- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 11 February 2016 11:07
- Hits: 1552
บลจ.กสิกรไทย อวดฝีมือบริหาร 3 กองทุนเด่น ให้ผลตอบแทน 1 ปี ติด 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรม
บลจ.กสิกรไทย คาดแนวโน้มผู้ลงทุนแห่เข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ดันยีลด์บอนด์ปรับตัวลงระยะสั้น พร้อมอวดฝีมือบริหาร 3 กองทุนบอนด์ผลงานโดดเด่น โดย K-CBOND ให้ผลตอบแทน 1 ปีติดอันดับ 2 ในกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้น ด้าน K-FIXED และ K-PLAN1 ให้ผลตอบแทน 1 ปีติดท็อปไฟว์ในกลุ่มตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว พร้อมส่ง 2 กองทุนใหม่ประเภท Term Fund เสนอขาย 9-15 ก.พ.นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงในเกือบทุกช่วงอายุ ซึ่งคาดว่าเป็นผลต่อเนื่องจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ 0.1% ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงกลางกลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2558 ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ และแรงกดดันเรื่องอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ กรณีการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่ตลาดคาด และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนมกราคม 2559 ออกมาต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป และอาจส่งผลให้มีกระแสเงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ไทยบางส่วน ทำให้อัตราผลตอบแทนมีโอกาสปรับตัวลดลง
“แนวโน้มภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะสั้น คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าจะมีการปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียรวมถึงไทย เนื่องจากนักลงทุนหันกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและต้องการหลีกเลี่ยงเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ ตลาดหุ้นซึ่งยังคงมีความผันผวนสูง ประกอบกับปัจจัยเรื่องค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยมองว่าน่าจะยังทรงตัวที่ระดับ 1.50% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นบลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นหรือมีพอร์ตดูเรชั่นตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น” นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัย กล่าวต่อไปว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถบริหารกองทุนรวมในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปให้ได้ผลตอบแทนที่ดี โดยมีถึง 3 กองทุน ที่มีผลตอบแทนโดดเด่น ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นกู้ (K-CBOND) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปี อยู่ที่ 3.21% โดยถือว่ามีผลดำเนินงานเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ (K-FIXED) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 3.53% และกองทุนเปิดเค แพลน 1 (K-PLAN1) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 3.47% โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีผลดำเนินงานติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559)
สำหรับ กองทุน K-CBOND จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนหรือหุ้นกู้ เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่ากองทุนตราสารหนี้ทั่วไปที่ลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐเพียงอย่างเดียว ด้านกองทุน K-PLAN1 มีนโยบายลงทุนทั้งตราสารหนี้ภายในประเทศและตราสารหนี้ต่างประเทศ และกองทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนกองทุน K-FIXED จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ โดยมีกรอบเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาว และเหมาะกับผู้ที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนรวมตลาดเงินและตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้กองทุน K-FIXED เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ณ วันที่ 8 ก.พ. 2559 กองทุนมีขนาดมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 71,872.81 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 285% เมื่อเทียบกับขนาดมูลค่าสินทรัพย์ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีขนาดประมาณ 18,670 ล้านบาท รวมถึงกองทุนดังกล่าวยังได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจาก Morningstar Thailand ในปี 2012 และปี 2015 ในประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงยาว (Mid/Long Term Bond)
นายชัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระหว่างวันที่ 9 -15 กุมภาพันธ์ 2559 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน จำนวน 2 กองทุน ได้แก่
กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน โอ (KFF3MO) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.60% ต่อปี โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเอ็น (KEFF6MCN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.75% ต่อปี โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท และทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน