- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 23 November 2015 23:05
- Hits: 1599
กบข.ฟุ้งสิ้นปีผลตอบแทนพุ่งขยายเพดานลงทุนฉลุยพร้อมบุกตปท.เพิ่ม 2-3%
ไทยโพสต์ * กบข.คาดทั้งปีสร้างผลตอบแทนได้ 4% ประเมินปีหน้าให้มากกว่าเงินฝาก 2.5-3.5% เผยไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์น่าสนใจ ชี้สถาบันขนาดใหญ่เน้นลงทุนสินทรัพย์ที่มีรายได้จากภาษีมากกว่าเก็บค่าธรรมเนียม
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ประเมินสิ้นปี 2558 จะบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ 4% จากสิ้นเดือน ต.ค.2558 ทำได้แล้ว 3.59% สูงกว่าอัตราเงินฝากที่อยู่ในระดับ 1% สำหรับแผนการลงทุนปี 2559 หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายเพดานลงทุนต่างประเทศจาก 25% เป็น 30% กองทุนจะออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2-3% โดยจะเน้นลงทุนในกองอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก และบริหารกองทุนให้ได้ผลดีจากเงิน บาทอ่อนค่าและเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่า คาดว่าทั้งปีหน้าจะบริการจัดการผลตอบแทนให้สูงกว่าเงินฝาก 2.5-3.5% โดยประเมินอัตราเงินฝากปีหน้าจะอยู่ในระดับ 1.5%
"ปัจจุบัน กบข.ลงทุนในต่างประเทศเกือบเต็มเพดานที่ 24.5% มองว่าหุ้นต่างประเทศยุโรปและญี่ปุ่นยังน่าสนใจ ขณะที่หุ้นไทยมีความเปราะบางจากเศรษฐกิจ จึงจะเน้นลงทุนในกลุ่มที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีกและ โรงพยาบาล ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ ขึ้นดอกเบี้ยภายใน ธ.ค.นี้ และขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับ 1% เงินจะไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ แต่เชื่อว่าออกจากไทยไม่มาก เพราะต่างชาติถือครองทั้งหุ้นและตรา สารหนี้น้อย ซึ่งเงินที่ไหลออกบางส่วนจะทำให้หุ้นไทยผันผวน จึงต้องลงทุนเป็นช่วงเวลา คาดว่าปีหน้าหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนบวกที่ 8%" นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ด้านการลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์นั้น เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน จึงขอศึกษาในรายละเอียดก่อน แต่เบื้องต้นรูปแบบการลงทุนดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสนใจ
นายยิ่งยง นิลเสนา รองเลขาธิการกลุ่มงานบริหารเงินกอง ทุน กบข. เปิดเผยว่า โดยทั่วไปการ ลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของสถาบันจะได้หุ้นจากการขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในจำ นวนมาก (บิ๊กล็อต) แต่การขายจะ ทำได้ยาก เพราะไม่มีสภาพคล่องรอซื้อเพียงพอ จึงต้องติดต่อขายให้กับสถาบันอื่นแทน จึงมองว่า การจะซื้อขายกองทุนรวมโครง สร้างพื้นฐานเหมาะกับนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน เพราะสามารถซื้อหรือขายจำนวนน้อยได้
ขณะที่อัตราผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของรายได้ นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีรายได้จากภาษี มากกว่ารายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากประชาชน เพราะมีรายได้ที่แน่นอนและสามารถปรับขึ้นค่าธรรมเนียมได้ตามสัญญา.