- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 07 December 2017 20:01
- Hits: 7700
สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดตัวทรัสต์ SHREIT เข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโรงแรมคุณภาพ 3 แห่งในอาเซียน ชูจุดเด่นกระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีโอกาสเติบโตสูง คาดให้ผลตอบแทน 7.67-7.72% ต่อปี
‘สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ฯ’ เปิดทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ (Strategic Hospitality Extendable Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ เอส เอช รีท(SHREIT) ระดมเงินรวมไม่เกิน 3,740 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และ สิทธิการเช่าโรงแรม 3 แห่ง ระดับ 3-5 ดาว ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ชูจุดเด่นการบริหารโดยมืออาชีพที่มีอิสระมุ่งแสวงหาผลตอบแทนสูงสุดให้แก่นักลงทุน ประกอบกับศักยภาพของทรัพย์สินที่กระจายลงทุนในโรงแรมที่ดีที่สุดในการตอบสนองของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศ รับโอกาสจังหวะการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคบูม
นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ (Independent REIT Manager) ที่บริหารโดยมืออาชีพ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยตรงในการบริหารสินทรัพย์ประเภทโรงแรม ตลอดจนมีเครือข่ายทั่วโลก และมีนโยบายการลงทุนที่เป็นอิสระโดยสามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินจากผู้ขายใดก็ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทำให้การบริหารกองทรัสต์สามารถมุ่งเน้นให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกองทรัสต์ด้วยการแสวงหาเพื่อเพิ่มทรัพย์สินใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจต่อไป
“ข้อดีของการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ทำให้เราสามารถบริหารงานอย่างมืออาชีพได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนได้อย่างเต็มที่ และยังสามารถเปิดกว้างให้เราสามารถหาทรัพย์สินใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขนาดกองและมุ่งแสวงหาการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่นักลงทุน” นายเจมส์ กล่าว
นายชานนท์ เรืองกฤตยา กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัทบริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผยว่าตนเองมีความสนใจในธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงการบริหารกองทรัสต์ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทฯ มีจุดเด่นคือการลงทุนในทรัพย์สินในต่างประเทศ และได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของทรัพย์สินที่บริหาร (AUM) อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีบุคลากรที่มีคุณภาพ และ มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญทางด้านบริหารอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ รวมถึง นายเจมส์ ที่มีเครือข่ายทางธุรกิจกว้างขวางจึงสามารถเข้าถึงทรัพย์สินที่มีคุณภาพทั่วโลก นอกจากนี้ นายเจมส์ยังมีประสบการณ์ในการจัดตั้งกองทรัสต์ที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ และฮ่องกง มาแล้วหลายกองอีกด้วย โดยนายชานนท์เชื่อว่า SHREIT จะได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนต่อไป
นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ (Strategic Hospitality Extendable Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ เอส เอช รีท (SHREIT) ที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และสิทธิการเช่าในโรงแรมระดับ 3-5 ดาวในต่างประเทศ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย และโรงแรม Capri by Fraser และโรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนาม โดยมีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 632 ห้อง
ทั้งนี้ โรงแรมทั้ง 3 แห่งที่ SHREIT เข้าลงทุนล้วนเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ ที่กระจายการลงทุนไปในโรงแรมที่มีการบริหารงานโดยมืออาชีพโดยกลุ่ม Accor Hotels และ Frasers Hospitality ตลอดจนความโดดเด่นของทรัพย์สินที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการหรือกลุ่มผู้เข้าพักที่แตกต่างกัน จึงมีโอกาสเติบโตที่ดีจากปัจจัยสนับสนุนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ โดยในประเทศอินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เป็นชาวอินโดนีเซีย ซึ่งมีศักยภาพและมีอำนาจการใช้จ่ายสูง ตลอดจนแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกด้วย ขณะที่ประเทศเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากพลวัตทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งดึงดูดนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนเป็นจำนวนมาก ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเยือนเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เรามีนโยบายกระจายการลงทุนในพอร์ตทรัพย์สินที่ SHREIT เข้าไปลงทุนที่มีทำเลที่ตั้งกระจายอยู่ใน 2 ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนที่ดี โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้าพักในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ก็มีความแตกต่างของกลุ่มผู้เข้าพักและใช้บริการ โดย Pullman Jakarta Central Park ในอินโดนีเซีย มีสัดส่วนลูกค้าภายในประเทศที่เข้ามาใช้บริการประมาณ 39% ทำให้มีความมั่นคงแง่ของรายได้ สำหรับโรงแรมในเวียดนามนั้น โรงแรม Capri by Fraser มีลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจที่เข้าพักระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่โรงแรม IBIS Saigon South มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยว จึงทำให้พอร์ตรายได้มีการกระจายตัวจากกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน สามารถสร้างความมั่นคงและผลักดันรายได้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน” นายเจมส์ กล่าว
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ (Independent REIT Manager) ที่บริหารโดยบุคลากรมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินตลาดทุน ตลอดจนการลงทุนและซื้อขายทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก นอกจากนี้บุคลากรของผู้จัดการกองทรัสต์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ที่กองทรัสต์เข้าลงทุน โดยปัจจัยดังกล่าวจะสามารถทำให้ผู้จัดการกองทรัสต์ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุน
นายอรรถพงศ์ พรธิติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SHREIT มีรูปแบบการบริหารโดยผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนแบบใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เป็นที่แพร่หลายสำหรับกองทรัสต์ในประเทศสิงคโปร์ ทำให้มีความคล่องตัวในการเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้กองทรัสต์สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในครั้งแรกนั้น เป็นโรงแรมในต่างประเทศที่มีคุณภาพ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจที่สำคัญและมีอัตราการเติบโตที่สูงจากศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของโรงแรมที่กองทรัสต์เข้าลงทุน นอกจากนี้ SHREIT คือโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะสามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อกระจายควายเสี่ยงจากการลงทุนใน REIT ประเภทโรงแรมที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งลงทุนในทรัพย์สินภายในประเทศเท่านั้น
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า สำหรับวงเงินลงทุนครั้งแรกใน SHREIT จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 5,420 ล้านบาท โดยจะระดมทุนด้วยการเสนอขายหน่วยทรัสต์ มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,740 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินสำหรับเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงการฯ ที่เข้าลงทุนครั้งแรก มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 1,680 ล้านบาท และมีประมาณการอัตราเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ประมาณร้อยละ 7.67 – 7.72 รายละเอียดตามที่เปิดเผยในหนังสือชี้ชวนโดยการเสนอขายในครั้งนี้ จะเสนอขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดการกองทรัสต์ นักลงทุนสถาบัน ผู้ซื้อหน่วยทรัสต์เบื้องต้นในต่างประเทศ (InitialPurchaser) ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ ตลอดจนนักลงทุนที่สนใจซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้จากตัวแทนจำหน่ายหน่วยทรัสต์ โดยมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของโรงแรมทั้ง 3 แห่งที่ SHREIT เข้าลงทุนนั้น จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
'STRATEGIC PROPERTY' Launches SHREIT Investing in Freehold and Leasehold rights of 3 quality hotels in ASEAN
With strong growth potentials, expecting Annual Returns of 7.67-7.72%
The Strategic Property Investors Co.,Ltd (SPI) has launched The Strategic Hospitality Extendable Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trustor SHREIT to raise up to 3,740 million baht to invest in renewable rights to operate and lease three 3-5 stars hotels in the ASEAN region notably Indonesia and Vietnam.
The Highlight of SHREIT focuses on independent professional management of the hotel properties in order to seek maximum returns for investors. These hotel properties all carry strong growth potentials because they cater to specific target groups including tourists, businessmen and domestic consumers at a time when the domestic economy and tourism industries in the region are booming.
Mr. James Lim,Executive Directorof SPI, disclosed that the company is an Independent REIT Manager which is managed by professionals with extensive experience and direct expertise in the management of hotel properties and also enjoy the backing of a global network. He stated that SPI has an independent investment policy which enables it to invest in any suitable properties from any sellers. “These positive factors allow us to create greater value for the investment trust by adding new properties in the future in order to generate maximum returns for the investors,” Mr. James Lim said.
He added that “the good thing about being an independent REIT manager is that we can manage professionally with full efficiency which helps us to maximize full benefits from the properties that we invest in. We also have full options to acquire new properties and thereby generating maximum returns for investors”.
Mr. Chanond Ruangkritya, Director and Major Shareholder of SPI, stated that he is interested in asset management and the management of Real Estate Investment Trust (REIT) because the business can generate consistent revenue. He added that the company’s outstanding feature is to invest in overseas properties and has aimed to raise the assets under management (AUM) consistently.
Mr. Artapong Porndhiti, Executive Vice President, Investment Banking 2, Siam Commercial Bank, in his capacity as financial advisor stated that SHREIT is managed by an independent REIT manager which is a new management model for Thailand but it is widely practised in Singapore. This management model creates flexibility to invest in additional new properties and therefore the REIT can continue to grow consistently.
He said the properties that SHREIT is investing in are quality hotels located in important economic zones which have high growth rates and strong economic fundamentals that will support the property’s performance. Moreover, SHREIT presents a good opportunity for Thai investors to invest in foreign hotel properties to diversify risks as against REIT investment in hotel properties at present which are limited to Thai properties only.
Ms. Veena Lertnimitr, Executive Vice President, Primary Distribution, Siam Commercial Bank, in her capacity as Financial Advisor and Underwriter stated that the total outlay of SHREIT will not exceed 5,420 million Baht which will include the subscription of Trust units with combined value of no more than 3,740 million Baht plus another 1,680 million Baht in borrowings from financial institutions. She stated that the estimated returns are in the range of 7.67% - 7.72% annually as disclosed in the prospectus. The subscription will be offered to business partners, parties related to the REIT manager, institutional investors, Foreign Initial Purchasers, patrons of the underwriters as well as general investors. She is confident that SHREIT will be positively received by the investors because of the strong fundamentals of the three hotel properties.
*******************************************
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท เอ็ม ที มัลติมีเดีย จำกัด (ในนาม SHREIT)
อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) โทร. 086-884-4458, 02-612-2081 ต่อ 129
E-mail: [email protected]