- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 14 October 2016 10:18
- Hits: 3814
บลจ.วรรณ มองหุ้นไทยโอกาสลดลงเริ่มจำกัด ให้แนวรับที่ 1,344 จุด ประกาศจ่ายปันผล 3 กองทุน
บลจ.วรรณ ชี้หุ้นไทยโอกาสปรับตัวลงเริ่มจำกัด มองแนวรับที่ระดับ 1,344 จุด คงมุมมองเชิงบวกหุ้นไทยหากดัชนีย่อตัวแนะทยอยสะสม โดยเฉพาะกองทุนที่รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี พร้อมประกาศจ่ายปันผล กองทุนหุ้นไทย 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณ เฟล็กซิเบิล (ONE-FLEX) ในอัตรา 1.03 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล (1VAL-D) ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) ในอัตรา 0.57 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดจ่ายปันผล ในวันที่ 7 พ.ย. นี้
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติประกาศจ่ายปันผล 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณ เฟล็กซิเบิล (ONE-FLEX) จากกำไรสุทธิผลกำไรดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 59 - 30 ก.ย. 59 ในอัตรา 1.03 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วย เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 14 ต.ค. 59 กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล (1VAL-D) จากกำไรสุทธิผลกำไรดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 59 – 30 ก.ย. 59 ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วย เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 17 ต.ค. 59 และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) จากกำไรสุทธิผลกำไรดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 - 30 ก.ย. 59 ในอัตรา 0.57 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วย เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 18 ต.ค. 59 ซึ่งทั้ง 3 กองทุน จะกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พฤศจิกายน 59
สำหรับ ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานภายใน บริษัทคงมีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากมองว่าดัชนีหุ้นไทยได้รับแรงสนับสนุนจากการเปิดประมูลโครงการลงทุนภาครัฐฯอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงปลายปีคาดว่าภาครัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ อาทิ มาตรการทางภาษีเกี่ยวกับกับท่องเที่ยวภายในประเทศ เงินช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
“การปรับตัวลงของดัชนีในระดับปัจจุบันนี้ หากพิจารณาในแง่ของมูลค่าหุ้นถือว่าถูกมาก โดยปีนี้ตลาดคาดการณ์อัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ปีที่ระดับ 106 และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร(PE)ที่ระดับ 12.68 เท่า บริษัทมองว่า โอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงจะจำกัดมากขึ้น โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,344 จุด และแนวต้านที่กรอบ 1,420-1,450 จุด ซึ่งระดับดัชนีที่ 1,400 จุด มีค่า PE เฉลี่ยที่ประมาณ 13.20 เท่า ขณะที่อัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 4% ยังถือว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐาน ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มส่งสัญญาณที่ดี สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาวในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงแนะนำให้ทยอยสะสม โดยเฉพาะกองทุนที่ได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษี อาทิ ONE-ACT70LTF ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นธรรมาภิบาลไม่เกิน 70% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความผันผวนของตลาดหุ้นโดยรวม”นายมณฑล กล่าว
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางปัจจัยต่างประเทศ ยังคงให้น้ำหนักติดตามผลการโต้วาทีระหว่างนางฮิลลารี คลินตันและนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะวันที่ 19 ต.ค. 59 เนื่องจากเป็นการโต้วาทีครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย. 59 เนื่องจากสะท้อนถึงนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งยังคงมีปัจจัยความผันผวนของราคาน้ำมันดิบหลังการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเรื่องการควบคุมการผลิตของกลุ่ม OPEC และการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ