหว่างวันได้ โดยเราเลือกกลุ่มบริการเฉพาะกิจอย่างกลุ่มโรงหนัง และภาพยนตร์เป็นตัว ชูโรง ทั้งนี้มีหุ้นที่น่าติดตามอย่าง MAJOR , MPIC
STOCK HUNTER
Point of view สำหรับหุ้น TNR ฟอร์มตัวปิดแท่งเขียวแรกขึ้นมาได้โดยบวกกว่า 2.67% โชว์ความแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ปิดลบในช่วงบ่าย เนื่องจากหุ้นอยู่ในภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป) ประกอบกับเริ่มมีสัญญาณดีดตัวอย่าง Bullish Divergence ทำให้เราหันมามองเจ้า TNR ที่จะเดินหน้าต่อไปทดสอบแนวต้านแรกที่ 15.70 และมีเป้าหมายของการดีดตัวรอบนี้ที่ราคา 16.50 จึงถือว่ายังมีช่องว่างของการขึ้นต่ออยู่พอตัว
Point of view สำหรับหุ้น TNR ฟอร์มตัวปิดแท่งเขียวแรกขึ้นมาได้โดยบวกกว่า 2.67% โชว์ความแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ปิดลบในช่วงบ่าย เนื่องจากหุ้นอยู่ในภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป) ประกอบกับเริ่มมีสัญญาณดีดตัวอย่าง Bullish Divergence ทำให้เราหันมามองเจ้า TNR ที่จะเดินหน้าต่อไปทดสอบแนวต้านแรกที่ 15.70 และมีเป้าหมายของการดีดตัวรอบนี้ที่ราคา 16.50 จึงถือว่ายังมีช่องว่างของการขึ้นต่ออยู่พอตัว
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ฝรั่งกดขายทั้ง 2 ตลาด ติดต่อเป็นวันที่สาม!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 1.04 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.04 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ -2.05 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (2 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) ปิดลดลง 0.1 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -4.9 จุด เข้าใกล้ Theory Spread ที่ -5.04 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.89x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.36x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.00x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติ Net Short 4,153 สัญญา ใน Index Futures และมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้น 3,537 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ราว 22,621 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 1.04 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.04 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ -2.05 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (2 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) ปิดลดลง 0.1 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -4.9 จุด เข้าใกล้ Theory Spread ที่ -5.04 จุด
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.89x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.36x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.00x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติ Net Short 4,153 สัญญา ใน Index Futures และมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้น 3,537 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ราว 22,621 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: แรงรีบาวด์อ่อนกว่าที่คาด!!!
เมื่อวานนี้ S50H18 พยายามขึ้นไปปิด Gap แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,166 จุด เพราะเจอแรงขายกดดัชยีย่อลง จนปิดลบ 3.7 จุด ทั้งนี้จากกราฟ 120 นาที เราพบสัญญาณ Rebound ของ S50H18 ที่ไม่แข็งแรงพอจะกลับให้ดัชนีไปเป็นทิศทางแนวโน้มขาขึ้น เพราะ RSI พลิกกลับมาย่อลง เช่นเดียวกับ Modified Stochastic ที่ เริ่มโค้งตัวลง ดังนั้นวันนี้ต้องจับตาแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดมีโอกาสลงต่อตามสัญญาณขายที่ยังคงมีอยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
เมื่อวานนี้ S50H18 พยายามขึ้นไปปิด Gap แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,166 จุด เพราะเจอแรงขายกดดัชยีย่อลง จนปิดลบ 3.7 จุด ทั้งนี้จากกราฟ 120 นาที เราพบสัญญาณ Rebound ของ S50H18 ที่ไม่แข็งแรงพอจะกลับให้ดัชนีไปเป็นทิศทางแนวโน้มขาขึ้น เพราะ RSI พลิกกลับมาย่อลง เช่นเดียวกับ Modified Stochastic ที่ เริ่มโค้งตัวลง ดังนั้นวันนี้ต้องจับตาแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดมีโอกาสลงต่อตามสัญญาณขายที่ยังคงมีอยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: นักลงทุนที่มีสถานะ Long ก่อนหน้านี้ระวังหลุดแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดปิดสถานะออกมาก่อน (Stop Loss) แล้วเปลี่ยนทิศทางเป็นกลยุทธ์ขาลง หวังแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
Outright Trading: นักลงทุนที่มีสถานะ Long ก่อนหน้านี้ระวังหลุดแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดปิดสถานะออกมาก่อน (Stop Loss) แล้วเปลี่ยนทิศทางเป็นกลยุทธ์ขาลง หวังแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: TNR
เด็กแนว: PRIN , FC
AECS Daily Focus
Trading Idea: TNR
เด็กแนว: PRIN , FC
Connect the World- (P.2)
ติดตามประเด็น US Government Shutdown ในคืนนี้
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบระหว่าง 1,775 - 1,800 จุด โดยดัชนีอยู่ในช่วงปรับฐานและการดีดตัวขึ้นแรงยังทำได้ยากหลังยังจับตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ และรอปัจจัยใหม่ๆ
ติดตามประเด็น US Government Shutdown ในคืนนี้
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบระหว่าง 1,775 - 1,800 จุด โดยดัชนีอยู่ในช่วงปรับฐานและการดีดตัวขึ้นแรงยังทำได้ยากหลังยังจับตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ และรอปัจจัยใหม่ๆ
Market Factors
(-) ดัชนี DJIA ปิด -0.08%DoD หลังยังกังวลเงินเฟ้อและ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
(-) ราคาน้ำมัน WTI ปิด -2.5%DoD หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น
(+) FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นในอีก3เดือนข้างหน้า (เม.ย. 61) ปรับขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 3 โดยอยู่ที่1 56.62 อยู่ในเกณฑ์ Bullish หลังเงินทุนไหลเข้า, ศก. ไทยและงบ บจ. ดีขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก. สำคัญ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ, ดุลการค้า ม.ค. จีนและผลประชุมนโยบายการเงินของ BOE
(-) ดัชนี DJIA ปิด -0.08%DoD หลังยังกังวลเงินเฟ้อและ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
(-) ราคาน้ำมัน WTI ปิด -2.5%DoD หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น
(+) FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นในอีก3เดือนข้างหน้า (เม.ย. 61) ปรับขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 3 โดยอยู่ที่1 56.62 อยู่ในเกณฑ์ Bullish หลังเงินทุนไหลเข้า, ศก. ไทยและงบ บจ. ดีขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก. สำคัญ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ, ดุลการค้า ม.ค. จีนและผลประชุมนโยบายการเงินของ BOE
Investment Strategy
เรามองช่วงสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนและอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวอยู่ระดับสูงที่ 2.84% ยังเป็นแรงกดดันความน่าสนใจลงทุนในทั้งตลาดตราสารหนี้, ตลาดทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ภายใต้ตลาดหุ้นไทยที่คงต้องเผชิญความผันผวนระยะสั้น โดยคาด Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลออกจะกดดันให้เกิดแรงขายหุ้น Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ"เน้นซื้อแนวรับไม่ไล่ราคา" ในหุ้นกลุ่มอื่นที่น่าสนใจ ดังนี้
1) หุ้นได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว (ดอลลาร์แข็งค่า)ได้แก่SVI, HANA, KCE, DELTA, CPF, GFPT,TU, SMPC
2) หุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากศก.ฟื้น ได้แก่ KBANK, BBL, ROBINS, BJC
3) หุ้นที่ให้คาดเป็นหลุมหลบภัย (Safe heaven) โดยให้ Div. Yield เกิน 4% ได้แก่ SC, MCS, KKP, TISCO, GLOW, EGCO, RATCH
4) หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดกำไร 4Q60 โตดี YoY ได้แก่ ERW, BCH, HARN, JWD
เรามองช่วงสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนและอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวอยู่ระดับสูงที่ 2.84% ยังเป็นแรงกดดันความน่าสนใจลงทุนในทั้งตลาดตราสารหนี้, ตลาดทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ภายใต้ตลาดหุ้นไทยที่คงต้องเผชิญความผันผวนระยะสั้น โดยคาด Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลออกจะกดดันให้เกิดแรงขายหุ้น Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ"เน้นซื้อแนวรับไม่ไล่ราคา" ในหุ้นกลุ่มอื่นที่น่าสนใจ ดังนี้
1) หุ้นได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว (ดอลลาร์แข็งค่า)ได้แก่SVI, HANA, KCE, DELTA, CPF, GFPT,TU, SMPC
2) หุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากศก.ฟื้น ได้แก่ KBANK, BBL, ROBINS, BJC
3) หุ้นที่ให้คาดเป็นหลุมหลบภัย (Safe heaven) โดยให้ Div. Yield เกิน 4% ได้แก่ SC, MCS, KKP, TISCO, GLOW, EGCO, RATCH
4) หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดกำไร 4Q60 โตดี YoY ได้แก่ ERW, BCH, HARN, JWD
Market Talk and News
GPI ([email protected]): ช่วง 4Q60 คาดขาดทุนลดเหลือ 19.5 ลบ. จาก 4Q59 ขาดทุน 22.5 ลบ. จากความนิยมที่มากขึ้นในกิจกรรมแข่งขันเครื่องบิน "Air Race 1" ส่วนทั้งปี 60 คาดกำไรโต16.1%YoY และโตต่อ15.0%YoY ในปี 61 จากรับงานพิมพ์พิเศษเพิ่มขึ้นและธุรกิจยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัว + Upside 47.8% และคาดให้ Div.Yield ปี 60 ที่ 3.6% จึงแนะนำ "ซื้อ"
JWD (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้งYoY และ QoQ หนุนด้วยอัตราเช่าคลังสินค้าที่สูงขึ้นตามส่งออกไทยที่สดใสพร้อมรับรู้ผลลงทุนใน OAI เต็มไตรมาสครั้งแรกหนุนปี 60 คาดพลิกมีกำไร 214 ลบ. และโตต่อ 20.5%YoY ในปี 61 จากแผนลงทุนขยายคลังสินค้าในอาเซียนร่วมกับพันธมิตร + Upside 14.3% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
TNR (BUY:Consensus [email protected]) : แม้ปี 60 คาดกำไรหด 16.6%YoY แต่จะพลิกโต58.9%YoY ในปี 61 ด้วยแผนขยายฐานลูกค้า OEM ในต่างประเทศและแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายของกลุ่มธุรกิจสินค้าOwn Brand ทั้ง ONETOUCH และNiptex + ราคาหุ้นยังมีUpside 44.5% และคาดให้ Div.Yield จากผลการดำเนินงานปี 60 ที่1.4% จึงแนะนำ "ซื้อ"
GPI ([email protected]): ช่วง 4Q60 คาดขาดทุนลดเหลือ 19.5 ลบ. จาก 4Q59 ขาดทุน 22.5 ลบ. จากความนิยมที่มากขึ้นในกิจกรรมแข่งขันเครื่องบิน "Air Race 1" ส่วนทั้งปี 60 คาดกำไรโต16.1%YoY และโตต่อ15.0%YoY ในปี 61 จากรับงานพิมพ์พิเศษเพิ่มขึ้นและธุรกิจยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัว + Upside 47.8% และคาดให้ Div.Yield ปี 60 ที่ 3.6% จึงแนะนำ "ซื้อ"
JWD (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้งYoY และ QoQ หนุนด้วยอัตราเช่าคลังสินค้าที่สูงขึ้นตามส่งออกไทยที่สดใสพร้อมรับรู้ผลลงทุนใน OAI เต็มไตรมาสครั้งแรกหนุนปี 60 คาดพลิกมีกำไร 214 ลบ. และโตต่อ 20.5%YoY ในปี 61 จากแผนลงทุนขยายคลังสินค้าในอาเซียนร่วมกับพันธมิตร + Upside 14.3% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
TNR (BUY:Consensus [email protected]) : แม้ปี 60 คาดกำไรหด 16.6%YoY แต่จะพลิกโต58.9%YoY ในปี 61 ด้วยแผนขยายฐานลูกค้า OEM ในต่างประเทศและแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายของกลุ่มธุรกิจสินค้าOwn Brand ทั้ง ONETOUCH และNiptex + ราคาหุ้นยังมีUpside 44.5% และคาดให้ Div.Yield จากผลการดำเนินงานปี 60 ที่1.4% จึงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก MAJOR , ROJNA
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก MAJOR , ROJNA
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO5377
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234) [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ Asst. Analyst
จิรภัทร โบสุวรรณ Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO5377