- Details
- Category: บลจ.
- Published: Sunday, 29 November 2015 09:19
- Hits: 1908
บลจ.วรรณ นำหลักทรัพย์ TLHPF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่ม 27 พ.ย. 58
บลจ.วรรณ เผยได้รับผลตอบรับดีหลังเปิดเสนอขาย IPO กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทยแลนด์ โฮสพีทาลิตี้(TLHPF) พร้อมนำหลักทรัพย์ TLHPF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.58) เชื่อมั่นแนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชูอัตราจ่ายเงินปันผลน่าสนใจจากรายได้ค่าเช่ารับประมาณ 7-8%ต่อปี
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีในระดับที่น่าพอใจ ภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทยแลนด์ โฮสพีทาลิตี้(TLHPF) ต่อประชาชนทั่วไป(IPO) ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และพร้อมนำหลักทรัพย์ TLHPF เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 172 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่า 1,720 ล้านบาท ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้
"แม้ว่า สถานการณ์ด้านอัตราดอกเบี้ยโลกจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกิดจากรายได้ค่าเช่า แต่สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ TLHPF บริษัทได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเกินความคาดหมาย โดยมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนเข้ามามากกว่าขนาดของกองทุนที่มีมูลค่า 1,720 ล้านบาท ซึ่งทำให้สามารถจดทะเบียนและจัดตั้งกองทุน TLHPF ได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นในการคัดสรรคุณภาพของสินทรัพย์ที่กองทุน TLHPF เลือกลงทุนยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ บนที่ดินติดหาดแหลมตงขนาดยาว 500 เมตร บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อีกทั้ง การเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการรายใหม่ๆของโรงแรมบนเกาะพีพีค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ของที่ดินบนเกาะพีพี ซึ่งทำให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างและให้ใบอนุญาตโรงแรมค่อนข้างเข้มงวด" ดร.วินกล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาแยกเป็นรายอุตสาหกรรม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมและที่พักมีส่วนแบ่ง 1 ใน 5 ของมูลค่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทประเมินว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์การโรงแรมและการท่องเที่ยวยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 27.78% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีช่วงเหตุการณ์ไม่สงบที่แยกราชประสงค์ก็ตาม อีกทั้งในช่วงนี้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับมีการเปิดให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนธุรกิจภาคการท่องเที่ยวให้เติบโตได้
ดร.วินก ล่าวเพิ่มเติมว่า หากเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท Freehold ด้วยกัน กองทุน TLHPF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละประมาณ 7.01% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทเดียวกันที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6.62% ต่อปี
สำหรับ กองทุน TLHPF จะให้สิทธิแก่บริษัท พี พี ฮอลิเดย์ จำกัด เป็นผู้เช่าโดยมี Inter-Continental Hotel Group หรือ IHG ภายใต้แบรนด์ Holiday Inn Resort เป็นผู้บริหารโครงการ ทั้งนี้ มีระยะเวลาการให้เช่ารวม 15 ปี โดยแบ่งเป็นสัญญาเช่า 3 ปี และจะต่ออายุสัญญาทุก 3 ปี จำนวน 4 ครั้ง ในส่วนของรายได้ของกองทุน TLHPF จะมาจากค่าเช่าคงที่ภายใต้สัญญาเช่าระหว่างกองทุนและผู้เช่าแต่เพียงอย่างเดียว และกองทุนมีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งบลจ.วรรณในฐานะบริษัทจัดการมีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการประมาณรายได้ค่าเช่ารับอยู่ประมาณ 7 - 8% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาค่าเช่าคงที่ 15 ปี
คุณฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีพี ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่และภูเก็ตรวมถึงโรงแรมบนเกาะพีพี มีทิศทางการเติบโตที่ดีมาโดยตลอด จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของทางรัฐบาล นอกจากนี้ ทัศนียภาพบนเกาะพีพี ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว เนื่องจากยังมีความสงบและเป็นธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่นำนักท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อชมปะการัง และชื่นชมความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลเกาะพีพี
อีกทั้ง โรงแรมบนเกาะพีพีที่เป็นโรงแรมมาตรฐานในระดับสากล (Chain International) มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งบริษัทมีแนวทางการบริหารงานที่มุ่งเน้นการให้บริการต่างๆ รวมถึงการดำเนินงานของทรัพย์สินให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของ แบรนด์ Inter-Continental Hotel Group ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง อาทิ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ยุโรป เอเชียใต้ อเมริกา เป็นต้น โดยจำนวนการเข้าใช้บริการห้องพักของโรงแรม พีพี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทมีอัตราเฉลี่ยเข้าพักประมาณ 80% ดังนั้น หากพิจารณาในแง่มุมของธุรกิจบนเกาะพีพีในเชิงการท่องเที่ยวแล้ว บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเจริญเติบโตที่ดี