- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 19 September 2016 08:58
- Hits: 3646
บลจ.กสิกรไทย จ่อคืนกำไรกองทุนอสังหาฯ รวม 2 กองทุน พร้อมด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เตรียมจ่ายปันผลวันที่ 28 ก.ย.นี้
บลจ.กสิกรไทย เตรียมปันผล 2 กองอสังหาฯ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ABPIF ในก.ย.นี้
นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ในอัตรา 0.1580 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559-31 กรกฏาคม 2559 และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.4600 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559-30 มิถุนายน 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในวันปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 20 กันยายน 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 28 กันยายน 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 295.57 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559-30 มิถุนายน 2559 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในวันปิดสมุดทะเบียน ของวันที่ 20 กันยายน 2559
พร้อมกันนี้ กองทุนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 6 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในอัตรา 0.4058 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับทั้งในส่วนเงินปันผลและเงินลดทุน รวมเป็นอัตรา 0.6958 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 417.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่นักลงทุนได้รับโดยเฉลี่ยที่ 6.50% ของมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) ทั้งนี้ กองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลและคืนเงินลดทุนดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน 2559 และหลังจากการลดทุนครั้งนี้ มูลค่าทุนจดทะเบียนของกองทุนจะอยู่ที่ 7.7429 บาทต่อหน่วย
กองทุน ABPIF มีนโยบายลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ม.ค.–30 มิ.ย.59) กองทุน ABPIF มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วรวมเป็นมูลค่า 174.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.2900 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งเมื่อคำนวณจากอัตราการจ่ายปันผลในครั้งนี้ ในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย ถือได้ว่ากองทุนมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงถึง 100% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว
ด้านกองทุน WHAPF มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 22 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 3.9181บาทต่อหน่วย หรือสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6.97% ต่อปี ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 พ.ค.-31 ก.ค.59) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ
ส่วนกองทุน CTARAF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 88.7% และมีผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 27 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.0742 บาทต่อหน่วย