- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 12 October 2016 23:54
- Hits: 6213
'โกลเบล็ก'มองหุ้นไทยขานรับปัจจัยบวกต่างประเทศ ให้กรอบดัชนี 1,440 -1,480 จุด สะสมหุ้นพลังงานอานิสงส์ราคาน้ำมันยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียพร้อมให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน รวมถึงผลสำรวจ Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% แนะสะสมกลุ่มพลังงาน ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัว ด้านราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวได้เล็กน้อยหลังปรับลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแนวรับ 1,240-1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 US/Barrel หลังรัสเซียพร้อมให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน และคาดการณ์กลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในการประชุม 30 พ.ย. ผลสำรวจของ CNN หลัง Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% และก.ล.ต. มั่นใจ ‘ดอยซ์แบงก์’ ไม่กระทบกองทุนรวม เนื่องจากมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องไม่ถึง 0.1% อีกทั้งไม่พบว่าดอยซ์แบงก์ออกสตรัคเจอร์โน้ตในตลาดทุนไทย
ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหลังตัวเลขการจ้างงานและการว่างงานของสหรัฐฯอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 35.1 บาท/ดอลลาร์ อาจกระทบต่อกระแส Fund Flow ต่างชาติ และรายงานข่าวที่ว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายเตรียมก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 3 จุด ช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันนี้-21 ต.ค. เป็นช่วงของการประกาศงบการเงินสิ้นสุดไตรมาส 3/2559 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งการ Preview งบไตรมาส 3/2559 ของบริษัทฯจดทะเบียนในตลท. และในวันที่ 13 ต.ค.สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ซึ่งสะท้อนภาพตลาดแรงงานของสหรัฐที่เป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึงผลสำรวจการ Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน เป็นฝ่ายชนะ อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง รวมถึงกระแสความกังวลการก่อเหตุร้ายภายในประเทศเป็นแรงกดดันต่อ Fund Flow และภาพรวมการลงทุนของไทย
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนโดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,440-1,480 จุด ทั้งนี้ให้รอซื้อสะสมช่วงอ่อนตัว แบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มส่งออก (อาหารและอิเล็กทรอนิกส์) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า กลุ่มพลังงาน ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BANPU ได้อานิสงส์จากราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด 84 ดอลลาร์/ตัน หลังจีนเร่งแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวได้เล็กน้อยหลังปรับลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. แม้ว่าตัวเลขจะปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดแต่นักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ และนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ โดย CME Group FedWatch ระบุว่านักลงทุนคาดว่ามีโอกาสมากกว่า 60% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดย CNN/ORC บ่งชี้ว่า นางฮิลลารีสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐและหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ราคาทองก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำปรับลงแรงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาปรับลงมาจบแนวลงรูปแบบ ROUNDING TOP พร้อมกับสร้างแท่งเทียนสัญญาณบวก SPINING BOTTOM ที่แกว่งตัวอยู่ในเขตลงแรงมากเกินไป พร้อมกับเริ่มฟื้นตัวยกจุดต่ำสูงขึ้น ประกอบกับค่าสัญญาณ RSI มีภาวะ OVER SOLD เป็นแรงหนุนเสริม ทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้น แต่จะเป็นช่วงสั้นๆเนื่องจากแนวต้านเส้น 5 และ 10 วันที่เรียงตัวเป็นแนวโน้มลง รวมถึงแนวโน้มลงหลักยังกดดันอยู่ โดยมีแนวรับ 1,240-1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์