- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 02 November 2016 23:04
- Hits: 6818
WHART ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายคืนเงินลดทุนรวม 0.1945 บาท/หน่วย เตรียมขายทรัพย์สินเพิ่มทุนครั้งที่ 2 มูลค่า 4,190 ลบ.-คาดเข้าเทรดปลายไตรมาส 4/59
บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด (WHAREM) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายคืนเงินลดทุนรวม 0.1945 บาท/หน่วย (แบ่งเป็น 0.1696 บาท/หน่วยและจ่ายคืนเงินลดทุน 0.0249 บาท/หน่วย จ่อ XD/XN วันที่ 11 พ.ย. เพื่อจ่ายผลตอบแทนในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 หลังแจ้งตัวเลขกำไรไตรมาส 3/59 โต 113.67% ด้านผู้บริหาร ‘ปิยะพงศ์ พินธุประภา’เผยเตรียม นำสินทรัพย์ขายเพิ่มเข้ากองทรัสต์ WHART ครั้งที่ 2 มูลค่า 4,190 ล้านบาท หนุนขนาดทรัพย์สินของ WHART เพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์ที่มีมูลค่าทัพย์สินรายใหญ่ของไทยชูจุดเด่นทำเลทองโลจิสติกส์ คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ไตรมาส 4/59 นี้
นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด (WHAREM) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองรีทส์ WHART เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส 3/2559 ในอัตรา 0.1696 บาทต่อหน่วย คิดเป็นจำนวนเงิน 112,219,232 ล้านบาท และจ่ายคืนเงินลดทุนในอัตรา 0.0249 บาท/หน่วย คิดเป็นจำนวนเงิน 16,475,583 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD/XN วันที่ 11 พฤศจิกายน เพื่อจ่ายปันผลและจ่ายคืนเงินลดทุนในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 6 และจ่ายคืนลดทุนครั้งที่ 6
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2559 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ของกองทรัสต์ WHART มีรายได้ค่าเช่าและบริการเท่ากับ 171.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 106.18 นอกจากนี้มีดอกเบี้ยจ่ายเท่ากับ 28.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี ก่อน 13.61 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 88.49 เนื่องจากกองทรัสต์ WHART ได้มีการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่ม เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 และมีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 จึงเป็นเหตุให้กองทรัสต์ WHART มีสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (กำไรสุทธิ) ในไตรมาส 3/2559 เท่ากับ 117.41 ล้านบาท หรือ 0.1774 บาทต่อหน่วยทรัสต์เพิ่มขึ้น 62.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 113.67 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
“กองทรัสต์ WHART มีการเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผู้เช่าเป็นบริษัทชั้นนำต่างๆและผู้ให้บริการด้านการขนส่งถึง 92% ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการใช้ Warehouse ประกอบกับคลังสินค้าที่กองทรัสต์เข้าไปลงทุนนั้นอยู่บนทำเลสะดวกด้านการขนส่ง” นายปิยะพงศ์กล่าว
กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ (WHAREM) กล่าวถึงเพิ่มถึงความคืบหน้าของการขายสิทรัพย์เพิ่มเข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองรีทส์ WHART ครั้งที่ 2 ภายหลังผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้วในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มูลค่าไม่เกิน 4,190 ล้านบาท ว่า ปัจจุบันได้ยื่นไฟลิ่งต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณปลายไตรมาส 4/2559 ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคงในระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขนาดของทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ (ทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม) ได้แก่อสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA มีรายละเอียด ดังนี้
1.โครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม. 5 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 64,031.00 ตารางเมตร พื้นที่เช่าลานจอดรถประมาณ 2,378.90 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 50,143.60 ตารางเมตร
2.โครงการ WHA Mega Logistics Center ลาดกระบัง แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 95,110.00 ตารางเมตร พื้นที่เช่าลานจอดรถประมาณ 1,350.00 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 59,986.30 ตารางเมตร ซึ่งจะส่งผลต่อขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ WHART เพิ่มเป็น 13,000 กว่าล้านบาท จากปัจจุบัน 9,000 ล้านบาท
“การขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มมูลค่าของกองทรัสต์ WHART เพิ่มเป็น 13,000 กว่าล้านบาทถือเป็นกองทรัสต์ที่มีการลงทุนใน Warehouse และคลังสินค้ามีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมูลค่าที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในเรื่องของผลประกอบการได้มากขึ้น’นายปิยะพงศ์ กล่าว