- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 15 December 2017 18:45
- Hits: 10186
เลือกซื้อ LTF-RMF ต้องตอบโจทย์
ใกล้สิ้นปีอีกแล้ว ข่าวดีๆ ที่มนุษย์เงินเดือนรอคอยคงหนีไม่พ้น'โบนัส'แหม! ทำงานเหนื่อยมาทั้งปีย่อมอยากได้เงินก้อนโตมาเป็นรางวัลกันบ้าง ตอนนี้หลายคนอาจวางแผนเตรียมซื้อของขวัญดีๆ ให้ตัวเองและคนที่เรารักกันไว้แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้คิดถึงควบคู่กันไปด้วยก่อนปีนี้หมดไปคือ เช็คสุขภาพทางการเงินกันหน่อย ว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ มีเงินเก็บกันหรือไม่ หนี้สินที่ต้องผ่อนชำระเหลือเท่าไหร่
อีกเรื่องที่หลงลืมไม่ได้คือ การวางแผนภาษี เพื่อแบ่งเบาภาระที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าใครที่รายได้เยอะต้องเสียภาษีอัตราสูงต้องมองหา"ตัวช่วย" กันหน่อย ซึ่งในการลดหย่อนภาษีก็มีตัวช่วยอยู่ไม่น้อย ทั้งในรูปแบบของการออมและการลงทุนโดยรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจและเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็คือ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพราะนอกจากสามารถนำเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้แล้ว สร้างผลตอบแทนให้งอกเงย นำไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคตอีกด้วย
อะไรคือ LTF อะไรคือ RMFจำกันแบบกระชับๆ ง่ายๆ ไม่ให้ปวดหัวก็คือLTF ลงทุนหุ้นผูกพันสั้นๆ แค่ 7 ปี อยากซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ ไม่ต้องซื้อทุกปี นำไปหักลดหย่อนภาษีได้ 15% แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ส่วน RMF ผูกพันกันยาวๆ ต้องซื้อทุกปี คือถือไปจนถึงอายุ 55 ปี เป็นการออมและลงทุนเพื่อการเกษียณจริงๆ สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ 15% แต่ไม่เกิน500,000 บาทอันนี้ใครมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องเอามานับรวมในกองนี้ด้วย
คำถามที่มักจะตามมาก็คือ "เลือกซื้อกองไหนดี" เพราะมีหลายกองหลายเจ้าเหลือเกิน เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตที่ตอบยากสักหน่อยต้องบอกว่าการลงทุนนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ด้วยเป้าหมายของแต่ละคน หรือไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน รวมทั้งการรับมือกับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน แต่อาจใช้หลักกว้างๆ ลองตอบโจทย์นี้ดู
1. สำรวจตัวเองให้รู้จักกันก่อน เช่น เป้าหมายในการลงทุนคืออะไร นอกเหนือจากเรื่องลดหย่อนภาษีสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ซึ่งบางคนไม่อยากคิดเยอะให้ปวดหัวกลัวเงินต้นหาย ขอเลือกแบบไม่มีความเสี่ยง เพียงแค่ได้ผลตอบแทนติดไม้ติดมือมาสักนิดหน่อยก็ดีแล้ว ขณะที่บางคนมองว่าลงทุนทั้งทีก็อยากลองเสี่ยงดูบ้าง หวังผลตอบแทนที่คุ้มค่าสักหน่อยเมื่อรู้จักรู้ใจตัวเองจะทำให้มองหากองทุนได้ง่ายขึ้น
2.ทำความรู้จักกองทุน เมื่อเรารู้จักตัวเองแล้ว ก็ต้องไปทำความรู้จักกองทุนด้วย เช่นกองทุน LTF แม้จะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นเหมือนกันก็จริง แต่นโยบายการเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตก็ไม่เหมือนกัน บางกองทุนเน้นหุ้นขนาดเล็กขนาดกลาง บางกองทุนเลือกหุ้นขนาดใหญ่ หรือจะเน้นอุตสาหกรรมไหนเป็นหลัก เรียกว่ามีหลากหลายนโยบายในการลงทุน ทำให้ความผันผวน ความเสี่ยง และผลตอบแทนของแต่ละกองทุนแตกต่างกันไป ซึ่งการทำความรู้จักกองทุนจะช่วยให้เรามองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ตรงใจได้มากขึ้น
3.ผลการดำเนินงานย้อนหลัง แม้ผลงานในอดีตจะไม่ได้การันตีผลงานในอนาคต แต่การที่เราศึกษาข้อมูลประวัติหรือผลงานของกองทุน ก็สามารถช่วยให้เรารู้ฝีมือในการบริหารจัดการกองทุนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการหาข้อมูลไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีหน่วยงานอย่าง มอร์นิ่งสตาร์ (Morningstar) มาช่วยจัดอันดับผลตอบแทนให้อยู่แล้ว คลิกไปดูได้ที่เวบไซต์ www.morningstarthailand.com
แต่หากไม่มีเวลาจริงๆ แถมยังไม่ถนัดเรื่องคิดคำนวณอยากได้ตัวช่วยแล้วละก็ อยากให้ลองแวะมาใช้บริการด้านการลงทุนของTMB Advisory ซึ่งได้คัดกองทุนทั้งLTF และ RMF ไว้ให้เลือกซื้อในที่เดียวจบ จากหลากหลาย บลจ.ชั้นนำ โดยกองทุนที่เลือกมาล้วนเป็นกองทุนตัวท็อปติดอันดับ ผลตอบแทนดี
สำหรับ กองทุน LTF ที่ทีเอ็มบีมองว่าเด็ดและคัดสรรเอามาฝากกันในปีนี้ล้วนติดอันดับในTop10 LTF ที่จัดอันดับโดย Morningstar ณ วันที่ 29 กันยายน2560อย่างเช่นกองทุนเปิด แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว (VALUE-D LTF) ลงทุนในหุ้น 100% เน้นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและผลประกอบการดี มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ผลการดำเนินงาน 5 ปีย้อนหลังเป็นอันดับ 7 ใน TOP 10 LTF กองนี้เหมาะกับคนที่อยากได้เงินปันผลระหว่างทางสม่ำเสมอ
ส่วนอีก 2 กองที่อยากแนะนำคือ กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF) ลงทุนในหุ้น 100% เน้นหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ผลการดำเนินงาน 5 ปีย้อนหลังเป็นอันดับ 1 ใน TOP 10 LTF ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6และกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์คอร์หุ้นระยะยาว (MS-CORE LTF) ลงทุนในหุ้น 65% เน้นหุ้นบริษัทจดทะเบียนหรือตราสารทุนซึ่งผลตอบแทนอ้างอิงกับผลตอบแทนของบริษัทที่อยู่ในดัชนี Set50 ผลการดำเนินงาน 5 ปีย้อนหลังเป็นอันดับ4 ใน TOP 10LTF ซึ่งทั้งCG-LTF และ MS-CORE LTF เหมาะกับคนที่อยากลงทุนแบบยาวๆ ได้เงินเป็นก้อน
ส่วนกองทุน RMFก็น่าสนใจไม่น้อย ได้แก่ กองทุนเปิดหุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (ERMF) กองทุนเปิดทหารไทยธนไพศาล เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBBFRMF) และกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (MS-FLEX RMF) ซึ่งความเสี่ยงของแต่ละกองจะไม่เท่ากัน เช่น ERMF ก็จะมีความเสี่ยงสูงอยู่ในระดับ 6 เพราะเน้นลงทุนในหุ้น แต่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี เป็นอันดับ 6 ใน10 RMF ในกลุ่ม Equity กองนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบเสี่ยงอยู่บ้าง
แต่ใครที่มองหากองทุน RMF ความเสี่ยงต่ำลงมาอีก อาจใช้บริการ TMBBFRMFกองนี้มีความเสี่ยงแค่ระดับ 4 โดยเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน และตราสารหนี้เอกชนชั้นดี เรียกว่าเป็นสินทรัพย์มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังเป็นอันดับ 7 ใน10 RMF ในกลุ่ม Fix Income ขณะที่ MS-FLEX RMF มีความเสี่ยงระดับ 5 ลงทุนแบบผสมผสานในหุ้นและตราสารหนี้ โดยในส่วนของหุ้นจะเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตและประวัติการจ่ายปันผลดี ไปดูผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เป็นอันดับ 10 ใน RMF ในกลุ่ม Allocation จัดอันดับโดย Morningstar ณ วันที่ 29 กันยายน 2560
ตอบคำถามแบบนี้ คิดว่าคงพอนำมาเป็นแนวทางในการมองหา "ตัวช่วย" เพื่อวางแผนภาษีก่อนสิ้นปีที่มนุษย์เงินเดือนกันได้บ้างแล้ว ใครยังไม่ได้เริ่มต้น คงต้องรีบหน่อย ปีนี้เวลาเหลือน้อยเต็มที แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยตะเวณไปหลายที่แวะมาทีเอ็มบี เพราะได้คัดตัวท็อปไว้ให้เลือกซื้อได้ที่เดียวจบ
แต่จะให้ดีวางแผนทั้งเรื่องภาษีและการออม รวมทั้งลงทุนกันไว้ตั้งแต่ต้นปี แล้วค่อยทบทวนเผื่อขาดเผื่อเหลือกันอีกทีตอนปลายปีจะเหมาะกว่า"รู้จักวางแผน เริ่มต้นไว ออมอย่างมีวินัย ใส่ใจการลงทุน" หากทำได้ตามนี้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็มีบันไดก้าวไปสู่ความมั่งคั่งได้ไม่ยากเหมือนกัน
หากยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง นี่เลย TMB Advisory บริการที่ปรึกษาสำหรับทุกคน ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ฟรี หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น TMB Advisory Room สาขาใกล้บ้าน หรือสอบถามซื้อขายกองทุนโทร 1558 กด #9 หรือสนใจอัพเดทสถานการณ์ตลาด แอด Line ID @TMBadvisory รวมถึง TMB TOUCH Mobile App ก็ใช้ซื้อขายกองทุนได้แล้ววันนี้ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.tmbbank.com/TMBTop10LTFRMF
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงเราต้องศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน ต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน