- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 22 March 2016 19:14
- Hits: 4157
บลจ.กสิกรไทย เปิดตัวกองทุน K-SFPLUS ชูจุดเด่น 'เพิ่ม'ทางเลือกพักเงินยาวตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขื้น ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนเปิดเค เอสเอฟ พลัส (K-SFPLUS) เพิ่มทางเลือกลงทุนใหม่ ตอบดีมานด์ผู้ลงทุนเสี่ยงต่ำที่ต้องการพักเงินยาวกว่า 2 เดือน เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้คุณภาพดีที่มีดูเรชั่น (duration) เฉลี่ย 6-12 เดือน พร้อมเพิ่มสัดส่วนลงทุนในต่างประเทศที่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 100% มีสภาพคล่องสูงซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เปิดเสนอขาย 23 - 29 มีนาคมนี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอสเอฟ พลัส (K-SFPLUS) ในระหว่างวันที่ 23 – 29 มีนาคม 2559 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแหล่งพักเงินท่ามกลางภาวะผลตอบแทนในตลาดต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่จูงใจ พร้อมทั้งยังมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศโดยมีสัดส่วนในการลงทุนต่างประเทศได้สูงสุดถึง 79% พร้อมทั้งอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
“กองทุน K-SFPLUS เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นจากกองทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย โดยความน่าสนใจของกองทุน K-SFPLUS อยู่ที่การออกแบบกองทุนมาเพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินยาวขึ้นเพื่อรอลงทุนในตราสารอื่นหรือเก็บเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้นตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป และคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี รวมทั้งสามารถรับความผันผวนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่าซึ่งอาจทำให้มีความผันผวนของ NAV แบบวันต่อวันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนมุ่งหวังจะสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยพยายามบริหารให้อัตราผลตอบแทนไม่ติดลบในระยะเวลา 1 เดือน ทั้งนี้ กองทุน K-SFPLUS ยังคงมีสภาพคล่องสูง โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป นอกจากนี้ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดายังมีโอกาสรับผลตอบแทนแบบเต็มๆ โดยไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย”นายชัชชัยกล่าว
สำหรับ มุมมองของบลจ.กสิกรไทย ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและแนวโน้มของผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ นายชัชชัยกล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.50% เพื่อรอประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้จากปัจจัยภายนอกประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดจากการประชุมรอบล่าสุด ผนวกกับการที่ธนาคารกลางใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่น ญี่ปุ่นและยุโรป ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้ว อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมองว่ากนง.เลือกที่จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน และเก็บทางเลือกของการลดดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อใช้ในจังหวะที่จำเป็น ส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยรวมถึงผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวต่อเนื่องหรืออาจปรับตัวในทิศทางขาลง ดังนั้น การเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของตราสารหนี้ (Duration)ในพอร์ตยาวขึ้น และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจเพิ่มเติม แต่ยังคงมีสภาพคล่องที่ดีพร้อมรองรับการสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยังกองทุนอื่นในจังหวะที่เหมาะสม จึงถือเป็นทางเลือกที่เอื้อต่อผู้ลงทุนที่ยังคงต้องการแหล่งพักเงินในช่วงนี้เพื่อรอตัดสินใจลงทุนต่อไป
ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน K-SFPLUS ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact center 0 2673 3888