- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 02 June 2017 15:42
- Hits: 4860
บลจ.วรรณ เสนอขายกองทุนเปิด วรรณ เอเชีย แปซิฟิก พร็อพเพอร์ตี้ รีท (ONE-APACPROP) สร้างผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บลจ.วรรณ เชื่อมั่นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอเชียแปซิฟิกเติบโตได้จากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีความต้องการและค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หนุนอัตราผลตอบแทนน่าสนใจ พร้อมเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ เอเชีย แปซิฟิก พร็อพเพอร์ตี้ รีท (ONE-APACPROP) ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. – 12 มิ.ย.นี้ เน้นลงทุนกองทุนรีทต่างประเทศที่ให้อัตราจ่ายเงินปันผลในระดับสูง
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิกยังมีแนวโน้มการเติบโตได้ต่อเนื่องและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองทรัสต์เพื่อการลงทุน (REITs) ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ กองทุน REITs ของประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ มีอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 5.20% 4.90% และ 6.60% ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอื่น นอกจากนี้ ในแง่ของ Valuation ระดับราคาของอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยังซื้อขายกันใกล้เคียงหรือต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิทำให้ราคาอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเทียบกับคุณภาพอสังหาริมทรัพย์และอัตราเงินปันผล
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของกองอสังหาริมทรัพย์ REITs กับสินทรัพย์อื่นๆ อาทิ หุ้น โดย 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) กองอสังหาริมทรัพย์ REITs ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้น อาทิตลาดหุ้นออสเตรเลีย ดัชนี ASX 200 ให้ผลตอบแทน 30.4% ขณะที่ ASX A-REIT Index ให้ผลตอบแทน 52.2% ตลาดหุ้นสิงคโปร์ Straits Time Index ให้ผลตอบแทน 11.4% ขณะที่ FTSE REIT Index ให้ผลตอบแทน 42.2% และตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng Index ให้ผลตอบแทน 38.5% ขณะที่ Hang Sang REIT Index ให้ผลตอบแทน 94.2% รวมถึง หากเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกงและออสเตรเลีย ถือว่ามีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง โดยมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย(Yield Spread) อยู่ที่ระดับ 4.3% 3.2% และ 2.4%ตามลำดับ
จากการศึกษาของบลจ.วรรณ บริษัทฯยังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาคการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 12 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ เสนอขายกองทุนเปิด วรรณ เอเชีย แปซิฟิก พร็อพเพอร์ตี้ รีท (ONE-APACPROP) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนรวม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน ONE-APACPROP จะมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุน โดยจะเลือกลงทุนผ่านกองทุน Philip SGX APAC Dividend Leaders REIT ETF และ กองทุน NikkoAM-Straits Trading Asia ex Japan REIT ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ ETF ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์ในอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีสภาพคล่องสูงทำให้กองทุนรองรับการซื้อขายได้ทุกวันทำการและทราบราคาซื้อขายหน่วยลงทุนทุกสิ้นวันเช่นเดียวกับกองทุนอื่น โดยมีสัดส่วนการลงทุนกองทุนละ 50% ซึ่งทั้ง 2 กองทุนจะกระจายการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์(REIT) ในภูมิภาคเอเชียและเอเชียแปซิฟิก โดยน้ำหนักการลงทุนใน 3 อันแรกจะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ 45% ออสเตรเลีย 29% และ ฮ่องกง 17% ที่เหลือจะกระจายการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน เป็นต้น เพื่อกระจายการลงทุน ทั้งนี้ ONE-APACPROP มีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดยกองทุนนี้จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาริมทรัพย์คุณภาพในต่างประเทศ และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนในการลงทุนในต่างประเทศได้
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ อย่างน้อย 2-3 ครั้งในปี 2560 อย่างไรก็ดี ตลาดฯได้ทยอยรับรู้ปัจจัยดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว ประกอบกับถ้อยแถลงของคณะกรรมการเฟดครั้งล่าสุดได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ อย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่ของอัตราการจ่ายเงินปันผล และระดับราคาที่ซื้อขายใกล้เคียงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิซึ่งสะท้อนราคาและรายได้ของอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในช่วงที่ราคากองทุนอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงถือเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อสะสม โดยบลจ.วรรณ ยังคงมีมุมมองบวกต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการจ่ายปันผลโดยเฉลี่ยที่ 5-6%