WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บลจ.กสิกรไทย เสิร์ฟกองทุนบอนด์สั้น 3-6 เดือน เน้นลงทุนต่างประเทศ ชูโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุด 2.70% ต่อปี เผยกองทุนไฮยิลด์บอนด์ยังฮิต ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำ

      บลจ.กสิกรไทยได้จังหวะส่งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุโครงการ 3-6 เดือน ชูโอกาสรับผลตอบแทน 2.40%-2.70% ต่อปี ด้านกองทุนตราสารหนี้ประเภทไฮยิลด์บอนด์ ได้รับความสนใจต่อเนื่อง เผยยังให้ผลตอบแทนโดนใจผู้ลงทุน ท่ามกลางแนวโน้มดอกเบี้ยทรงตัวระดับต่ำ

     นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 8-14 กรกฎาคม 2557 บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอบี (KEFF6MAB) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีเค (KFI3MEK) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

    นางสาวยุพาวดี เปิดเผยว่า “ปัจจุบันกลุ่มผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ ยังคงให้ความสนใจลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้โดยเฉพาะกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนสูง (ไฮยิลด์บอนด์) ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดย บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพ พร้อมกับการปรับจังหวะการออกกองทุนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน แม้เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากตัวเลขการส่งออก รวมถึงตัวเลขการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังต่อไป ทั้งนี้จะต้องจับตามองท่าทีของต่างประเทศเกี่ยวกับการทำรัฐประหารของ คสช. ซึ่งอาจจะมีมาตรการกีดกันทางการค้า และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยต่อไปได้”

    นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอบี (KEFF6MAB) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

    อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีเค (KFI3MEK) โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

    ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MAB และกองทุน KFI3MEK สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!