- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 30 August 2014 22:12
- Hits: 2913
SCBAM บริหารกองทุนสำรองฯแสนล.สินทรัพย์โต 25%แซงหน้าระบบ
น.ส.พิณแก้ว ทรายแก้ว ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัดหรือSCBAMเปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทฯ
มีมูลค่าสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ((Provident Fund)ภายใต้การบริหารงานเป็นเงินประมาณ 105,226 ล้านบาท (ณ 31 กรกฎาคม2557) เพิ่มจากสิ้นปี 2556 ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ฯจำนวน 84,461 ล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 20,765 ล้านบาท หรือประมาณ 25% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่โตเพียง 8% โดยมีจำนวนสมาชิก 438,800 ราย ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษาเป็นต้นปัจจุบันถือเป็นอันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรม คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 13.03%
ปัจจุบันบลจ.ไทยพาณิชย์มีการออกกองทุนที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ อีกทั้งยังพร้อมปรับปรุงพัฒนา ด้านระบบและการบริการให้สามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น การโอนย้ายระบบนายทะเบียนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาบริหารเอง และยังใช้
กลยุทธ์สนับสนุนให้ลูกค้าภาคธุรกิจมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเป็นสวัสดิการยามเกษียณให้กับพนักงาน เน้นการให้ความรู้ด้านการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน การให้บริการความสะดวก การเข้าถึงข้อมูลของสมาชิก รวมทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และ การลงทุนได้อย่างครบวงจรในลักษณะ Total Package ด้วยความร่วมมือกับกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อนำเสนอทางเลือกทางด้านการเงินและการลงทุนให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ยังไม่มีกองทุน ก็สามารถเลือกลงทุน ผ่านผลิตภัณฑ์กองทุนเพื่อรองรับการเกษียณอายุ คือ SCB Retirement Fund ที่มีให้เลือกครบตามอายุ ที่จะเกษียณได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พัฒนา SCBAM iRetire Application เป็นรายแรกในธุรกิจจัดการลงทุน ที่ช่วยวางแผนอนาคตทางการเงินสำหรับนักลงทุนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ในการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุด้วย
นอกจากนักลงทุนสถาบันให้ความไว้วางใจในการให้ บลจ.ไทยพาณิชย์ บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กองทุนส่วนบุคคล บลจ.ไทยพาณิชย์ประสบความสำเร็จในการขยายฐานไปสู่นักลงทุนสถาบันมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ครองอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผลมาจากการวางเป้าหมายในการทำงานเชิงรุกที่บริษัทฯต้องการขยายฐานลูกค้าสถาบันควบคู่กับรายย่อยจึงมีการปรับเปลี่ยนระบบงานภายในให้มีความแข็งแกร่ง
“นอกจากนี้เรายังเพิ่มจำนวนทีมงานมืออาชีพด้านการวิเคราะห์ การบริหารจัดการความเสี่ยงทางการลงทุนและการวางกลยุทธ์การลงทุน รวมทั้งสร้างระบบงานภายในให้มีความพร้อมสามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันและทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น” น.ส.พิณแก้ว กล่าว