WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บลจ.วรรณ ส่งกองทุนเปิดตราสารหนี้ระยะลงทุน 6 เดือน 1PLUS-6M อัตราผลตอบแทนการลงทุน 2.75%ต่อปี เป็นทางเลือกการลงทุนความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ

     นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ให้ความเห็นว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.57 นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้าซื้อสุทธิในพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยในเดือน มิ.ย.57 มีเงินต่างชาติไหลเข้าตราสารหนี้ กว่า 21,258 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นปีเพียงประมาณ 4,100 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาที่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก รวมถึงเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากการเมืองในประเทศมีทางออกที่ค่อนข้างชัดเจน

   “ขณะที่ด้านอัตราดอกเบี้ย ผมมองว่า การประชุม กนง. ในครั้งต่อไป วันที่ 6 ส.ค.57 น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่อัตรา 2.00% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ และแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังคงต้องพิจารณา ด้านคุณภาพหนี้ อย่างหนี้ครัวเรือน เป็นองค์ประกอบ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับทรงตัวเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รวมทั้งคาดว่า กนง.น่าจะยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่อัตรา 2.00% ตลอดจนสิ้นปี 2557 ก่อนที่จะปรับขึ้นในช่วงต้นปี 2558 จากแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อ และการควบคุมการเร่งขยายตัวของเศรษฐกิจหลังทยอยเติบโตได้ดี” นายวิน กล่าว

   “ดังนั้น ด้วยมุมมองที่ผมมองว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว และตลาดหุ้นยังมีความผันผวน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะทรงตัวตลอด จนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ประเมินว่า นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจชะลอการลงทุนในหุ้น เพื่อรอจังหวะการปรับฐานและอาจพิจารณาลงทุนในกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) ที่มีอายุการลงทุนประมาณ 6 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงต้นปีหน้า”นายวิน กล่าว

   ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค. 57 บลจ.วรรณ จะเปิดรับคำสั่งซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) ในระหว่างวันที่18 – 25 ก.ค. 57 โดยกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) จะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ที่เสนอขายในประเทศและต่างประเทศ อายุตราสารประมาณ 6 เดือน ทำให้ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ โดยให้ผลตอบแทนภายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 2.75% ต่อปี โดยตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในรอบการลงทุนครั้งนี้ ได้แก่ เงินฝาก Bank of China (สาขาฮ่องกง) โดยมีสัดส่วนการลงทุน 15% ผลตอบแทนประมาณ 3.0% ต่อปี/ เงินฝาก China Construction Bank (ASIA) (สาขาฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 25% ผลตอบแทนประมาณ 3.0% ต่อปี/ เงินฝาก PT Bank CIMB Niaga Tbk(CIMB Niaga) สัดส่วนการลงทุน 6% ผลตอบแทนประมาณ 3.3% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 8% ผลตอบแทนประมาณ 3.2% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 14% ผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบมจ. เอเชียเสริมกิจ จำกัด สัดส่วนการลงทุน 14% ผลตอบแทนประมาณ 2.9% ต่อปี และ ตั๋วแลกเงินบมจ. ราชธานี ลีสซิ่ง จำกัด สัดส่วนการลงทุน 18% ผลตอบแทนประมาณ 2.9% ต่อปี

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!