- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 08 February 2017 10:25
- Hits: 3828
บลจ.กสิกรไทย เปิดแผนดำเนินงานปี 2560 สานต่อแนวคิด Simplify Your Investment Life
บลจ.กสิกรไทย เปิดแผนดำเนินงานปี 2560 สานต่อแนวคิด'Simplify Your Investment Life' มุ่งทำชีวิตการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ Fund Navigator
บลจ.กสิกรไทย เปิดแผนกลยุทธ์ดำเนินงานปี 2560 ยกระดับความเป็นผู้นำธุรกิจกองทุนก้าวต่อไปอีกขั้น ด้วยการต่อยอดพัฒนาแพลตฟอร์มที่ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย เตรียมเปิดตัว Fund Navigator เต็มรูปแบบในปีนี้พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นบลจ.แห่งแรก ที่นำเสนอพอร์ตการลงทุนสำหรับลูกค้ารายบุคคล
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมาว่า บริษัทประสบความสำเร็จเป็นก้าวแรกในด้านการยกระดับความเป็นผู้นำในธุรกิจกองทุน ด้วยการพัฒนาด้านบริการหรือเครื่องมือต่างๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายแก่ผู้ลงทุน บนพื้นฐานแนวคิด "Simplify Your Investment Life" ซึ่งบลจ.กสิกรไทยเป็นบลจ.แห่งแรกที่มุ่งวางเป้าหมายไปสู่การเป็นผู้วางแผนความสำเร็จให้ชีวิตการลงทุนกับลูกค้ารายบุคคล โดยการแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมทั้งในแง่การมีผลิตภัณฑ์กองทุนที่ครบครัน และในแง่การรักษาคุณภาพด้านผลการดำเนินงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง จึงพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดด้านการสร้างแพลตฟอร์มเข้ามารองรับ เพื่อทำให้การลงทุนในกองทุนเป็นเรื่องง่ายและผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงได้
"ในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเปิดตัวบริการ My Port Simulator หรือโปรแกรมสร้างพอร์ตลงทุนจำลอง ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ลงทุนได้ทดลองจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของตนเองผ่านพอร์ตการลงทุนแนะนำ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนนำไปลงทุนจริง ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจและกระแสตอบรับจากผู้เข้ามาทดลองใช้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว K-Cyber Invest โฉมใหม่ ที่มีการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ให้รองรับการเป็นเครื่องมือช่วยวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การแสดงพอร์ตลงทุนของลูกค้าเปรียบเทียบกับพอร์ตลงทุนที่ระบบแนะนำ หรือการเพิ่มเครื่องมือค้นหากองทุนที่ต้องการหรือตรงกับวัตถุประสงค์การลงทุนได้อย่างสะดวก ง่ายดายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในด้านการสร้างผลการดำเนินงานของกองทุน ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังรักษามาตรฐานและบริหารผลการดำเนินงานของกองทุนในภาพรวมได้เป็นที่น่าพอใจ พิสูจน์ได้จากจำนวนกองทุนของบลจ.กสิกรไทยซึ่งมี 11 กองทุนที่ได้รับการจัดเรตติ้ง 5 ดาว (Overall Rating) จากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ 30 ธ.ค. 2559) รวมถึงการสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเป็นอันดับหนึ่ง อาทิ กองทุน K20SLTF ที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปี เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มกองทุน LTF จากทั้งหมด 57 กองทุน และกองทุน KMSRMF ที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มกองทุน Equity RMF จากทั้งหมด 29 กองทุน พร้อมทั้งยังรับรองความสำเร็จด้วยรางวัลมากมายที่บริษัทได้รับเพิ่มเติมในปี 2559 จากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ" นายวศินกล่าว
นายวศิน กล่าวต่อไปว่า สำหรับเป้าหมายและกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 บลจ.กสิกรไทยยังคงสานต่อแนวคิดเรื่อง "Simplify Your Investment Life" อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งทำให้ชีวิตการลงทุนของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้นไป พร้อมตอกย้ำให้เห็นว่าการลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัวและการวางแผนการลงทุนให้มีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอีกต่อไป โดยประเด็นหลักคือการมุ่งนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาประยุกต์ใช้กับการวางแผนด้านการลงทุน ซึ่งเทคโนโลยีจะเป็นส่วนเข้ามาช่วยเสริมการให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงได้ด้วยตนเองมากขึ้น และบทบาทก้าวต่อไปของบลจ.กสิกรไทยคือการวางเป้าหมายเป็น Robo-Advisor หรือการให้คำแนะนำผ่านระบบดิจิตอล เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมกองทุนในอนาคต ซึ่งก้าวแรกสำหรับปีนี้บริษัทจะเปิดตัวบริการ Fund Navigator อย่างเต็มรูปแบบ โดยบริการดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดกลุ่มกองทุนตามเป้าหมายการลงทุนของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟน อาทิ K-My PVD แอพพลิเคชั่นสำหรับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ K-Mutual Fund แอพพลิเคชั่นสำหรับลูกค้ากองทุนรวม
นายวศิน กล่าวเสริมว่า สำหรับการจัดกลุ่มกองทุนตาม Fund Navigator จะประกอบไปด้วย 5 กลุ่มตามเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ กลุ่ม Liquidity ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น และต้องการสภาพคล่องสูง, กลุ่ม Stability ที่ต้องการลงทุนยาวขึ้นเพื่อโอการรรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตารสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี, กลุ่ม Income ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและสามารถรับความผันผวนได้ต่ำ, กลุ่ม Growth ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว และสามารถรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ในระยะสั้น และกลุ่ม Opportunity ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการแสวงหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับสภาพตลาด นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทยยังใช้ Fund Navigator เป็นเครื่องมือในการกำหนดธีมและกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมตามภาวะเศรษฐกิจด้วย
ด้านมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2560 บลจ.กสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการดำเนินนโยบายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้นจากรายได้ภาคเกษตรกรที่ฟื้นตัว ขณะที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียมองว่าเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นและยังมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยปัจจัยบวกมาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐรวมถึงการปฏิรูปประเทศที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้น บลจ.กสิกรไทยจึงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยและเอเชียมากกว่าภูมิภาคอื่นด้วยระดับราคาที่น่าสนใจกว่าในเชิงเปรียบเทียบ และในส่วนหุ้นไทยมองว่ายังมีโอกาสปรับตัวต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้อยู่ที่ประมาณ 10% และมองเป้าหมาย SET Index ปลายปี 2560 อยู่ที่ระดับ 1,690 จุด ส่วนมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ คาดว่าตราสารหนี้เอเชียจะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากธนาคารกลางในเอเชียมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2560 ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงการจัดกลุ่มกองทุนตาม Fund Navigator บลจ.กสิกรไทยจึงกำหนดกลยุทธ์และธีมการลงทุนในปีนี้ โดยมองว่าสินทรัพย์ในกลุ่มที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Income) สินทรัพย์กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนเติบโตสูงในระยะยาว (Growth) และสินทรัพย์กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องตามสภาพตลาด (Opportunity) เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนตามที่กล่าวมา
ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.24 ล้านล้านบาท โดยแยกเป็นรายธุรกิจในส่วนกองทุนรวมอยู่ที่ 9.86 แสนล้านบาท, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.64 แสนล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 0.9 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดจำแนกตามธุรกิจอยู่ที่ 21.2%, 16.8% และ12.1% ตามลำดับ (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธ.ค.2559)